TB:บทที่127 เท่าไหร่

“7.66 ล้านหยวน”

“8.66 ล้านหยวน”

……

ในช่วงแรกของการประมูลราคาก็พุ่งขึ้นสูงแล้ว

ราคาของหยกเจไดต์สูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยปกติแล้วราคาของหยกเจไดต์น้ำหนัก 66 ชั่งราคาจะอยู่ที่ 6.66 ล้านหยวนซึ่งเป็นราคาที่ถูกมาก ดังนั้นราคาประมูลจึงเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าผู้เข้าร่วมการประมูลทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น เฉินหลงก็รู้สึกงงเล็กน้อย

“ผู้จัดการจางครับ ผู้เฒ่าซูเป็นใคร? พวกเขาดูเหมือนจะเชื่อถือเขาเอามากๆเลย พวกเขาไม่กลัวว่าการประมูลจะไม่คุ้มราคาหรอเมื่อราคาประมูลสูงขนาดนี้?”

“คุณเฉิน ชื่อของผู้เฒ่าซูก็คือซูชิงเฟิ่ง เขาเป็นบุคคลในตำนานของเซียงเจียง เขาไม่ได้มีพื้นฐานครอบครัวที่มีชื่อเสียงแต่เขามีทุกวันนี้ได้ด้วยความยากลำบากของเขา แต่สิ่งที่นาสนใจมากที่สุดก็คือวิสัยทัศน์ของเขา ไม่ว่าจะเป็นการพนันหินหยก อสังหาริมทรัพย์หรือหุ้นอื่นๆ ตราบใดที่เขาได้เห็นของพวกนี้แล้วและแม้พวกเหล่านี้จะดูทำเงินไม่ได้เลยและแม้ว่าจะเป็นหุ้นใหญ่หลายตัวในซียงเจียงที่อยู่ในช่วงภัยพิบัติ คุณซูก็สามารถเอาตัวรอดจากหายนะครั้งนั้นไปได้ ดังนั้นชื่อของคุณซูจึงเป็นเหมือนป้ายทองคำเนื่องจากเขาสามารถซื้อพวกหินหยกกลับมาจากพม่าได้ด้วยตัวเองและไม่เสียหายมากด้วย” จางกวงหนานพูดไปด้วยยกป้ายเรียกราคาประมูลไปด้วย

มาจนถึงตอนนี้ ราคาของหินหยกก้อนสูงถึง 16 ล้านหยวนแล้ว

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายจากจางกวงหนาน เฉินหลงก็มองไปที่ซูชิงเฟิ่งและพบว่าเขาก็มองมาที่ตนด้วย เมื่อคณซูเห็นว่าเฉินหลมองมาที่เขา เขาก็ยิ้มให้เฉินหลง

เฉินหลงยิ้มกลับให้พร้อมพยักหน้า ตั้งแต่ที่เขามีพ่อบ้านที่มีพลังระดับขอบเขตกำเนิด เขาก็มักจะได้ฟังเรื่องเล่าจากพ่อบ้านและทำให้รู้ว่าควรจะสนใจเรื่องใด อย่างไรก็ตาม เฉินหลงมาเพื่อที่จะซื้อหยก จากนั้นเฉินหลงก็หยิบเอา’แว่นประมาณของคุณภาพต่ำ’ขึ้นมาแล้วสวมมัน

เนื่องจากที่ไม่รู้ว่าก้อนหยกเจไดต์มีสภาพเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาจึงใช้ความสามารถของ’แว่นประมาณของคุณภาพต่ำ’ระบุสภาพหยกพวกนี้

เฉินหลงมั่นใจว่าเมื่อสวมแว่นนี้แล้ว แว่นจะสามารถระบุสภาพได้ในทันที

“หยกเจไดต์สีขาว เป็นหยกคุณภาพชั้นยอดที่มีมูลค่าสูง” จากนั้น แว่นก็ได้แสดงถึงขนาดของหินหยกซึ่งมันมีขนาดเท่ากับชามและยาวเท่ากับแขนคน

หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากแว่นมาแล้ว เฉินหลงก็คิดได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่าจะต้องประมูลมันมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความจำเป็นหรือมูลค่าของหยก เฉินหลงก็จะประมูลมันมา เขาไม่อยากโดนคนอื่นเอาเปรียบ

ซูชิงเฟิ่งเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ แม้กระทั่งก้อนหยกชิ้นแรกก็มีคุณภาพสูงขนาดนี้แล้ว

“20 ล้านหยวน” เมื่อรู้มูลค่าของก้อนหยกนี้แล้ว เฉินหลงก็ประมูลราคาออกไป

“21 ล้านหยวน” หลังจากที่เฉินหลงเสนอราคาไปก็มีคนอื่นเสนอเพิ่มขึ้นไปอีกทันที

เฉินหลงตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะประมูลหยกชิ้นนี้ให้ได้ ใครที่กล้ามาแข่งกับเขาคงต้องเตรียมเงินไว้สู้กับเขามากถึง “30 ล้านหยวน” เมื่อได้ยินราคาประมูลของเฉินหลง อวี่จินหรูก็หันมามองเฉินหลง เฉินหลงดูท่าทีสงบราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นค่าของเงิน 30 ล้านหยวนเลย

อวี่จินหรูคิดเรื่องนี้อยู่ครู่นึง จากนั้นก็เรียกราคาเพิ่มไปอีก

“32 ล้านหยวน แต่ถ้าคุณประมูลอีกครั้ง ผมก็จะไม่สู้คุณแล้ว” นี่เป็นแค่ราคาเริ่มต้นสำหรับเขา เฉินหลงได้สู้กลับ ส่วนอวี่จินหรูก็คิดไม่สู้ราคาต่อแล้ว

เฉินหลงยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้น ผมขอขอบคุณคุณครับ 35 ล้านหยวนครับ”

เมื่อได้ยินราคาประมูลของเฉินหลง อวี่จินหรูก็หัวเราะและหยุดการประมูลราคาต่อ

หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครเรียกราคาเพิ่มขึ้นอีก เฉินหลงจึงประมูลหินหยกได้ในราคา 35 ล้านหยวน

เมื่อประมูลหินหยกมาได้แล้ว เฉินหลงก็มองซูชิงเฟิ่งและก็พบว่าเขากำลังมองตนอยู่ เฉินหลงจึงทำได้เพียงหันหน้าไปยิ้มให้

“คุณซู คุณเห็นอะไรบ้างไหมครับ?” พ่อบ้านโจวพูดถามซูชิงเฟิ่งข้างๆหูอย่างสุภาพ

ซูชิงเฟิ่งตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“เขาไม่ได้โกหก เขามาที่นี่เพื่อที่จะซื้อหยกจริงๆและสายตาเขาเฉียบแหลมมาก” เขาย่อมรู้ว่าหินก้อนไหนที่เขาเลือกมามีหยกอยู่ในนั้นและชิ้นไหนไม่มีหยกอยู่ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รู้ว่าเป็นหยกชนิดไหน

เมื่อได้ยินคำพูดของซูชิงเฟิ่ง พ่อบ้านโจวก็หันไปมองเฉินหลง ถึงแม้ว่าซูชิงเฟิ่งจะพูดว่าเฉินหลงดูไม่น่าอันตราย เขาก็ยังจับตามองเฉินหลงอยู่ดี ถ้าเฉินหลงเกิดจู่โจมขึ้นมากระทันหันจะเป็นเรื่องแย่เอาได้

ต่อมาก็ได้เริ่มการประมูลของชิ้นต่อไป ของชิ้นที่สองเป็นหินหยกที่มีน้ำหนัก 100 ชั่งซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10 ล้านหยวนและราคาเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าสองล้านในแต่ละครั้งของการประมูล เฉินหลงได้มองไปที่หยกนั้นผ่านแว่นและได้รู้ถึงสภาพของหยกชิ้นนี้แล้ว เนื่องจากหยกเจไดต์ที่อยู่ในนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพที่เป็นของเหลวเหนียวที่จับตัวกันและแร่หยกที่อยู่ในหินก่อนนั้นก็บางมาก แม้ว่าจะขุดมันออกมาได้ ก็ดูไม่คุ้มค่ากับเงินล้านหยวน

ในตอนสุดท้าย ผู้ที่ซื้อหินหยกก่อนนี้ไปได้คือร้านจินจิวเวลรี่ในราคาถึง 58 ล้านหยวน

หลังจากที่หยกชิ้นที่สองถูกประมูลไปแล้ว จินเหลียงหยวนก็รู้สุกตื่นเต้นราวกับว่าเขาต้องได้กำไรจากมันแน่ เมื่อหยกชิ้นที่สองถูกประมูลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความคิดของซูชิงเฟิ่งที่มีต่อเฉินหลงก็เริ่มแตกต่างออกไป มันชัดเจนว่ามีบางอย่างอยู่ในหินหยกชิ้นที่สอง ทำไมเขาถึงไม่ซื้อมันละ เมื่อคิดเช่นนี้ ซูชิงเฟิ่งก็อยากรู้เรื่องที่เกี่ยวกับเฉินหลง และอยากดูว่าเฉินหลงจะทำอะไรหลังจากนี้ ซูชิงเฟิ่งอยากจะรู้เรื่องของปรมาจารย์ที่อายุน้อยมากว่าเขาเป็นใครและทำไมถึงต้องหาซื้อหยก

จากนั้นการประมูลก็มาถึงชิ้นที่สามและสี่ ซึ่งแต่ละชิ้นนั้นขนาดใหญ่กว่ารอบแรกๆ ราคาประมูลจึงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆไปด้วย

หยกชิ้นที่สามมีราคาถึง 80 ล้านหยวน ส่วนหยกชิ้นที่มีราคา 100 ล้านหยวนและหยกชิ้นที่ห้ามีราคา 120 ล้านหยวน

คนที่ประมูลหยกทั้งสามชิ้นนี้นั้นก็คือครอบครัวตระกูลหยก จางกวงหนานต้องการที่จะสู้ราคากับพวกเขาแต่เขาไม่มีเงินมากพอ

จางกวงหนานประมูลหยกพวกนั้นไม่ได้เลยแต่เฉินหลงกลับรู้สึกโล่งใจเพราะเขารู้ว่าหยกทั้งสามก้อนนั้นไม่ได้มีแร่หยกมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้จ่ายเงินประมูลหินหยกพวกนั้นไป

หลังจากนั้นก็มาถึงหินหยกชิ้นที่หก

หินหยกชิ้นนี้มีน้ำหนักถึง 300 ชั่ง มันมีร่องรอยของหยกสีเขียวบนผิวของหินจึงทำให้มีผู้ประมูลมากมาย ราคาพุ่งขึ้นสูงถึง 100 ล้านหยวนและการสู้ราคาแต่ละครั้งต้องไม่ต่ำกว่า 10 ล้านหยวน

ครั้งนี้ เฉินหลงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าหินหยกก้อนนี้มีแร่หยกขนาดถังน้ำอยู่ข้างใน ยิ่งไปกว่านั้น แร่หยกชนิดนี้เป็นหยกแก้วจักรพรรดิสีเขียวในตำนาน  ลักษณะของมันทั้งสองของมันไม่ว่าจะเป็นแก้วแล้วยังมีสีเขียวจักรพรรดิอีกด้วย เมื่อลักษณะทั้งสองปรากฏบนตัวหยกแล้วมันจะกลายเป็นของที่หายากขึ้นมาทันที

แน่นอนว่าตระกูลจินและตระกูลอวี่ต่างต้องการของสิ่งนี้ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาก็เหมือนมังกรและพยัคฆ์ที่เฉินหลงจะต้องต่อสู้ด้วย

อย่างไรก็ตาม นี้ถือว่าเป็นการสู้ที่ไม่ค่อยยุติธรรมสักไหร่ เพราะเฉินหลงรู้ว่าหินหยกชิ้นไหนคุณภาพดีที่สุดแต่ตระกูลจินกลับไม่รู้ถึงเรื่องนี้ ในขณะที่เฉินหลงประมูลราคาไปเรื่อยๆแต่ตระกูลจินกลับไม่กล้าสู้ราคา

สุดท้าย เฉินหลงจึงได้ประมูลหยกได้ในราคา 180 ล้านหยวน เมื่อเห็นว่าเฉินหลงจ่ายไปถึง 180 ล้านหยวนเพื่อหินหยกชิ้นนั้น จี้โม่ซีก็ถึงกับพูดไม่ออก ไม่กี่วันที่ผ่านมาในเซียงเจียง เฉินหลงก็จ่ายเงินไปมากกว่า 100 ล้านหยวนแล้วซึ่งมันดูเร็วเกินไปที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ในตอนนี้ เธอจึงสงสัยว่าเฉินหลงมีเงินเท่าไหร่กันแน่