การันต์กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ ศพ แล้วตอบกลับไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย “กระโดดลงมาจากที่สูง ศีรษะกระแทกพื้น กะโหลกแตกร้าวเสียชีวิต นอกเหนือจากนี้ ……”
เขายกแขนของส้มเปรี้ยวขึ้นมาบีบเล็กน้อย บีบจากนิ้วมือไปถึงหัวไหล่ แล้วอยู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
โครงกระดูกแบบนี้มัน……
การันต์ทิ้งแขนข้างนั้นลง แล้วก็รีบไปคว้าแขนของส้มเปรี้ยวอีกข้างหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็บีบจากนิ้วมือขึ้นไปเหมือนเดิม จนบีบไปถึงหัวไหล่ จากนั้นดวงตาก็หรี่ลงมา ในดวงตามีประกายแห่งความสงสัยกะพริบขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” การกระทำของการันต์ในเมื่อสักครู่ ทำให้เปปเปอร์เกิดความสงสัยขึ้นมา แล้วเปปเปอร์ก็เปิดปากถามขึ้นมา
การันต์ลุกขึ้นมา และไม่ได้ตอบเขา แต่กลับมองไปทางพลตำรวจภูทิศ “ส่งศพไปไว้ที่ห้องดับจิตก่อน ต่อไป ผมจะต้องทำการชันสูตรพลิกศพดู”
“ถ้าจะชันสูตรพลิกศพละก็ ผมต้องสอบถามเบื้องบนก่อน” พลตำรวจภูทิศขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมา
การันต์ถอดถุงมือออก “งั้นคุณก็ช่วยรีบ ๆ หน่อย เรื่องนี้มีความสำคัญต่อคดีเป็นอย่างมากนะ”
พลตำรวจภูทิศจ้องมองเขา แล้วก็หันไปมองศพที่อยู่บนพื้น แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ต้องเดินไปโทรศัพท์ทางอื่นก่อนเลย
เปปเปอร์หรี่ตาจ้องมองไปที่การันต์ “ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น? จากท่าทีของคุณเมื่อสักครู่ ผมสามารถมองออกได้ว่าศพนี้จะต้องมีปัญหาแล้วใช่ไหม?”
การันต์แตะแว่นเล็กน้อย “ศพมีปัญหาจริง ๆ ผมสงสัยว่า นี่ไม่ใช่ส้มเปรี้ยว”
“คุณว่าอะไรนะ?” ม่านตาของเปปเปอร์หดตัวอย่างรวดเร็ว และสีหน้าก็เปลี่ยนไป “ไม่ใช่ส้มเปรี้ยวเหรอ?”
การันต์ตอบอืมมาคำหนึ่ง “น่าจะไม่ใช่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ คุณก็รู้ ผมเคยทำงานพิเศษเป็นแพทย์นิติเวชอยู่ต่างประเทศไปช่วงหนึ่ง ดังนั้นผมจึงค่อนข้างเข้าใจเกี่ยวกับโครงกระดูกของมนุษย์ เมื่อกี้ผมบีบแขนของศพนี้ดูแล้ว และพบว่ากระดูกแขนของศพฃนี้ ไม่ตรงกับของส้มเปรี้ยว ถึงแม้ว่าสัดส่วนของศพนี้จะใกล้เคียงกับของส้มเปรี้ยว แต่โครงกระดูกกลับใหญ่กว่าของส้มเปรี้ยวส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น……”
คำพูดของเขายังพูดไม่ทันจบ พลตำรวจภูทิศก็กลับมาแล้ว “คุณหมอการันต์ เบื้องบนของเราอนุมัติคำร้องของทำการชันสูตรพลิกศพแล้วครับ ต่อไปก็ต้องรบกวนคุณด้วยนะครับ”
การันต์ค่อย ๆ พยักหน้าขึ้น “ไม่เป็นไร ค่าชันสูตรพลิกศพโอนเข้ามาในบัญชีผมให้ตรงเวลาก็พอแล้ว”
มุมปากของพลตำรวจภูทิศกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย “คุณวางใจได้เลย ไม่มีทางจ่ายคุณน้อยไปแน่นอน”
พูดจบ เขาก็สั่งให้พวกตำรวจไปจัดเก็บศพที่อยู่บนพื้น แล้วเตรียมส่งไปที่ห้องดับจิต
การันต์จ้องมองดูเปปเปอร์ “ในโรงพยาบาลของผมได้เก็บตัวอย่างข้อมูลDNAของส้มเปรี้ยวไว้ ดังนั้นต่อไปผมจะดำเนินการเก็บผลDNAของศพนี้ จากนั้นก็จะเอาไปเทียบกับของส้มเปรี้ยวดูสักหน่อย ถ้าหากว่าสุดท้ายยืนยันได้ว่าDNAของพวกเธอไม่ตรงกัน งั้นก็หมายความว่า คนที่ตายไม่ใช่ส้มเปรี้ยวจริง ๆ และส้มเปรี้ยวก็ได้หนีไปแล้ว”
เปปเปอร์กำหมัดไว้แน่น ทั้งร่างกายค่อย ๆ แผ่แรงสังหารออกมา ทั้งหน้าเยือกเย็นจนเหมือนกับเป็นนรกที่เยือกแข็ง “ผมรู้แล้ว คุณไปเถอะ ต่อไปมอบให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
การันต์ไม่ได้พูดอะไรอีก มือทั้งคู่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ่าตัดสีเขียว แล้วหมุนตัวเดินจากไป
เปปเปอร์ยืนอยู่ตรงที่เดิม จ้องมองตำรวจพวกนั้นจัดเก็บศพที่อยู่บนพื้นไป เรียวปากค่อย ๆ เม้มเข้าหากัน ในดวงตาเต็มไปด้วยฝนฟ้าคะนองอย่างบ้าคลั่ง
เขาเชื่อเรื่องทั้งหมดที่การันต์พูดมา ศพนี้อาจจะไม่ใช่ส้มเปรี้ยว
ในระหว่างทางที่มาก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกว่าการฆ่าตัวตายของส้มเปรี้ยว เต็มไปด้วยความน่าสงสัยที่ทำให้คนคิดไม่ตก อย่างเช่นช่วงเวลาที่ฆ่าตัวตาย และอย่างเช่นสาเหตุที่ฆ่าตัวตาย
และเพราะสิ่งเหล่านี้ เขาก็ยังเป็นกังวลไม่หยุด ว่าจะจุดเปลี่ยนอะไรที่คิดกันไม่ถึงหรือเปล่า
แล้วมาตอนนี้ความจริงได้ยืนยันแล้วว่า ความกังวลของเขาไม่ใช่เรื่องที่เกินไป
พบเห็นจุดเปลี่ยนแล้ว คนที่ฆ่าตายไม่ใช่ส้มเปรี้ยว แต่เป็นตัวแทนของส้มเปรี้ยว
อย่างแรกคือการันต์บอกว่าโครงกระดูกไม่ตรงกัน อย่างที่สองคือใบหน้าของศพ
เปปเปอร์เงยหน้ามองขึ้นไปบนตึกเล็กน้อย
เขาจำได้ว่า ห้องพักผู้ป่วยที่ส้มเปรี้ยวอยู่นั้นอยู่บนชั้นสิบ ถ้าตกลงมาจากบนนั้น ก็จะต้องตายคาที่จริง ๆ แต่ไม่มีทางที่จะถึงขั้นทำให้ใบหน้าเสียโฉมไปหมด จนทำให้ดูไม่ออกว่าเป็นใครได้แน่นอน
แต่ว่าศพนี้ ใบหน้าทั้งหน้ากลับกลายเป็นเนื้อหนังเละเทะ ไม่มีทางดูออกได้เลยว่าตอนมีชีวิตอยู่นั้นหน้าตาเป็นยังไงกันแน่
ในตอนที่เขาเห็นศพในแว็บแรกนั้น ก็รู้สึกว่าย้อนแย้งกันมากเลย รู้สึกว่ามีจุดไหนที่มันแปลก ๆ แต่ก็บอกไม่ถูกเลย
จนถึงตอนที่การันต์บอกว่าศพนี้อาจจะไม่ใช่ส้มเปรี้ยวนั้น เขาถึงตั้งสติกลับมาได้ในพริบตา จุดที่ไม่ถูกต้องก็คือ ใบหน้าของศพนั่นเอง
แถมตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้เลยว่า ใบหน้าของศพนี้ น่าจะเละเทะไปตั้งแต่ก่อนกระโดดตึกแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นพอกระโดดลงมาแล้ว ถึงได้ทำให้เกิดสภาพอย่างในตอนนี้ได้ สิ่งที่ต้องการก็เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นใบหน้าได้
ไม่งั้น ถ้าศพไม่ใช่ส้มเปรี้ยวขึ้นมา เรื่องราวก็จะถูกเปิดเผยแล้วไม่ใช่เหรอ?
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว เรียวปากของเปปเปอร์ก็เกิดมุมโค้งที่โหดเหี้ยมและเยือกเย็นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
ดีมาก สามารถหนีออกไปได้จากการเฝ้ามองของตรวจ แล้วยังสามารถหาตัวแทนมาให้ตัวเองได้อีกคน
เขาประเมินส้มเปรี้ยวต่ำไปจริง ๆ!
ไม่นาน ศพก็โดนยกออกไปแล้ว ตรงพื้นเหลือกองเลือกที่ยังไม่แห้งอยู่กองหนึ่ง
เปปเปอร์จ้องมองกองเลือดกองนั้นไปทีหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวเดินไปหามายมิ้นท์
มายมิ้นท์กำลังดื่มน้ำที่ผู้ช่วยเหมันตร์ซื้อมาให้ พอเห็นเขากลับมาแล้ว ก็รีบปิดฝาขวดน้ำของตัวเองไป แล้วก็เปิดฝาขวดน้ำอีกขวดออกมา แล้วยื่นให้เขา “ดื่มน้ำหน่อยค่ะ จะได้ข่มความไม่คุ้นชินในใจลงสักหน่อย”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลัวภาพที่น่าสยดสยองแบบนั้น แต่พอมองมากเกินไป ยังไงในใจก็เกิดความไม่สบายใจอยู่บ้าง
ดื่มน้ำลงไปหน่อย ก็จะดีขึ้นมาเยอะ
เปปเปอร์จ้องมองน้ำที่มายมิ้นท์ยื่นมาให้ หัวคิ้วที่ขมวดเข้าด้วยกันแน่นก็คลายออกเยอะ แล้วก็ยื่นมือไปรับน้ำมา “ขอบคุณ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” มายมิ้นท์ส่ายหน้า จากนั้นก็เบือนหน้ามองไปทางอื่นเลย “ชันสูตรศพเสร็จแล้วเหนอคะ? ฉันเห็นพวกเขาเหมือนกับว่าจะย้ายศพของส้มเปรี้ยวไปแล้ว”
“ยังชันสูตรไม่เสร็จ เพียงแค่ย้ายไปไว้ที่ห้องดับจิตก่อนเท่านั้น การันต์พบเห็นเรื่องบางอย่างเข้าน่ะ” เปปเปอร์นั่งลงข้าง ๆ เธอ
มายมิ้นท์ขยับไปด้านข้างเล็กน้อย ถอยที่ออกมาให้เขาตั้งเยอะ “เรื่องอะไรเหรอคะ?”
“คนที่ฆ่าตัวตาย มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะไม่ใช่ตัวส้มเปรี้ยว” เปปเปอร์จ้องมองเธอแล้วตอบกลับไป
ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวลงเล็กน้อย
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ข้าง ๆ นิ่งอึ้งไปเลย “ไม่……ไม่ใช่ส้มเปรี้ยวเหรอครับ?”
เปปเปอร์พยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นก็เล่าเนื้อหาที่พูดคุยกับการันต์เมื่อสักครู่ รวมทั้งความคิดและการคาดเดาของตัวเองออกมา
พอมายมิ้นท์ฟังจบ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะหาน้ำเสียงกลับมาได้ แล้วพูดขึ้นด้วยอารมณ์ร้อนใจเล็กน้อยว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ถ้าเกิดคนที่ฆ่าตัวตายไม่ใช่ส้มเปรี้ยว แล้วจะเป็นใครละคะ? ส้มเปรี้ยวนั้นโดนฝากขังอยู่ ต้องอยู่ในพื้นที่ควบคุมของตำรวจตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หล่อนไม่มีทางออกจากห้องพักผู้ป่วยได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนหาคนมาช่วยหล่อนโดดตึกได้ยังไงกัน? แล้วก็หลบหนีออกจากห้องพักผู้ป่วยได้ยังไง? นี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเลยนะคะ!”
ผู้ช่วยเหมันตร์ก็พยักหน้ากันติด ๆ “ใช่ครับประธานเปปเปอร์ นี่มันไม่ค่อยน่าเป็นไปได้จริง ๆ”
เปปเปอร์หรี่ตาลง “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ตัวส้มเปรี้ยวนั้นออกไปไม่ได้จริง ๆ แต่คนนอกข้างนอกก็เข้าไปได้นี่ ขอแค่พอเข้าไปแล้ว ก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากับส้มเปรี้ยว ก็จะเล็ดลอดจากสายตาของตำรวจได้แล้ว และก็หนีออกจากห้องพักผู้ป่วยไป”
“นี่มัน……” มายมิ้นท์และผู้ช่วยเหมันตร์ต่างก็นิ่งอึ้งไปเลย
ใช่ซิ ส้มเปรี้ยวออกมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนข้างนอกจะเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของเธอไม่ได้
ถ้าเกิดว่าสุดท้ายแล้ว ยืนยันได้ว่าศพนี้ไม่ใช่ส้มเปรี้ยวละก็
งั้นที่เปปเปอร์พูดมา ก็เป็นความจริงนะซิ
มีคนเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของส้มเปรี้ยว แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้ากับส้มเปรี้ยว จากนั้นก็โดดตึกฆ่าตัวตาย เป็นการแสดงบทบาทส้มเปรี้ยวโดดตึกฆ่าตัวตาย เพื่อต้องการหลบหนีการติดคุกครั้งหนึ่ง
“สำหรับเรื่องที่ส้มเปรี้ยวติดต่อหาคนมาเป็นตัวแทนเธอยังไงนั้น เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบอีก” เปปเปอร์ดื่มน้ำไปคำหนึ่ง แล้วพูดเสียงขรึมขึ้นมา
มายมิ้นท์ไม่ได้พูดอะไรอีก รู้สึกแต่เพียงว่าขนลุกไปหมดทั้งตัวแล้ว
และในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของเปปเปอร์ก็ดังขึ้นมา
เขาวางขวดน้ำลง แล้วล้วงโทรศัพท์ออกมา พอเห็นหน้าจอแสดงสายที่โทรเข้ามาแล้ว หัวคิ้วก็ขมวดกันทีหนึ่ง จากนั้นก็ลุกยืนขึ้นมา “เดี๋ยวผมไปรับโทรศัพท์หน่อยนะ”
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้าให้
เปปเปอร์เดินตรงไปข้างหน้า ผู้ช่วยเหมันตร์เองก็เดินตามไปด้วย
เพราะว่าเขาเห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงสายโทรเข้าของประธานเปปเปอร์แล้ว เป็นสายโทรเข้าจากทางบริษัท คาดว่าอีกเดี๋ยวประธานเปปเปอร์คงจะต้องมีเรื่องอะไรสั่งให้เขาไปทำแน่นอน