ตอนที่ 2592 สถานที่ฝึกโดยธรรมชาติ

เมื่อสมาชิกของสภาสิบแปดปีกเทเลพอร์ตมายังสถานที่พักกิลในเมืองที่สาบสูญ ที่บริเวณลานของสถานที่พักกิลก็เริ่มแออัดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ที่นี่มันคืออะไรกัน ? ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนพลังงานแปลกปลอมพยายามเข้ามาในร่างกายของฉัน”

“จู่ๆ ความรู้สึกของฉันก็รู้สึกทื่อลง และฉันก็รู้สึกกระหายมากๆ พวกระดับสูงบอกว่าจะนำพวกเรามายังพื้นที่ฝึกและเก็บเลเวลศักสิทธิ์ไม่ใช่หรอ ? มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ?”

“เพื่อนๆของฉันนั้นอิจฉาฉันมากๆที่ฉันได้รับเลือกให้เข้าร่วมการฝึกพิเศษของกิล ขณะที่พวกเขาไม่ … แต่ทำไมที่นี่ถึงดูจะแย่กว่าเมืองป่าหินซะอีก ?”

เมื่อพวกเขามาถึงเมืองที่สาบสูญ พวกหน้าใหม่และแกนหลักของสภาสิบแปดปีกซึ่งทุกคนถูกคัดเลือกมาแล้วว่ามีพรสวรรค์และศักยภาพสูงก็ล้วนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากๆ โดยตอนนี้ทุกคนก็ล้วนอถิปรายกันอย่างดุเดือด ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกมานั้นก็ล้วนสับสนเป็นพิเศษ พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเมืองที่สาบสูญ และตอนนี้พวกเขาก็ได้ถูกโยนเข้ามาในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถจะทำให้ตัวเองไปเชื่อได้เลยว่าที่นี่คือสนามฝึกอันศักสิทธิ์ แค่การอยู่รอดระยะยาวในเมืองนี้ก็จะเป็นปัญหามากแล้ว

สถานการณ์นี้ก็ทำให้อควาโรสกังวลมากเช่นกัน สถานที่ใหม่ของเมืองนั้นไม่เหมือนที่เธอจินตนาการไว้ แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามอย่างตัวเธอเองก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกหน้าใหม่และแกนหลักของกิลที่ได้รับคัดเลือกมาที่ยังมาไม่ถึงขั้นสามเลย

นี่ยังไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่าการฝึกแบบสุ่มมั่วๆและการต่อสู้กับมอนสเตอร์ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ผู้เล่นจะโชคดีมากแล้ว หากสามารถแสดงมาตราฐานการต่อสู้ตามปกติของพวกเขาออกมาได้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงการปรับปรุงมาตราฐานการต่อสู้เลย

ในระหว่างการมาเยี่ยมเยียนเทือกเขาแรงโน้มถ่วงในครั้งก่อนของเธอ เธออยู่ในพื้นที่ชั้นนอกเท่านั้นซึ่งสภาพแวดล้อมมันไม่ได้รุนแรงเท่าที่นี่ แต่ตอนนี้เมื่อเธอยืนอยู่ในพื้นที่ชั้นใน เธอรู้สึกเฉื่อยชา และความรู้สึกของเธอก็ทื่อลงไปมาก และตอนนี้ความกระหายอย่างต่อเนื่องก็เข้าจู่โจมจิตใจเธอ และร่างกายของเธอเองก็ค่อนข้างรู้สึกอึดอัดเช่นกัน
ที่สำคัญที่สุดคือมานาที่นี่นั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในนรกเยือกแข็ง มันมีมานาที่รุนแรงประเภทน้ำแข็งนั้นอยู่เต็มไปหมดในพื้นที่ และความโรสก็สามารถรับรู้องค์ประกอบอื่นๆได้ การจะจัดการมานาในแถบนี้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อผู้เล่นไม่สามารถจัดการมานาได้ พวกเขาจะปรับปรุงตัวเองได้อย่างไร ?

“หัวหน้ากิล นี่หัวหน้าไม่ได้ตั้งใจจะให้สมาชิกขั้นสองของกิลอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนจริงๆใช่ไหม ?” บลูฟอร์สถามอย่างเป็นกังวล

บลูฟอร์สนั้นรู้เรื่องพื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่าเป็นอย่างดี และเขาก็รู้ว่ามอนสเตอร์ที่นี่นั้นมีเลเวลต่ำสุดก็คือหนึ่งร้อยยี่สิบ ซึ่งนี่จะนับเป็นพื้นที่ที่น่าทึ่งในการเก็บเลเวลและฝึกฝนมากสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลและขั้นที่สูงจนเหมาะสม แต่การเอาพวกหน้าใหม่หรือสมาชิกขั้นสองทั้งหมดของกิลมาฝึกที่นี่ มันจะเป็นการเสียเวลาเปล่า

สมาชิกเหล่านี้นั้นคืออนาคตของสภาสิบแปดปีก การส่งพวกเขามาที่นี่รังแต่จะทำให้เสียเวลา และกิลสูญเสียค่าใช้จ่ายไปเปล่าๆ

“อยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝน ?” ซือเฟิงส่ายหัว ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “สิ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย …”

คำตอบของซือเฟิงทำให้บลูฟอร์สสับสน เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าอะไรคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับสภาพแวดล้อมที่เป็นนรกเยือกแข็งแบบนี้

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้อธิบายใดๆกับสิ่งที่เขาพูด และเขาก็ได้ไปพบกับ NPC ของสมาคมนักผจญภัยเพื่อทำขั้นตอนการส่งมอบเมืองให้เสร็จสิ้น ซึ่งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว NPC ก็ออกจากเมืองที่สาบสูญไปทันที และทำให้เมืองที่ดูรกร้างว่างเปล่าอยู่แล้วยิ่งเงียบเหงา

เมื่อถึงจุดนี้ เสียงประกาศของระบบก็ดังขึ้นในหูของทุกคน

ประกาศจากระบบภูมิภาคเมืองที่สาบสูญ : ที่ตั้งใหม่ของเมืองนี้อยู่ภายใตคำสาปอันลึกลับ และเหล่าเรดก็จะดูดซับมานาส่วนเกินของผู้เล่นที่แผ่ออกมาเพื่อทำให้มันกลายเป็นมอนสเตอร์ โปรดระวังการโจมตีของมอนสเตอร์เหล่านี้

ไม่นานหลังจากที่ประกาศของระบบสิ้นสุดลง และก่อนที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกจะสามารถประมวลผลข้อมูลทั้งหมดได้ ผีโปร่งแสงก็เริ่มปรากฎตัวขึ้นรอบๆสมาชิกของสภาสิบแปดปีก โดยผีเหล่านี้นั้นดูคล้ายกับมนุษย์มากๆ และมันก็ดูเหมือนจะเป็นร่างโคลนของผู้เล่นเลยด้วยซ้ำ แถมพวกนี้ยังมีเลเวลเท่ากับผู้เล่นด้วย ซึ่งในขณะที่ร่างของพวกมันโผล่ออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ผีเหล่านี้ก็เข้าโจมตีผู้เล่นทันที

ตอนนี้ทุกคนที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นมากนักก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ

โชคดีที่พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกกันทั้งหมด และแม้ว่าเลเวลกับขั้นในปัจจุบันของเขาจะยังไม่ถึงมาตราฐาน แต่มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังจัดว่าอยู่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ แม้แต่ผู้เล่นที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถจะไปถึงชั้นห้าของหอคอยทดสอบได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีปัญหาเลยในการจะตอบสนองต่อการโจมตีของผีเหล่านี้อย่างเหมาะสม ในขณะเดียวกันผู้เล่นที่ไม่ได้ถูกเหล่าผีเล็งเป้าก็เริ่มเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยเช่นกัน โดยเริ่มจากการต่อสู้กับเหล่าผีที่อยู่ใกล้ๆ

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นครู่หนึ่ง มันก็มีบางอย่างที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้น

ร่างผีโคลนพวกนี้นั้นมีมาตราฐานการต่อสู้เช่นเดียวกับมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีของเหล่าผู้เล่นก็ยังได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ได้ผลอย่างเต็มที่

“การฝึกอย่างเป็นทางการของพวกคุณทั้งหมดเริ่มขึ้นแล้ว !!! ระวังผีที่จะโผล่มาข้างๆล่ะ !!! และมันไม่มีใครนอกเหนือจากผู้เล่นที่ผีหลอกเลียนแบบจะสามารถทำอะไรกับมันได้ !!! และถ้าผีพวกนี้ฆ่าคุณได้ ไม่เพียงแต่คุณจะสูญเสียเลเวล แต่คุณยังจะไม่สามารถเข้าสู่ระบบหลักของ God domain ได้หนึ่งวันด้วย !!!” ซือเฟิงเตือน ขณะที่เขาเฝ้าดูสมาชิกของสภาสิบแปดปีกต่อสู้กับผีเหล่านี้

เทือกเขาปีศาจหมาป่านั้นไม่ใช่สถานที่ธรรมดา พื้นที่ชั้นในของแผนที่นี้ถือเป็นดินแดนต้องห้าม

ดินแดนต้องห้ามทุกแห่งใน God domain นั้นมีกลไกบางอย่างที่ทำให้การอยู่รอดยากเป็นพิเศษ และพื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่าก็มีคำสาปนี้

ซือเฟิงไม่รู้แน่ชัดว่าคำสาปนี้คืออะไร และเขาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ แต่เขาก็รู้ดีว่าผีที่เกิดขึ้นจากคำสาปเหล่านี้นั้นจะปรากฎขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และก่อกวนผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในเมือง หรือเมืองที่จัดตั้งขึ้นในพื้นที่นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามสามารถอยู่ในพื้นที่นี้ได้ในระยะยาว

สมาชิกหลายคนของสภาสิบแปดปีกอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำเตือนของซือเฟิง

นี่จะเรียกว่า “การฝึก” ได้ยังไง ?

นี่มันเป็นการประหารชีวิตชัดๆ !!!

ตอนนี้พวกเขาได้ต่อสู้กับเหล่าผีแล้ว พวกเขาจึงได้รู้ว่าผีพวกนี้นั้นจะมีมาตราฐานการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้เล่นที่มันโคลนเลียนแบบ อย่างไรก็ตาม ต่างจากผู้เล่น ผีไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ดังนั้นผีจึงมีพลังต่อสู้ในระดับที่สูงสุดของผู้เล่นที่มันโคลน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผีนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้เล่นที่มันโคลนเลียนแบบ

เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง พวกเขาจะสูญเสียเลเวลไปหนึ่งเลเวลเต็ม และถูกแบนจากเกมเป็นเวลาหนึ่งวัน หากพวกเขาตายลง !!! แล้วพวกเขาจะติดตามผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าของเกมได้ทัน ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ?

ในขณะที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายคนอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา บลูฟอร์สซึ่งกำลังดิ้นรนต่อสู้กับผีของเขาอย่างยากลำบากก็ได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง และความตื่นเต้นก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา

ผู้เล่นนั้นเสียเปรียบผีเหล่านี้ และพวกเขานั้นไม่แม้แต่จะสามารถจัดการกับมานาโดยรอบได้อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ดังนั้นทางเลือกเดียวที่พวกเขาเหลืออยู่ก็คือ ค้นหาวิธีจัดการและใช้มานาในตัวของพวกเขาเพื่อกำจัดผีพวกนี้

เนื่องจากผีเหล่านี้นั้นเลียนแบบทั้งพฤติกรรม และมาตราฐานการต่อสู้ของผู้เล่น ดังนั้นผู้เล่นจึงสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้บ้างในบางสถานการณ์

เมื่อตั้งความคิดนี้เป็นพื้นฐานในการต่อสู้ บลูฟอร์สก็พบว่าผีของเขานั้นต่อสู้ด้วยง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้เขายังค้นพบข้อบกพร่องของตัวเองหลายอย่าง มันเป็นดั่งการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวเลย

น่าเสียดายที่การต่อสู้แบบนี้นั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับผู้เล่นขั้นสองมากเท่ากับผู้เล่นขั้นสามเช่นตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามผู้เล่นขั้นสองก็ยังคงสามารถจะใช้สกิลและเวทย์ของตนได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ ซึ่งตราบใดที่ผู้เล่นขั้นสองฝึกฝนสกิลและเวทย์ให้มีอัตราความสำเร็จสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะผีของตัวเองได้ …..

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นขั้นสองก็คงต้องนับว่าการฝึกแบบนี้มันจัดว่าเสี่ยงไปเล็กน้อย

ไม่นานหลังจากนั้น สมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็เริ่มตระหนักเช่นเดียวกัน และหลายคนก็หยุดบ่น พลางหันมาโฟกัสกับการต่อสู้อย่างเต็มที่

“หัวหน้ากิล สถานที่แห่งนี้มันยอดเยี่ยมมากๆ !!! มันเปรียบเสมือนกับสถานที่ฝึกโดยธรรมชาติ !!! แม้ว่าการฝึกที่นี่จะมีความเสี่ยงสูงที่ต้องจ่ายหากพลาด แต่ประสิทธิภาพในการฝึกของทุกคนที่นี่ก็จะมากกว่าในพื้นที่ปกติหลายเท่า และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่ยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพทั้งหมดของร่างมานาของพวกเขาก็มีแนวโน้มจะทำได้ หากใช้เวลาสักหนึ่งเดือนในนี้” อควาโรสกล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ขณะที่เธอเฝ้าดูสมาชิกของสภาสิบแปดปีกตรงหน้าเธอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

อีกทั้งในตอนนี้นั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกบางส่วนก็เริ่มปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากันได้ประมาณหนึ่งแล้ว ดังนั้นหากคนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนที่นี่แบบไม่หยุดพัก ในเวลาไม่เกินสิบวัน พวกเขาก็น่าจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึงกิลก็จะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ภายใต้การบังคับบัญชาการของพวกเขา !!!

แค่คิดถึงจุดนี้มันก็ทำให้อควาโรสตื่นเต้นมากแล้ว ….

การฝึกที่นี่นั้นมันทั้งโหดและอันตราย แต่เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับแล้ว ค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ได้สูงเกินไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากมันแลกเปลี่ยนกับการที่สามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ มันก็นับว่าคุ้มค่า

ในขณะที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกกำลังฝึกฝนกันอย่างหนัก ซือเฟิงก็ได้เดินทางไปยังหอคอยพิเศษ โดยปล่อยให้สมาชิกทั้งหมดฝึกต่อไป

คำสาปลึกลับนี้เป็นเพียงผลประโยชน์เพิ่มเติมที่มอบให้กับเมือง หลังจากเมืองย้ายมาที่พื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่า หอคอยพิเศษนั้นยังคงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของเมือง

หอคอยพิเศษนั้นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เล่นเสมอเพื่อใช้ฝึกฝนให้เข้าใจถึงหลักการของขอบเขตที่แท้จริง อย่างไรก็ตามซือเฟิงสามารถปลดล๊อคได้แค่ชั้นสองของหอคอยพิเศษเท่านั้น ซึ่งมันให้คำแนะนำแค่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่แท้จริงขั้นสูง และเนื่องจากไม่มีคริสตัลเวทย์มนต์ที่มากเพียงพอ เขาจึงยังไม่ได้รับคำแนะนำหรือเบาะแสเกี่ยวกับการสู่ขอบเขตถัดไป

อย่างไรก็ตามตอนนี้รายได้ของสภาสิบแปดปีก เป็นคริสตัลเวทย์มนต์นั้นก็มีสูงขึ้นอย่างมาก อันเนื่องมาจากความนิยมของเมืองป่าหิน และประตูเทเลพอร์ตของโลกแห่งความมืด โดยหลังจากไม่กี่วันที่ผ่านมาแหล่งทั้งสองนี้ก็ได้จัดหาคริสตัลเวทย์มนต์ให้กับซือเฟิงมาได้มากกว่าสามแสนชิ้น ซึ่งนี่มันเกินความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงนั้นจะสามารถปลดล๊อคชั้ที่สามของหอคอยพิเศษได้

เมื่อซือเฟิงมาถึงหอคอย เขาก็ได้เรียกอินเตอร์เฟซของหอคอยขึ้นมาเพื่อจะทำการปลดล๊อคชั้นสามทันที หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นที่หูเขา

ระบบ : หอคอยพิเศษสองชั้นแรกนั้นได้รับการปลดล๊อคแล้ว คุณต้องการจ่ายคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งล้านชิ้นเพื่อปลดล๊อคชั้นที่สามไหม ?

“ปลดล๊อค !!!”