การที่ทัพเฮยอวี่กลับมาที่ภูเขาไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร แต่ตระกูลขุนนางใหญ่ได้รับข้อมูลที่คลุมเครือเท่านั้น อีกอย่างข่าวที่ได้ก็ไม่ได้มาจากทัพเฮยอวี่โดยตรงอีกด้วย
มีสายลับของทัพเฮยอวี่จำนวนมากที่ซ่อนตัวอยู่ในช่องเขาเว่ยเป่ย เนื่องจากพวกเขาได้วางแผนเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ตระกูลขุนนางใหญ่ต้องการแบ่งปันผลประโยชน์กันอีกด้วย แต่พวกเขาก็เพิ่งมาตกลงกันได้ไม่นาน ดังนั้นการเตรียมตัวด้านการหาข่าวนั้นก็ยังไม่ค่อยมั่นคงนัก
เมื่อข่าวการพ่ายแพ้ของกองทัพขนนกดำมาถึงมือของเหล่าขุนนางใหญ่พวกเขารู้เพียงว่ามีทัพที่พวกเขาไม่รู้จักหลบอยู่ในภูเขา และทัพนี้ก็ฆ่าทหารทัพเฮยอวี่ไปได้ถึง 11000 นาย…
เมื่อพวกขุนนางได้ข้อมูลอย่างนั้น พวกเขาก็คิดว่ากำลังฝันไป ทัพที่มีกำลังพลเหลือในภูเขาจะฆ่าทหารทัพเฮยอวี่ไปได้ถึง 11000 นายได้อย่างไรกัน
ทัพเฮยอวี่แข็งแกร่งมากไม่ใช่เหรอ ทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงได้ปล่อยให้ทัพกระจอกแบบนั้นมาฆ่าตัวเองได้!
เพราะฉะนั้นพวกตระกูลขุนนางจึงคิดว่าข้อมูลที่ได้มานั้นเชื่อถือไม่ได้ พวกเขาสงสัยว่าทัพเฮยอวี่อาจจะกำลังวางกับดักพวกเขาอยู่ก็ได้
แต่ทัพหลงเหมิ่งยังไม่ตาย ผู้นำของพวกเขาได้พาผู้ใต้บังคับบัญชาจากไปอย่างลับๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความตายอย่างที่ทัพชิงไซทำ สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือทั้งทัพฉือเหยียนและทัพหลงเหมิ่งไม่ได้มีความคิดว่าพวกเขาจะสู้จนตัวตาย แต่กลับเลือกที่จะหนีไปแทนตอนแนวป้องกันในทัพถูกทำลายลง
ตอนนั้นเองทัพหลงเหมิ่งที่มีทหารเหลืออยู่ 4000 นายก็หนีออกไปในเมืองที่ห่างไปไกลกว่า 300 กิโลเมตรหลังจากการต่อสู้ที่ช่องเขาเว่ยเป่ย พวกเขามาขอความช่วยเหลือจากขุนนางอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแพ้มาจากที่ช่องเขา แต่พวกเขาก็ยังตั้งใจกลับไปสู้กันต่อ!
ตระกูลขุนนางทั้งหลายยังคงติดต่อกับทัพหลงเหมิ่งอยู่ ตอนนี้ทุกคนก็อยากเอาหน้า พวกเขาก็เลยพยายามดึงทัพหลงเหมิ่งมาเป็นพวก
ดังนั้นพวกขุนนางจึงส่งคนไปขอข้อมูลจากทัพหลงเหมิ่ง พวกเขาอยากจะรู้ว่าข้อมูลที่ได้มานั้นเชื่อถือได้จริงหรือเปล่า และถามพวกเขาว่ารู้จักทัพที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาไหม
เมื่อผู้นำของทัพหลงเหมิ่งได้รับข้อมูลนั้นมาเขาก็ตะลึงไป มีทัพอยู่ในภูเขาด้วยเหรอ เป็นทัพที่รวมกันระหว่างทัพอู่เว่ยและทัพชิงไซใช่ไหมนั่น
ตอนแรกเมื่อทัพหลงเหมิ่งได้รับข้อมูลมาว่าหลี่ว์ซู่เป็นผู้บัญชาการ พวกเขาก็ไม่ได้มีความหวังมากนัก พวกเขายังได้รับข้อมูลกันมาอีกว่าทัพเฮยอวี่ส่งกำลังสี่หน่วยเข้าไปในภูเขา เพราะฉะนั้นพวกเขาก็จะต้องระวังเอาไว้
แต่ก่อนที่ทัพหลงเหมิ่งจะได้เจอกับหน่วยทั้งสี่ของทัพเฮยอวี่ ทัพหลงเหมิ่งก็พ่ายแพ้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง…
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทัพเฮยอวี่จะไม่ได้เคลื่อนไหวช้าเกินไป แต่กลับกลายเป็นว่าทัพเฮยอวี่โดยฆ่าตายบนภูเขาไปแล้วต่างหาก!
นี่มันอะไรกันเนี่ย ทัพอู่เว่ยและทัพชิงไซป่าเถื่อนขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนนะ ไปทำอะไรกันมาล่ะเนี่ย!
ไม่มีใครในรัฐทางเหนือรู้เลยว่าทัพเฮยอวี่พ่ายแพ้ไปแล้ว ไม่มีใครรู้ด้วยว่าทัพอู่เว่ยแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาป่าเถื่อนมากกันขนาดไหน…
ไม่มีใครรู้ด้วยว่าทำไมทัพอู่เว่ยและทัพชิงไซถึงได้เป็นทัพที่ป่าเถื่อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เมื่อผู้บัญชาการทัพหลงเหมิ่งส่งข้อมูลกลับไปในพวกขุนนาง พวกขุนนางก็งงงวยเช่นกัน พวกเขาเคยได้ยินชื่อทัพอู่เว่ยกันมาก่อน พวกทัพนั้นมีแต่คนเร่ร่อน!
แต่ทัพอู่เว่ยเป็นได้แค่ทัพกระจอกให้รัฐทางเหนือไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกเขาถึงโจมตีกลับอย่างนั้นได้
พวกขุนนางไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มาก พวกเขาสนใจว่าพวกเขาจะใช้งานทัพอู่เว่ยได้หรือเปล่าต่างหาก! ถ้าทัพอู่เว่ยแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างลึกลับแบบนี้ แปลว่าใครที่ได้ครอบครองทัพอู่เว่ยก่อนจะได้ส่วนแบ่งชิ้นโตไปครอง!
จอมทัพสวรรค์เหวินไจ้โฝ่วไม่ค่อยถามเรื่องการต่อสู้ในสนามรบ แต่เขาก็ส่งเสริมและให้รางวัลคนที่กล้าหาญอยู่ตลอด ทัพอู่เว่ยเอาชนะทหารทัพเฮยอวี่ได้เป็นหมื่นนายเช่นนี้ ท่านจอมทัพสวรรค์น่าจะตกรางวัลให้พวกเขาอย่างงามทีเดียว
คืนนั้นพวกขุนนางก็ส่งทาสออกไปที่ภูเขา พวกทาสเดินไปตามภูเขาราชาหลี่ว์เพื่อไปหาทัพอู่เว่ย
พวกเขาอยากจะไปเห็นกับตาว่าทัพอู่เว่ยเป็นอย่างไร และพวกเขาก็อยากจะแข่งขันกันครอบครองทัพอู่เว่ยก่อนใครด้วย
ทัพเฮยอวี่ประจำการอยู่ที่ช่องเขาเว่ยเป่ยและช่องเขาหลีหยาง พวกเขาได้รับมอบหมายให้รักษาความสะอาดภายในและรักษาความปลอดภัยของพื้นที่นี้ด้วย อย่างไรก็ตามพวกฝั่งที่อยู่ช่องเขาหลีหยางอยากจะเดินทางต่อไปทางทิศตะวันออก แต่พวกที่อยู่ฝั่งช่องเขาเว่ยเป่ยกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
พวกเขาเดินทางต่อไปทางเหนือไม่ได้ เพราะในภูเขานั่นมีทัพที่แข็งแกร่งอยู่ แล้วจะเดินต่อไปทางเหนืออย่างไรกัน
ทาสของขุนนางจากทางเหนือวิ่งไปในภูเขาเพื่อทำตามแผนของเจ้านายให้สำเร็จ แต่พวกทาสก็ต้องหัวเสียที่พวกเขาไม่รู้ว่าทัพอู่เว่ยอยู่ที่ไหนกันแน่ พวกเขาเลยทำได้แค่ตามหาอย่างช้าๆ
ครึ่งเดือนผ่านไปแล้ว และตอนนั้นเองพวกทาสก็เห็นค่ายทหารอยู่ในภูเขาราชาหลี่ว์
แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ภูเขาราชาหลี่ว์พวกเขาก็หยุดเดิน เพราะหลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นกำลังลาดตระเวนบริเวณนั้น
พวกทาสเห็นชายหนุ่มทั้งสองคนยิ้มและพูดคุยกัน พวกเขามีความเย่อหยิ่งเหมือนขุนนาง เมื่อเทียบกับทัพอู่เว่ยกับพวกขุนนางแล้ว ขุนนางเหมือนเป็นผู้สูงส่งจากสวรรค์แต่ทัพอู่เว่ยเป็นเหมือนคนธรรมดาที่อยู่บนดิน ไม่ว่าทัพอู่เว่ยจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ทาสคนนั้นพูดออกไป “พวกเรามาตามหาผู้บัญชาการของทัพอู่เว่ยเพื่อจะเสนอเงินทองและลาภยศให้เขา”
หลี่เฮยทั่นมองพวกเขากลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แล้วทำไมท่าผู้ยิ่งใหญ่ของเราจะต้องอยากได้เงินทองและลาภยศจากพวกแกด้วย พวกแกเป็นใคร”
พวกทาสเริ่มอารมณ์ไม่ดี “แล้วแกล่ะเป็นใคร เอาผู้บัญชาการมาพูดกับเราดีกว่า”
หลิวอี้เจายิ้มตอบ “ฉันเป็นหน่วยสอดแนม รู้ใช่ไหมว่าแปลว่าอะไร ฉันดูแลเรื่อง…”
“พวกเรารู้ว่าหน่วยสอดแนมคือใคร” ทาสคนหนึ่งหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไมไม่ไปรายงานผู้บัญชาการอีก ถ้าเขารู้ว่าฉันมาที่นี่เขาจะต้องดีใจแน่”
“ขอโทษทีนะ” หลิวอี้เจาส่ายหัว “พวกคุณต้องเรียนรู้วิธีการพูดกับท่านผู้ยิ่งใหญ่ของเราก่อนที่ฉันจะพาไปหาเขา”
พวกทาสหัวเราะกันออกมา เพิ่งจะเคยเห็นหน่วยสอดแนมที่เย่อหยิ่งขนาดนี้ ถึงพวกทหารจะออกไปสู้รบในสนามรบอย่างกล้าหาญ แต่ในโลกนี้ขุนนางน่ะเป็นเหมือนเทพเลยนะ!
ทาสคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมาอย่างน่ากลัว “งั้นให้พวกเราสอนพวกแกว่าต้องพูดยังไงกันดีกว่าไหม!”
มีทาสสองคนที่อยู่ระดับสอง แล้วพวกเขาจะยอมให้หน่วยสอดแนมกระจอกอย่างนี้มาสอนพวกเขาได้อย่างไร
ขณะที่พูดอยู่นั้นพวกทาสก็เข้าไปล้อมหลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่พวกเขาน่าจะสั่งสอนหน่วยสอดแนมพวกนี้ได้อย่างสบายๆ
หลังจากผ่านไปสิบนาทีหลิวอี้เจาก็มองดูพวกทาสทั้งเจ็ดคนนอนสลบอยู่บนพื้น “ตอนนี้รู้หรือยังว่าจะไปพูดกับท่านผู้ยิ่งใหญ่อย่างไร”
“รู้แล้วครับ รู้แล้ว…”
[ได้รับแต้มจากจังจื้อเหวิน +999]
[ได้รับแต้มจาก…]