บทที่ 1243 ราชินีสวรรค์เดือดดาล

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

สำหรับเรื่องนี้ ทหารอารักขาที่สามารถปรากฏตัวบริเวณใกล้เคียงตำหนักเย็นได้ต่างก็รู้ว่าเป็นประสงค์ของฝ่าบาท ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท  แล้วจะให้จ้านหรูอี้ที่ถูกขังไว้ในตำหนักเย็นออกมาได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีทางอธิบายได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ยิ่งไม่มีทางอธิบายได้

“หลีกไป!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตะคอกใส่แม่ทัพอารักขาที่เข้ามาขวาง

แม่ทัพอารักขาแอบร้องในใจว่าแย่แล้ว กล่าวด้วยใบหน้าตึงเครียดว่า “เหนียงเหนียง ตำหนักเย็นคือเขตหวงห้ามของฝ่าบาท ไม่ว่าใครก็บุกเข้าไปไม่ได้ โปรด…”

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตะคอกกลับแล้วว่า “ตำหนักเย็นก็คือตำหนักเย็น ที่นี่ก็คือที่นี่ ฝ่าบาทไม่ได้จำกัดอิสระในการไปไหนมาไหนของข้าที่นี่ คำพูดของเจ้าเป็นตัวแทนของฝ่าบาทได้เหรอ? เจ้าใหญ่กว่าฝ่าบาทเหรอ?”

แม่ทัพอารักขาอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง สายตาชำเลืองไปรอบๆ ที่นี่ไม่ใช่ตำหนักเย็นจริงๆ ที่สำคัญก็คือเขาไม่มีทางอธิบายได้ ไม่กล้าบอกว่านี้คือประสงค์ของฝ่าบาท

“ไสหัวไป!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตะคอกอย่างเดือดดาล แล้วยืดอกรับโดยตรง

แม่ทัพอารักขายื่นมือจะผลัก แต่เกือบจะโดนหน้าอกนางแล้ว เขาตกใจจนรีบเก็บมือ ไม่กล้าแตะต้องร่างกายของนางเช่นกัน ขณะที่ถอยกลับก็กล่าวเสียงต่ำว่า “พาจ้านหรูอี้กลับตำหนักเย็น!”

“ใครอยากจะเห็นว่าใครกล้า!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตวาดอย่างโมโห แล้วถลันตัวเข้าไป ร่ายอิทธิฤทธิ์พุ่งเข้าชน แม่ทัพอารักขาที่กางแขนขัดขวางถูกผลักออกไปแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็มีวรยุทธ์ไม่ใช่ต่ำๆ

ชั่วพริบตานี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มาถึงตรงหน้าจ้านหรูอี้แล้ว หยินซวงกับไป๋เสวี่ยตกใจเหมือนนกกระทาน้อย เข้ามาขวางตรงหน้าจ้านหรูอี้อย่างตัวสั่นหวาดกลัว

จ้านหรูอี้เม้มริมฝีปากเล็กน้อย นางพอจะเดาอะไรบางอย่างออกแล้วนิดหน่อย

“นางบ่าวชั้นต่ำสองคนกล้ามาขวางข้าเหรอ?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตำหนิอย่างโมโห

หยินซวง

ไป๋เสวี่ยตกใจแทบแย่ แต่กลับฝืนไม่หลีกทาง กลัวว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะทำร้ายจ้านหรูอี้

กลับเป็นจ้านหรูอี้ที่กล่าวเสียงเรียบว่า “พวกเจ้าสองคนถอยไป!”

นางยังไม่ทันพูดจบ พออ้าปาก เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ตบนางฝั่งซ้ายฝั่งขวาสองฉาด ทำเอาหยินซวง ไป๋เสวี่ยเลือดกลบปากล้มไปด้านข้างคนละฝั่ง

ยังไม่ทันรอให้จ้านหรูอี้เอ่ยปากพูดอะไร เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ก้าวขึ้นมาตบหน้าจ้านหรูอี้อย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังฟังชัดแล้ว จ้านหรูอี้ล้มลงบนพื้น

พวกแม่ทัพอารักขาก้าวขึ้นมาอย่างตกใจ บรรดานางในที่อยู่ข้างกายเซี่ยโห้วเฉิงอวี่รีบเข้ามาขวาง ล้อมเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับจ้านหรูอี้เอาไว้ข้างใน สนมลี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

ที่จริงสนมลี่หวาดระแวงกลัวพอสมควร

เอ๋อเหมยชี้แม่ทัพอารักขาพลางตะโกนว่า “ใครกล้าล่วงเกินเหนียงเหนียงก็ลองดู!” ชวิ้ง นางชักกระบี่มาไว้ในมือโดยตรง จ่อบนคอแม่ทัพหลักแล้ว

แม่ทัพหลักแอบร้องในใจ ในใจเอ๋อเหมยก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ ใช้สายตาเย็นเยียบเหล่มองสนมลี่แวบหนึ่ง นางเดาออกโดยสัญชาตญาณว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสนมลี่ ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ในฐานะที่นางเป็นสาวใช้ประจำกายราชินีสวรรค์ ก็ได้แค่ทำอย่างนี้เช่นกัน

เดือดดาลมาก! ขณะใช้สายตาเย็นเยียบจ้องจ้านหรูอี้บนพื้น ในใจเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็มีเพียงความเดือดดาลไร้ที่สิ้นสุด

อยู่ในวังมาหลายปี ต่อให้จะโง่ขนาดไหนแต่ก็ยังมีความระวังตัวอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าคำพูดของสนมลี่มีเจตนาอื่น ทว่านั่งนึกไม่ถึงจริงๆ นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เรียกว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง นางตัวดีที่ถูกขังไว้ในตำหนักเย็นสามารถเข้าออกตำหนักเย็นได้อย่างอิสระแล้วจริงๆ ดูอิสระเสรีมากในสภาพแวดล้อมที่เลิศหรูแบบนี้ อัปยศยิ่งนัก นางรู้สึกได้ถึงความอัปยศไร้ที่สิ้นสุด!

เมื่อได้ฟังความหมายในคำพูดสนมลี่ ก็เหมือนว่าทุกคนจะรู้เรื่องนี้หมดแล้ว มีแค่นางคนเดียวที่ไม่รู้ พอนึกถึงว่าตัวเองไปมาวังหลังได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ภายนอกผู้หญิงพวกนี้เคารพนอบน้อมต่อนาง แต่ความจริงแล้วไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไหร่ที่หัวเราะเยาะนางลับหลัง คิดไปคิดมาก็แทบเสียสติ ไม่น่าเชื่อว่าประมุขชิงจะสร้างความอัปยศให้นาขนาดนี้โดยไม่สนกฎระเบียบ จะให้นางทนความรู้สึกได้อย่างไร เห็นนางเป็นอะไรไปแล้ว? เห็นเป็นสัตว์เดรัจฉานที่เทียบหมูเทียบหมาไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

เมื่อพิสูจน์ข่าวลือนี้ได้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดบางคำของสนมลี่ นางตัวแสบนี่อยากจะหวนคืนสู่ตำแหน่งอีกครั้ง คิดจะมีทายาทให้ฝ่าบาท นางแพศยานี่คิดจะทำอะไรกันแน่?  แค่นางคิดก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น ขั้นต่อไปก็จะมาแทนที่นางและลูกชายของนางได้โดยธรรมชาติ!

นอกจากนี้ ทุกคนก็รู้ข่าวลือนี้หมดแล้ว อย่าบอกนะว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่บอกให้นางรู้จริงๆ? ตระกูลเซี่ยโห้วปิดบังตนไว้หมายความว่าอย่างไร?

นางรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลเซี่ยโห้วจงใจจะปิดข่าวนาง!

ชั่วพริบตานี้ โลกทั้งใบของนางสั่นคลอนหมดแล้ว รู้สึกว่าคนทั้งโลกกำลังหลอกลวงนาง คับแค้นใจ คับแค้นใจ ยังคงคับแค้นใจ!

หารู้ไม่ ว่าแม้ตระกูลเซี่ยโห้วจะรู้ความจริงแล้ว แต่กลับไม่ได้ปิดข่าวนาง ที่จริงประมุขชิงทำเรื่องนี้อย่างเป็นความลับอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดข่าวเลย ส่วนจุดประสงค์ที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่บอกนางก็เรียบง่ายมาก ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์อย่างตรงหน้านี้เกิดขึ้น สำหรับตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว เมื่อปัญหาเล็กน้อยบางอย่างก็ปิดตาข้างเดียวไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องราวใหญ่โต ประมุขชิงชอบจ้านหรูอี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ไปที่ตำหนักเย็นบ่อยๆ เท่านั้นเอง ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง!

จ้านหรูอี้ลุกขึ้นอย่างโซเซ

จ้านหรูอี้เงียบงันไม่พูดอะไร

เพี้ยะ! ตบอีกฉาดหนึ่ง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่บอกว่า “ไม่บอกเหรอ? ตอนนี้ข้าสามารถลงโทษประหารนางแพศยาที่ขัดคำสั่งได้เลย!”

จ้านหรูอี้ยังคงไม่พูด

เพี้ยะ ตบอีกฉาดเสียงดังสนั่น

เพี้ยะ ตบเสียงดังชัดเจน

จ้านหรูอี้เลือดกลบมุมปาก แต่กลับยืนให้ตบหน้าอยู่อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ฝืนทนอยู่อย่างนั้น!

ไม่เห็นว่านางปกป้องผู้ชายคนนั้นไม่ยอมเอ่ยปาก ไม่น่าเชื่อว่าจะเสแสร้งรักกันต่อหน้า เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดือดดาลจนคิดอยากจะฆ่านางเสียเลย แต่ก็ไม่อยากให้จ้านหรูอี้ตายง่ายเกินไป หลังจากตบอีกฉาด ก็ตะคอกว่า “นางแพศยา คุกเข่าลงไป!”

บนคอเสื้อสีขาวดุจหิมะเปื้อนเลือดสด จ้านหรูอี้เงียบงัน คุกเข่าลงช้าๆ ตรงหน้านาง

“ฮือๆ…” หยินซวงกับไป๋เสวี่ยร้องไห้อยู่ข้างๆ แต่กลับถูกขนของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ใช้เท้าเหยียบไว้บนพื้น

ชวิ้ง! จู่ๆ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็พลิกมือช้อนกระบี่วิเศษด้ามหนึ่งออกมา นางแทงกระบี่ออกมาอย่างไม่ปราณีเลยสักนิด แทงทะลุแอ่งไหล่ของจ้านหรูอี้อย่างไม่ลังเล เลือดสดไหลออกมา ตอนที่กระบี่อยู่บนตัวจ้านหรูอี้ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้ายว่า “นางตัวดี ยังไม่พูดอีกเหรอ งั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”

แม่ทัพอารักขาที่ถูกกระบี่จ่อคออยู่ข้างๆ ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกมา ถ้าจ้านหรูอี้ตายอยู่ที่นี่จริงๆ เขาก็ไม่มีทางจินตนาการถึงผลที่ตามมาได้เลย เกรงว่าคงยากที่ประมุขชิงจะไว้ชีวิตเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าคนกลุ่มใหญ่จะต้องลงหลุมศพเป็นเพื่อนจ้านหรูอี้ไปด้วย!

เมื่อเห็นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ประสาทเสีย รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าเป็นผู้หญิงที่ฝ่าบาทรักที่สุด แต่ก็ยังกล้าใช้กระบี่แต่ะต้อง แม่ทัพอารักขาตระหนักได้ว่าจะรอให้ฝ่าบาทมาตัดสินใจเองไม่ได้อีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ขาดสติสัมปชัญญะแล้วจริงๆ!

ฉวยโอกาสตอนที่เอ๋อเหมยหันไปมอง จู่ๆ เขาก็ลงมือตีกระบี่ในมือเอ๋อเหมยออกไป แล้วตะโกนออกคำสั่งว่า “ช่วยคน!”

ขณะเดียวกันก็ใช้เท้าเตะท้องเอ๋อเหมย ทำให้เอ๋อเหมยกระเด็นออกไป แล้วก็ใช้ฝ่ามือตบฝ่าอากาศไปทางจ้านหรูอี้ พลังฝ่ามือที่ใหญ่หนาตบโดนจ้านหรูอี้ สมกับเป็นแม่ทัพเก่าแก่ของกองทัพองครักษ์ที่ผ่านสนามรบมานาน ดูเหมือนโจมตีจ้านหรูอี้ แต่ที่จริงแล้วกำลังใช้ฝ่ามือตีจ้านหรูอี้ให้ลอยไปด้านหลัง ทำให้จ้านหรูอี้หลุดพ้นจากกระบี่ด้ามนั้นที่สามารถทำอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา

จ้านหรูอี้แอ่งไหล่เลือดสาดขณะกระเด็นไปข้างหลัง ทหารอารักขาที่อยู่ข้างกายก็ออกอาวุธทันทีเช่นกัน โจมตีคนของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ล้มเป็นแถบ มีสองคนรีบมารับจ้านหรูอี้เอาไว้ หิ้วแขนคนละข้างถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

แม่ทัพอารักขาถลันตัวเข้ามาลงมือ ตบมือข้างหนึ่งไปที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยแก้ไขวิกฤตให้จ้านหรูอี้

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โกรธจนตัวสั่น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าลงมือกับนาง หันขวับไปใช้ฝ่ามือตบหนึ่งที

ปั้ง! ภูเขาถล่มแผ่นดินแยกเลยทันที แม่ทัพอารักขาวรยุทธ์คนละระดับเลย โดนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตบฝ่ามือเดียวจนกระเด็นออกไป

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็โซเซถอยหลังหลายก้าวเช่นกัน แต่นางก็ยังไม่คิดจะปล่อยจ้านหรูอี้ไป ใช้มืออีกข้างชักกระบี่ออกมา คิดจะเอาชีวิตจ้านหรูอี้ ทว่าฝ่ามือของแม่ทัพอารักขาคนนั้นก็ช่วงชิงโอกาสให้จ้านหรูอี้ได้บ้าง จากนั้นคนที่คุ้มกันจ้านหรูอี้ให้ถอยหลังก็โบกอาวุธปัดกระบี่ของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกไป แต่วรยุทธ์ของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ กระบี่ดีที่ขว้างออกมายังคงโจมตีให้คนล้มไปหลายคน

ท่ามกลางความอลหม่าน คนของกองทัพองครักษ์พุ่งออกมา ชิงตัวหยินซวงกับไป๋เสวี่ยไปแล้วเช่นกัน

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่สนหยินซวง ไป๋เสวี่ยอะไรทั้งนั้น คิดแต่จะสังหารจ้านหรูอี้ พอถลันตัวออกมา ก็พุ่งไปหาจ้านหรูอี้ที่มีคนกลุ่มใหญ่ปกป้อง พลังอำนาจอย่างนั้นเหมือนไม่เห็นกำลังพลจำนวนมากอยู่ในสายตาเลยจริงๆ บุกเข้าไปเพียงลำพัง

“ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์!” แม่ทัพคนหนึ่งที่กระเด็นออกไปตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

พรึ่บ! คนกลุ่มหนึ่งคุ้มกันจ้านหรูอี้ให้ถอยไปอย่างรวดเร็ว กำลังพลที่ขวางอยู่แถวหน้าเผยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมา เล็งไปยังเซี่ยโห้วเฉิงอวี่รวมทั้งกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ กดดันให้พวกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่หยุดอยู่กลางอากาศ

“พวกเจ้าคิดจะกบฏหรอ? ข้าอยากจะเห็นว่าใครจะกล้า!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โมโหจนเป็นบ้าแล้วจริงๆ นอกจากจะมีคนลงมือกับนางแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากขนาดนี้เล็งใส่นาง ตั้งแต่วันที่นางแต่งงานเข้ามาอยู่ที่วังสวรรค์ ก็ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

“ข้าน้อยมีโทษตาย! ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่เช่นกัน หากเหนียงเหนียงกล้าก็ลองก้าวเข้ามาสิ! แม่ทัพทุกคนฟังคำสั่ง หากเกิดเรื่องขึ้น ข้าจะรับผิดชอบคนเดียว ใครกล้าบุกเข้ามาก็ฆ่าไม่ละเว้น!” แม่ทัพอารักขาที่กระเด็นออกไปเหาะกลับมาตะโกนเสียงดุเร็วมาก

เมื่อมีคำสั่งนี้ออกมา กองทัพองครักษ์ก็ไม่สนใจอะไรอีก กลิ่นอายสังหารพวยพุ่งในชั่วพริบตาเดียว ทำเอาพวกสนมลี่ตัวสั่นวัดกลัว

และในเวลานี้เอง จ้านหรูอี้ถูกคนกลุ่มหนึ่งชิงตัวกลับเข้าตำหนักเย็นแล้ว ขณะเดียวกันก็มีกองทัพองครักษ์กลุ่มหนึ่งออกมาคุ้มกันนอกกำแพงตำหนัก ท้ังหมดง้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เล็งมาฝั่งนี้ ท่าทางเหมือนจะยิงสังหารคนที่บุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ

“พวกเจ้า…พวเจ้า…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ชี้กำลังพลกองทัพองครักษ์ นางโมโหจนตัวสั่น สำหรับนางแล้ว นี่คือการหยามเกียรติที่ใหญ่ที่สุด กองทัพองครักษ์ปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นราชินีสวรรค์เสียที่ไหนกัน ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จะเป็นความอัปยศอดสูขนาดไหน!

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ สำหรับนางแล้ว ร้ายแรงกว่าความอัปยศที่นางเผชิญมาทั้งชีวิตเสียอีก

พระตำหนักอุทยาน ประมุขชิงที่เดินไปเดินมาอยู่ในตึกศาลากำลังกำชับซือหม่าเวิ่นเทียนเรื่องวางกำลังคน อย่างไรเสียแดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็อยู่ในอาณาเขตทัพใต้ การวางกำลังคนไว้บนอาณาเขตของหนิวโหย่วเต๋อเพื่อร่วมมือกับแผนของโพ่จวิน เป็นสิ่งที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง

ซ่างกวนชิงที่ถือระฆังดาราอยู่ข้างๆ พลันสีหน้าเปลี่ยน เขาก้าวขึ้นมาข้างกายประมุขชิง แล้วรายงานอย่างร้อนใจว่า “ฝ่าบาท สถานการณ์ไม่ดีแล้ว ราชินีสวรรค์พบสนมสวรรค์ที่หุบเขาหลังตำหนักเย็น!” แม้จ้านหรูอี้จะถูกถอดบรรดาศักดิ์แล้ว แต่ยามอยู่ต่อหน้าประมุขชิง เขาก็ยังเรียกจ้านหรูอี้ว่าสนมสวรรค์ เพราะเขารู้ว่าในใจประมุขชิง จ้านหรูอี้ยังไม่ถูกถอดทิ้งไป

ประมุขชิงตกใจจนเหงื่อออกขนลุก ชั่วพริบตานั้นโยนทิ้งเรื่องใหญ่ทุกอย่างไว้ข้างหลังกันที พลันหันตัวกลับมาถามว่า “สนมสวรรค์เป็นยังไงบ้าง?” ความคิดแรกของเขาก็คือกังวลว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะทำร้ายจ้านหรูอี้

ซ่างกวนชิงยังไม่หยุดเขย่าระฆังดาราในมือ รออยู่ครู่เดียวก็ตอบกลับมาว่า “ฝ่าบาท ราชินีสวรรค์ลงมือกับสนมสวรรค์แล้ว สถานการณ์เร่งด่วน!”

“นางตัวแสบ!” ประมุขชิงถลึงตาตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ชี้ซ่างกวนชิงพลางตำหนิว่า “ทหารอารักขาที่ตำหนักเย็นมัวไปทำอะไรกิน?”

ซ่างกวนชิงจนใจ “หุบเขาด้านนอกไม่ได้เป็นของตำหนักเย็น จู่ๆ ราชินีสวรรค์ก็เดินทางผ่าน ไม่มีใครมีอำนาจขัดขวางาชินีสวรรค์ได้ขอรับ!”

ประมุขชิงกระชากคอเสื้อซ่างกวนชิง “ข้าบอกว่าหุบเขานั่นอยู่ในเขตตำหนักเย็นก็คืออยู่ในเขตตำหนักเ เย็น ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ถ้าปกป้องสนมสวรรค์ไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับสนมสวรรค์ ข้าจะเด็ดหัวพวกเขา เร็วเข้า!”

………………