ตอนที่ 619 ย้ายมาอยู่กับผม (4) โดย Ink Stone_Romance

เธอในตอนนั้นอยากให้เขามีความสุข

ทั้งรู้สึกภูมิใจและประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเขาเกิดอารมณ์จนยากจะควบคุมเพราะตัวเองและไร้ทางปลดปล่อยนั่น

เมื่อทนไม่ไหวเย่เซียวจะพลิกตัวคร่อมเธอที่แสนซุกซนไว้ใต้ร่าง มือหนึ่งตะครุบสองมือเธอพลางพูดตักเตือน ‘ถ้าซนอีก ผมจะจัดการคุณจริงๆ แล้วนะ!’

เวลาไฟราคะกำลังกลืนกินตัวเขา ดวงตาคู่นั้นแทบพ่นไฟออกมาให้ได้

เธอจะหัวเราะอย่างได้ใจ ดวงตาฉ่ำวาวเป็นประกาย ‘ฉันไม่กลัว ฉันมียันต์ป้องกันตัว’

‘รอญาติของคุณกลับไปก่อนเถอะ ผมมีโอกาสสั่งสอนคุณอีกเยอะ’

‘แต่ฉันยังอายุน้อยอยู่เลยนะ คุณทำใจรังแกฉันลงเหรอ?’ เห็นได้ชัดว่าเธอถูกตามใจจนเกินไป รู้ว่าเขายอมรักและเอาใจเธอเช่นนี้ เขาถอนหายใจ ‘เพราะฉะนั้นคุณก็รีบๆ โตสักที ผมกลัวจะรอไม่ถึงสองปี…’

เมื่อนั้นบางครั้งไป๋ซู่เย่เคยคิดจะทุ่มทั้งตัว มอบตัวเองในวัยสิบแปดให้เขาเพราะเธอรู้ดีว่าระหว่างพวกเขา…อีกไม่ถึงสองปี…

จะไม่มีอนาคต…

“คุณคงไม่คิดว่าเหม่อลอยแล้วผมจะปล่อยคุณไปหรอกนะ?”

เสียงของเขาฉุดสติเธอกลับมา

นึกถึงอดีตแล้วกลับมาดูปัจจุบันเธอก็รู้สึกแสบจมูกและรู้สึกขมขื่นในใจ แต่ใบหน้ากลับจุดยิ้มจางๆ “สิบปีมาแล้ว ไม่คิดว่าความจำคุณจะดีขนาดนี้”

เย่เซียวหมดความอดทนเต็มทีโดยเฉพาะกับบางเรื่องที่คิดไม่ได้ หากนึกถึงแค่เห็นปากแดงระเรื่อขยับไปมาของเธอก็รู้สึกว่านั่นเป็นการยั่วยวน กระตุ้นเขา เขาต้องการให้เธอทำ! เพราะฉะนั้นไม่สนว่าคำพูดของเธอกำลังประชดประชันเขาอยู่หรือไม่ก็ทำแค่ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด ครางฮึมในลำคอ “อย่าพูดมาก ยอมทำก็รีบทำ ไม่อยากทำก็ไสหัวออกไป!”

“ได้ ฉันตกลง” ไป๋ซู่เย่ลุยออกไปแล้ว เธอรู้ว่าเย่เซียวจงใจทำให้เธอขายหน้าจึงหาโจทย์ยากให้เธอ บางทีคิดว่าคงทำให้เธอล่าถอยไปได้ หรือบางทีนี่อาจทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เธอไม่ใช่คนที่จะยอมถ่าลอยได้ง่ายๆ

ปัดผมลอนยาวที่เพิ่มความเย้ายวนนั่นไปด้านหลัง เรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนย่อตัวนั่งกับพื้น

เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าขณะที่นิ้วมือตัวเองแตะโดนขอบกางเกงเขา ปลายนิ้วและลมหายใจสั่นระริก เธอเตรียมใจไว้อย่างดีแล้วแท้ๆ แต่พอทุกอย่างปรากฏต่อหน้าตัวเองเธอก็รู้สึกมึนไปชั่วขณะ ลมหายใจขาดห้วง

เธอในอดีต ทำไมถึง…ใจกล้าได้ขนาดนั้น และหน้าไม่อายได้ขนาดนั้น?

เธอนั่งย่อกับพื้น ผมสยายลงถึงเอว เสื้อผ้าบนตัวไม่เป็นระเบียบ ปากอุ่นร้อนเข้าใกล้เขาอย่างยิ่ง

ท่าทางเช่นนี้แค่ดูแวบเดียวก็ทำเอาเลือดในกายของชายหนุ่มพลุ่งพล่าน

เขาสามารถรับรู้ถึงลมหายใจที่ปนกลิ่นหอมหวานของเธอแตะโดนจุดที่อ่อนไหวที่สุดของเขา เขาหายใจหนักอึ้งมากขึ้น ความต้องการฉายให้เห็นผ่านแววตาจนเขาแทบบ้ากับความรู้สึกนี้

…………………………

หนึ่งนาทีหลังจากนั้น…

“****!” เสียงสบถต่ำหลุดออกมาปนเสียงครางผะแผ่วที่แว่วมา

จากนั้นเป็นรอยยิ้มจางๆ อย่างสมน้ำหน้าของหญิงสาว

ผู้หญิงบ้านี่ นี่เอาใจเขาที่ไหนกัน?! กล้ากัดเขางั้นหรอ!

ความเจ็บที่ทำให้ขนลุกไปทั่วหนังศีรษะ

เขากัดฟันกรอด ใช้สายตาดุดันแบบอยากฆ่าคน จ้องเธอ “ไป๋ซู่เย่ อยากตายหรือไง!”

“ดูเหมือนว่าจะทำต่อไม่ได้แล้ว” มองจุดที่อ่อนลง เธอลุกขึ้นกะพริบตาที่ปริ่มด้วยหลากหลายความรู้สึก “ซอรี่นะ ไม่ได้ทำนานเกินไป ไม่ค่อยมีประสบการณ์น่ะ”

รอยยิ้มนั่น…

เย่เซียวยืนนิ่งค้าง

ท่าทางน่ารักอย่างนั้นอีกแล้ว…

อยู่ๆ เหมือนเขาตกลงแม่น้ำสายยาวแห่งความทรงจำ ทำเขาแยกไม่ค่อยถูกว่าตอนนี้เป็นเวลาปัจจุบันหรืออดีต หรือแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับภาพลวงตา

ถูกเขาจ้องอยู่ครู่ใหญ่ไป๋ซู่เย่ถึงรู้สึกตัว นิ่งค้างไปชั่วแวบรีบก้มหน้าจัดการตัวเอง ติดกระดุมไปหน้าแดงถามไป “จ้องฉันแบบนั้นทำไม?”

เย่เซียวหลุดจากภวังค์

หายใจหอบหนัก

รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนโง่ที่เกือบจะถูกรอยยิ้มเธอหลอกอีกแล้ว

เขาก้มมองอวัยวะบางจุดของตัวเอง ไม่มีแผลถึงค่อยรูดซิปขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้ตัวเองคืนสู่สภาพหยิ่งยโสเช่นเดิมรวมถึงความเย็นชาอย่างเคย

“เย่เซียว…” มองแผ่นหลังที่เดินออกไปนั่นไป๋ซู่เย่แทบจะเดินตามไปโดยอัตโนมัติ เมื่อครู่พวกเขา…คงนับว่าเอาใจเขาไม่ได้

“จากนี้ไปอย่ามายิ้มต่อหน้าผมอีก!” เย่เซียวหันกลับมาพูดออกคำสั่ง

ไป๋ซู่เย่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ทุกครั้งที่คุณยิ้มก็มีแต่จะทำให้ผมยิ่งรังเกียจคุณ ยิ่งเกลียดคุณ ยิ่งอยากส่งคุณไปนรกแล้วทรมานคุณให้ถึงที่สุด!”

หัวใจของไป๋ซู่เย่บีบรัดแน่น

ยามเกลียดใครคนหนึ่งถึงขีดสุด แม้แต่รอยยิ้มก็ผิดอย่างนั้นสินะ

เธอถามอย่างหมดแรง “งั้นสัญญาของเรา ยังมีผลต่อไหม?”

“ทำไมจะไม่ล่ะ? ผมยังทรมานคุณไม่พอเลย แต่ว่า…จากวันนี้ไปคุณต้องย้ายไปอยู่กับผม” น้ำเสียงเย่เซียวไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

“ย้ายไปอยู่กับคุณ?” ไป๋ซู่เย่ขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ “ถ้าฉันย้ายไปอยู่กับคุณ แล้วน่าหลัน…”

“ผู้หญิงของผม คุณไม่ต้องมายุ่ง” เย่เซียวพูดขัดเธอ ปากบางขยับพูดตักเตือน “อย่าข้ามเส้น!”

“…” เธอเงียบ ขยับปากเล็กน้อยคล้ายจะพูดอะไรแต่หน้าอกเหมือนมีสำลีก้อนใหญ่อุดไว้ให้เธอหายใจลำบาก ยิ่งพูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ

ประตูถูกเปิดออกแล้วปิดลงดัง ‘ปัง!’

เธอยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น รู้สึกเพียงเสียงดังสนั่นเมื่อครู่สะเทือนไปถึงอวัยวะภายในของเธอ

ผู้หญิงของเขา…

ในเมื่อมีคนรักเป็นของตัวเองแล้ว ทำไมถึงยังต้องการเธออยู่อีก?

ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ กลืนก้อนสะอื้นและเก็บน้ำตากลับเข้าไปใหม่ เธอคิดว่าความรู้สึกที่อยากร้องไห้นี้ไม่ใช่เพราะยังรักผู้ชายคนนี้อยู่ แต่เป็นเพราะ…เสียใจกับอดีตอันงดงามที่ถูกทำลายจนแตกสลายไม่เป็นชิ้นด้วยน้ำมือตัวเอง…

น้ำตาที่ยังไม่ไหลรินนี้เกิดขึ้นเพราะรู้สึกเสียใจเท่านั้นเอง…

ต้องใช่แน่ๆ

เธอย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า พอคิดเช่นนี้ก็เหมือนจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นในฐานะสายลับ การที่หลงรักบุคคลผู้เป็นศัตรูตัวเอง รักครั้งเดียวก็รักมาตลอดสิบปี จะต้องรู้สึกผิดต่อชุดเครื่องแบบของตัวเองขนาดไหนกัน?

สูดหายใจเข้าลึกๆ จัดการตัวเองเสร็จก็ยกยิ้มมุมปากเดินออกไป

เดินผ่านร้านอาหารโดยที่ตลอดทางมีสายตาทอดมองมาด้วยความสงสัยมากมาย

สายตาแบบนั้นล้วนมาจากกลุ่มผู้ชายที่วิ่งออกจากห้องน้ำเมื่อสักครู่ แน่นอนว่าตอนนี้ผู้ชายกลุ่มนั้นคงแพร่กระจายเรื่องนี้ไปไกลแล้ว บางทีคนกว่าครึ่งร้านน่าจะรู้แล้ว ทุกคนพูดวิพากษ์วิจารณ์ซุบซิบนินทาด้วยสีหน้าแตกต่างกันไป

เธอไม่สนใจสักนิด

เดินออกจากร้านโดยไม่เสมองทิศทางไหน ดึงประตูรถสปอร์ตฝั่งคนขับออกแล้วเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานออกไปทันที

เธอไม่สนใจสายตาคนข้างแปลกหน้าเหล่านั้นสักนิด สิ่งที่ให้ความสนใจมากกว่าคือ…ตั้งแต่วันนี้ไปจะต้องอยู่ใต้ชายคาเดียวกับน่าหลัน

……………………………………………