AST
บทที่1825 – ถานท่ายหลิงเยียนผู้แข็งแกร่ง
ฉินชิงก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังแต่ก็ไม่ได้รวดเร็วเท่าชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยพยายามทุกวิถีทางเพื่อหยุดสภาพแวดล้อมในตอนนี้เขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนการรวบรวมพลังของถานท่ายหลิงเยียน ตอนนี้มันคือโอกาสที่หายาก และประโยชน์ที่ได้รับเหมือนกับการเกิดใหม่
แต่ละคนจะมีโชคไม่เหมือนกันและโชคดีได้พบเจอกับพลังศักดิ์สิทธิ์มีแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น หากนับจากชีวิตก่อนของชิงสุ่ย กระบวนการนี้ไม่ต่างจากวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
หลังจากที่ชิงสุ่ยก้าวมาสู่โลกใบนี้เขาเองก็ได้ประสบพบเจอกับพลังศักดิ์สิทธิ์หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมันได้ชำระล้างจิตใจของเขาให้พัฒนาขึ้น รวมถึงการพัฒนาทะเลแห่งปัญญา จากนั้นก็เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย จึงทำให้ทุกๆด้านของชิงสุ่ยพัฒนาไปอย่างว่องไวเหนือผู้อื่น
พลังศักดิ์สิทธิ์เปรียบดังยามหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!!
เวลาไหลผ่านไป15 นาที ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เวลา 15 นาทีไม่มากเกินไปเดี๋ยวไม่น้อยเกินไป แต่สำหรับถานท่ายหลิงเยียนมันคงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน
ในขณะเดียวกันฉินชิงก็ยังใจจดใจจ่ออยู่ที่ตัวของถานท่ายหลิงเยียนเธอต้องการเห็นถานท่ายหลิงเยียนที่แข็งแกร่งขึ้น
และแล้วเวลาก็ผ่านไปอีก15 นาที ชิงสุ่ยยังคงมีความสุขที่เห็นถานท่ายหลิงเยียนตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นกระบี่หิมะขาวเล่มยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของถานท่ายหลิงเยียน
กระบี่เทพธิดา!!
กระบี่ร่ายรำ!! กระบี่ในมือของเธอค่อยๆเคลื่อนไหวไปพร้อมกับธารน้ำแข็งน้ำแข็งที่ปรากฏรอบตัวโปร่งใสเหมือนผ้าไหม แต่กลับดูอ่อนโยนและนุ่มนวล นี่คือความแข็งแกร่งที่ได้รับมาจากธาตุทั้ง 5 แน่นอนว่าน้ำแข็งย่อมเกิดจากพลังภายใต้ธาตุน้ำ ส่วนความเฉียบคมเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ได้รับมาจากธาตุเหล็ก และความแข็งแกร่งของสายธารน้ำแข็งก็ได้รับคุณสมบัติมาจากพลังธาตุไม้ ส่วนกลิ่นอายที่รุนแรงก็เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของธาตุไฟ สุดท้ายความแข็งแกร่ง ดูเหมือนมันจะได้รับพลังมาจากธาตุดิน
ท่วงท่ากระบี่ร่ายรำของถานท่ายหลิงเยียนค่อยๆขยายขอบเขตพลังทุกท่วงท่าชัดเจนและแจ่มแจ้ง ซึ่งมันทำให้พลังของเธอแข็งแกร่งขึ้นหลายต่อหลายเท่า แต่กลับไม่ได้สร้างความเสียหายหรือผลกระทบใดๆต่อเกล็ดหิมะบริเวณโดยรอบเลยแม้แต่น้อย
ชิงสุ่ยรู้สึกทึ่งในพลังที่เธอกำลังปลดปล่อยมันบอกได้อย่างชัดเจนว่าดินแดนความเข้าใจของถานท่ายหลิงเยียนได้พัฒนาไปอย่างสุดขั้ว แตกต่างหลายเท่าจากเมื่อก่อน
สิ่งต่างๆดำเนินเวลาต่อไปอีกเกือบถึง30 นาที และแล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่ง กลิ่นอายที่ปลดปล่อยมาจากร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนเต็มไปด้วยความลึกลับไม่อาจหาคำอธิบายได้
”อืมมมมมม!!”
ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยในกลิ่นอายที่ปลดปล่อยมาจากตัวถานท่ายหลิงเยียนมันช่างคุ้นเคยเหมือนกลิ่นอายที่เขาเคยสัมผัสจากตัวของเฉินหวง ถึงแม้ว่าจะไม่ทรงพลังเทียบเท่ากับเฉินหวง
ทุกอย่างรอบตัวยังคงสงบนิ่งถานท่ายหลิงเยียนค่อยๆชำเลืองตามองดูชิงสุ่ยและฉินชิงที่ยืนอยู่ห่างไกลออกไป แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลึกลับ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายที่แสนเย็นชา
หลังจากที่เธอสบตากับชิงสุ่ยและฉินชิงเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข ชิงสุ่ยจึงผ่าฉินชิงกลับมายืนด้านข้างถานท่ายหลิงเยียน “เยียนเยียนน้อยของเรา ดูเหมือนจะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่”
ใบหน้าของถานท่ายหลิงเยียนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ”ใครเป็นเด็กน้อยของเจ้า เจ้านี้มันน่ารังเกียจจริงๆ”
ฉินชิงจึงยิ้มและกล่าวว่า”เยียนเยียนน้อยฟังดูเป็นชื่อที่น่ารักดีนะ”
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย”ดูเหมือนชิงชิงน้อยของข้ากำลังแสดงท่าทางหึงหวง”
”ใครหึงเจ้ารึ?”
ถานท่ายหลิงเยียนยิ้มอย่างมีความสุขและกล่าวว่า”ก็ได้ๆ ตอนนี้พวกเรารีบมุ่งหน้าไปที่หอคอยจักรพรรดิก่อนที่ฟ้าจะมืดเถิด”
ทั้ง3 คนรีบเดินทางมาที่หอคอยจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ช่วงเวลา 3 เดือนถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก ก่อนหน้านี้เองก็ผ่านไปหลายปีทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
ณปัจจุบันความแข็งแกร่งของถานท่ายหลิงเยียน ควรจะเทียบเท่าหรือน้อยกว่าชิงสุ่ยอยู่เพียงแค่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอก็มีพลังไม่ต่ำกว่า 250,000 เต๋า ส่วนพลังในการต่อสู้ที่แท้จริง ชิงสุ่ยก็ไม่แน่ใจนัก
หยินต่งและคนอื่นๆเคยเห็นใบหน้าอันแสนมีความสุขทันทีที่ได้เห็นหน้าชิงสุ่ยทางด้านของหลิน เฟ่ยเธอตั้งท้องได้หลายเดือนแล้ว และอีกประมาณ 3 เดือนจะถึงวันครบกำหนดคลอด
หยินต่งมีความสุขอย่างมากแม้ว่าปัจจุบันตัวของเขาจะมีลูกน้อยอยู่แล้ว บนโลกใบนี้ผู้ที่แข็งแกร่งมักจะมีลูกยาก เมื่อมีข้อเสียเปรียบย่อมต้องมีข้อใดเปรียบ มนุษย์ผู้ใดที่แข็งแกร่งยิ่งมีลูกยากเท่าไหร่ ลูกที่เกิดมาก็จะยิ่งมีความสามารถมากขึ้นเท่านั้น โดยที่ลูกบางคนสืบทอดเชื้อสายและมรดกทางด้านพลังมาจากผู้เป็นพ่อเป็นแม่ด้วยเช่นกัน