ตอนที่ 6-1

 

 

 

“…เดี๋ยวก่อน”

 

 

พอออกมาจากเมืองฮอนก็รู้สึกเวียนหัวจนหยุดม้ากะทันหันแล้วลงไปที่พื้น เหล้าก็ไม่ได้ดื่มเข้าไปมากเสียจนทำให้ปวดหัว แต่ทำไมร่างกายร้อนผ่าวและรู้สึกกระหายน้ำเช่นนี้

 

 

“ไหวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ชานรีบลงมาจากม้าแล้วเข้าไปประคอง แต่ชั่วขณะที่มือที่เป็นห่วงสัมผัสลงบนไหล่ของเขา ภาพที่ลอยเข้ามาในหัวของฮอนกลับเป็นภาพที่ชานดึงไหล่ของรยูฮาเข้ามาหาตัวในขณะที่เกิดเหตุวุ่นวายก่อนหน้านี้ ฮอนปัดมือของชานออกอย่างหงุดหงิดแล้วนั่งลงบนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ข้างๆ รยูฮาส่ายหน้าเงียบๆ แล้วส่งบังเ**ยนม้าให้ชาน

 

 

“ดูท่าคงขี่ม้าไม่ไหวเพคะ เดินไปก็ไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นให้พักเสียหน่อยแล้วเดี๋ยวหม่อมฉันจะดูแลเองเพคะ องค์ชายเสด็จไปรอก่อนได้เลยเพคะ”

 

 

“พระชายาน่ะหรือ”

 

 

“ขี่ม้าไปพร้อมกันสองคนไม่ได้หรอกเพคะ ม้ามันก็ไม่ได้ทำอะไรผิด”

 

 

“มันอันตราย ไปพร้อมกันเถิด”

 

 

คำพูดของชานไม่ทันได้เข้าไปในหัวของผู้ใด เพราะมินอาดึงเขาออกมาก่อน ด้วยว่านึกเอะใจอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งหากความสัมพันธ์ของฮอนและรยูฮากลับมาดังเดิมก็คงจะดี การขจัดชานที่กำลังขัดขวางเรื่องสำคัญแบบนี้เป็นหนึ่งในหน้าที่ที่มินอาต้องทำในฐานะคนใกล้ชิดที่สุดของรยูฮา มินอายื่นดาบของตนให้รยูฮาเพื่อตระเตรียมกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แล้วควบม้าไปทางเพิงที่พักชั่วคราวพร้อมกับชานทั้งอย่างนั้น

 

 

“ฝ่าบาท”

 

 

รยูฮานั่งลงข้างฮอนแล้วใช้มือลูบหลังเบาๆ อย่างเป็นห่วง ทุกครั้งที่มือของหญิงสาวสัมผัสลงมา ฮอนก็หายใจหอบฮักๆ เสียงหวาน ลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาข้างๆ และกลิ่นเหล้าที่ผสมรวมเข้ากับกลิ่นกายของรยูฮาที่ทำให้วิงเวียน ฮอนหันหน้าไปอย่างไม่มีเวลาให้คิดแล้วประกบปากลงบนริมฝีปากของรยูฮา เป็นร่างกายของตัวเองแท้ๆ แต่เข้ากลับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจ ไม่สิ มันรู้สึกเหมือนกับว่าแม้แต่ใจก็เหมือนถูกอะไรบ้างอย่างเข้ามายึดครอง

 

 

“ฮอน หยุด”

 

 

ฮอนได้สติเพราะเสียงกระซิบเบาๆ นั้น เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสถานการณ์ในตอนนี้ ร่างของรยูฮาถูกดันให้เอนนอนลงบนหินเย็นๆ และไหล่ขาวก็ถูกเผยออก ยิ่งไปกว่านั้นคือลิ้นของเขากำลังไล่เลียไปตามลำคอเรื่อยลงไปจนถึงไหล่ของหญิงสาว และสิ่งที่ทำให้ฮอนรู้สึกมึนงงได้มากที่สุดคือความต้องการของตัวเองที่ร้อนแรงขึ้นอีกโดยที่ไม่มีสงบลงเลย 

 

 

รยูฮาคือสตรีสูงศักดิ์ ชาติกำเนิดและสถานภาพสำหรับฮอนแล้วสูงศักดิ์ไปเสียหมด ไม่ใช่สตรีที่จะให้มาเอนตัวลงบนพื้นเย็นๆ แบบนี้ เช่นนั้นแล้วฮอนจึงดึงร่างของนางขึ้นมาอย่างเบามือ แล้วนั่งเอามือปิดหน้า

 

 

“เจ้าไปเถอะ จะได้ตามทัน”

 

 

“พระวรกายเป็นเช่นนี้ตามไปไม่ไหวหรอกเพคะ”

 

 

“แค่เมานิดหน่อยเท่านั้นเอง”

 

 

“ไม่ใช่เพคะ ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังทรงเมายา ดูท่านางโลมคนนั้นคงถูกใจฝ่าบาทมากนะเพคะ”

 

 

รอยยิ้มแห้งๆ ปรากฏบนใบหน้าของฮอน รยูฮาเองก็ไม่อยากให้สตรีนางนั้นมานั่งข้างพระสวามีของตนเอง จนหญิงสาวที่ถูกเลือกส่งๆ ไปตามสถานการณ์นั่งลง แต่ใครจะไปรู้ว่าหญิงสาวที่ส่งสายมามองมาเป็นพิเศษจะเป็นต้นเหตุของปัญหา ฮอนหายใจเข้าอย่างแรงแล้วส่งสัญญาณมือมาทางรยูฮาโดยไม่หันมามอง

 

 

“ขอร้อง อย่าทำให้ข้าสัมผัสเจ้ามากไปกว่านี้เลย”

 

 

“อะไรกันเพคะ ทั้งที่หม่อมฉันยินดี”

 

 

ความหมายของคำพูดของฮอนก็คือไปออกห่างเพื่อที่เขาจะได้สัมผัสนางมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่รยูฮากลับเข้าใจเป็นว่า ฮอนขอร้องให้ทำให้มือและเท้าของเขาเคลื่อนไหวไม่ได้ ก่อนที่ฮอนจะได้พูดอะไรต่อสติของเขาก็หลุดลอยและล้มลงในอ้อมกอดของรยูฮา เพราะมือเรียวบางนั้นที่จับอยู่ต้องท้ายทอยของเขา

 

 

“รูปงามจริงๆ”

 

 

ริมฝีปากของรยูฮาที่กอดและมองไปยังฮอนกำลังยกยิ้มขึ้น ท่านพี่ทั้งสามของรยูฮาต่างก็เป็นชายหนุ่มที่เป็นที่เลื่องลือว่ารูปงาม เนื่องจากได้ความสูงมาจากบิดา และมีดวงตาสวยเหมือนมารดา อีกทั้งโฮจินที่ถูกเก็บมาเลี้ยงก็งามไม่แพ้ท่านพี่เช่นกัน รยูฮาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นจึงไม่เคยชายตามองชายหนุ่มที่แค่พอใช้ได้เลย

 

 

แต่ว่ากับฮอนมันต่างออกไป ดวงตาสดใสเวลายิ้มบนผิวขาวสะอาดยิ่งกว่าสตรี ไปจนถึงริมฝีปากที่อยากจะลองกัดดูสักครั้งนั้นอีก ขนาดที่ว่าพระราชาทรงเรียกไปเพื่อตำหนิ แต่พอได้เห็นหน้าฮอนก็หายโกรธแล้วส่งกลับไปเฉยๆ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงเข้าใจความรู้สึกของนางโลมคนนั้นที่ใส่ยาลงไปในแก้วเหล้าของฮอน

 

 

หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวพยายามประคองร่างของฮอนเพื่อให้ขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ถึงจะเสียดายแต่ตอนนี้ต้องกลับแล้ว แต่ต่อมาอีกไม่นานรยูฮก็ดันฮอนให้เอนลงไปอีกครั้งแล้วจับดาบที่มินอาทิ้งไว้ให้ ม้าหนึ่งฝูงกำลังวิ่งเข้ามาพร้อมกับกลุ่มควันสีขาวที่สะท้อนกับแสงจันทร์จากที่ไกลๆ

 

 

“ตรงนั้น! จับตัวไว้!”

 

 

ไม่มีความคิดที่จะหนีด้วยซ้ำแล้วจะจับอะไร ขณะที่รยูอาเผลอหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เหล่าทหารหลายสิบนายก็วิ่งกรูเข้ามาล้อมรยูฮากับฮอนไว้ ดูเหมือนว่าเจ้าคนที่บอกว่าเป็นลูกชายเจ้าเมืองจะพาทหารมาแก้แค้น

 

 

“อะไรกัน ไอ้ลูกหมานี่ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ได้”

 

 

เขาลงจากม้ามาแล้วกระแนะกระแหนด้วยใบหน้าบวมเป่ง ดาบของรยูฮาจ่ออยู่ตรงคอเขา ในขณะเดียวกับดาบของเหล่าทหารก็มุ่งตรงไปทางรยูฮา แต่หญิงสาวไม่สะดุ้งตกใจใดๆ และระบายความโมโมเงียบๆ ไปทางโซชอน

 

 

“ขยับห่างออกมาจากเขา ก่อนที่หัวของเจ้าจะหลุดออกจากตัว”

 

 

โซชอนและเหล่าทหารพากันผงะกับความกระหายเลือดแบบไม่มีเหตุผลของรยูฮา แต่ว่าเวลาต่อมาโซชอนกลับหัวเราะเสียงดังทำท่าจะเตะเข้าที่ฮอนอย่างใจกล้า ไม่สิ เขามีความคิดที่จะเตะจริงๆ แต่ว่าขาของเขากลับหายไปจากที่ที่ควรจะต้องอยู่ เลยทำเช่นนั้นไม่ได้

 

 

“อ๊ากกก!”

 

 

ดาบของรยูฮาร่ายรำและเคลื่อนไหวอย่างพลิ้วไหวท่ามกลางฉากหลังที่เป็นเสียงกรีดร้องเพราะความเจ็บปวดและเลือดที่ไหลออกมา พวกทหารที่ไม่สมกับเป็นทหารยังไม่ทันได้กวัดแกว่งดาบก็ทรุดลงไปบนพื้นทีละคนสองคน ปลายดาบที่เข้าใกล้รยูฮามากที่สุดก็เพียงแค่ผ่านเส้นผมไป และทหารคนที่ทำให้ผมยาวของรยูฮาถูกปล่อยลงมาอยู่เหนือเอวก็ล้มลงไปจูบกับพื้นเรียบร้อย

 

 

ผลลัพธ์ช่างน่าเวทนา เรื่องเกิดขึ้นเร็วเพียงชั่วพริบตา พายุเลือดนั้นจบลงถึงได้ยินเสียงกีบเท้าม้าดังใกล้เข้ามาจากทางที่พักชั่วคราว ชานพาเหล่าทหารใต้บังคับบัญชามาด้วยเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

 

 

“พระชายา!”

 

 

“ฝ่าบาท!”

 

 

ชานและเหล่าทหารเข้ามาใกล้และหยุดอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางเหล่าทหารที่ล้มลงไปในยามค่ำคืนก็เห็นพระชายาที่ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเลือดในสภาพถือดาบอยู่และข้างกันนั้นเป็นองค์รัชทายาทที่นอนอยู่ราวกับตายไปแล้ว และโซชอนที่หมดสติไปในสภาพถูกฟันเข้าที่ขา ภายใต้ประวัติศาสตร์การสร้างชาติมามีภาพอันแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วยหรือ แต่ว่ารยูฮาที่เป็นตัวหลักของเรื่องทั้งหมดกลับเช็ดคมดาบเข้ากับชายเสื้อและเปิดปากอย่างเซ็งๆ

 

 

“เขาแค่สลบไปพากลับไปด้วย เหล่าทหารที่ยังไม่ตายก็ทิ้งไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวพอฟื้นก็กลับไปเอง แล้วก็ของที่ตกไว้ตรงนั้นเอากลับที่พักไปด้วย”

 

 

ความโกรธของหญิงสาวช่างเย็นชาและโหดร้าย เป็นภาพที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรู้ได้ภายใต้รอยยิ้มน่ารักและเสื้อผ้าสีขาว แต่ไม่มีเวลาให้มามัวเครียด เหล่าทหารเคลื่อนที่อย่างไม่มีอะไรติดขัด มือใหญ่และอบอุ่นสัมผัสตรงลงตรงใบหน้าของรยูฮาที่กำลังมองเขาอยู่

 

 

“ไหวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

มือของชานที่ค่อยๆ เช็ดเลือดออกให้ถูกรยูฮาจับลดมือลง

 

 

“มีอะไรให้ไม่เป็นไหวหรือเพคะ”

 

 

“เกลียดเลือดไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ อาจจะเป็นลมได้เลย…”

 

 

รยูฮาหันไปดึงชายเสื้อของชานแล้วใช้สิ่งนั้นเช็ดหน้า

 

 

“ผู้หญิงเราก็ต้องมีได้เห็นเลือดบ้างเพื่อปกป้องของสำคัญ มันเรียกว่าเลือดของความเชื่อมั่นในตนเองเพคะ”

 

 

ภายใต้ลมหนาวจากทางเหนือ หลังมือของชานที่รยูฮาจับแล้วปล่อยก็ยังอบอุ่น ตรงชายเสื้อที่ลมหายใจของรยูฮาสัมผัสโดนแล้วผละออกถูกย้อมไปด้วยเลือด ชานมองตามแผ่นหลังของรยูฮาที่ขึ้นม้าไปแล้วยิ้มอย่างขื่นขม ‘สิ่งสำคัญ’ หากมันหมายถึงตัวเขาก็คงจะดี หยาดหยดแห่งความเห็นแก่ตัวค่อยๆ กระจายตัวลงในสระน้ำภายในหัวใจของชานเหมือนน้ำหมึกสีเข้ม