ของขวัญชิ้นที่ 2
“คุณลุงหลี่ครับ ของขวัญชิ้นนี้ก็เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆที่ตระกูลเราเตรียมไว้ให้ลุง ลุงจะคืนมาไม่ได้นะครับ ถ้าทำอย่างนั้นผมจะอธิบายกับคุณพ่อของผมว่ายังไง” เมื่อเห็นหลี่เทียนเฮอท่าทวงกระอักกระอ่วนใจ หวังจ้าวจึงพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกเจ็บปวดแทนซูจิ้งที่จะให้ของขวัญที่ล้ำค่าเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียคำกล่าวของเขาก็ถูกต้องแล้ว
“ก็ดี ถ้างั้นฉันจะรับมันไว้ เรื่องแค่นี้เรียกแค่ลุงหลี่ก็พอน่า(หมายถึงให้เรียกลุงแบบสนิทชิดเชื้อ)” หลี่เทียนเฮอหัวเราะขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้หัวเราะแบบจริงจังนัก เขารู้ว่าตระกูลหวังนั้นมีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือเขาในบางเรื่องได้ ถ้าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับหวังซวนจี้ไว้ ถึงแม้เรื่องทั่วไปเขาเชื่อว่าตระกูลหวังจะช่วยเขาเต็มความสามารถ แต่เรื่องครั้งนี้กลับใหญ่หลวงยิ่งนัก มันใหญ่ถึงขนาดที่ส่งผลต่ออนาคตของตระกูลหลี่ ทำให้เขาต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้เขาได้เข้าข้างไปทางหวังซวนจี้แน่นอน
หลี่เทียนเฮอนำอำพันกลับเข้าไปในกล่องและให้หลี่หยิงเป็นคนเก็บให้เขา เขารู้สึกชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้เป็นพิเศษ ทุกคนในงานต่างรู้ว่าคืนนี้ซูจิ้งเป็นผู้ชนะ เมื่อเทียบกับอำพันชิ้นนี้ของขวัญอื่นๆ ก็เป็นแค่เศษเสี้ยว แม้แต่เมื่อนำไปเทียบกับของขวัญจากจ้าวซือเฟิงก็ตาม
“ลุงหลี่โปรดรอซักครู่ครับ ผมเองก็ยังได้เตรียมของขวัญมาให้คุณลุงเช่นกัน” ณ ตอนนี้ เมื่อซูจิ้งได้กล่าวออกไปทำให้ทุกคนในงานถึงกับมึนงง หวังจ้าวรีบเหล่ตามองทันที นี่แสดงว่าตั้งแต่เริ่มนั้นซูจิ้งได้เตรียมของขวัญไว้มากกว่าหนึ่งชิ้น ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดว่าของขวัญที่เตรียมมานั้นไม่ได้รวมกับซูจิ้ง ถ้าเป็นปกติเขาคงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ของขวัญชิ้นแรกกลับมีค่าสูงเทียมฟ้าแล้ว ชิ้นที่สองนี่จะไม่ใช่สมบัติที่มีค่าทะลุดั่นเมฆเลยรึยังไง
หวังจ้าวและหวังซือหยาต่างสบตากันและกัน พวกเขาไม่ได้ดูของขวัญที่เตรียมมาตั้งแต่เมื่อเช้าทำให้ไม่ได้เตี๊ยมกันกับซูจิ้งไว้ก่อน พวกเขาต่างเหล่ตามองไปที่ซูจิ้งอย่างเฉียดเฉือน แต่ซูจิ้งกับยิ้มอย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจใคร ซึ่งเขาเองก็รู้ว่าทั้งหวังจ้าวและหวังซือหยาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่เขามอบของขวัญราคาแพงแก่ผู้อาวุโส ถ้ามันทำให้หลี่เทียนเฮอมีความสุขเงินเท่าไหร่ก็คุ้มค่า อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เจ็บปวดได้เช่นกันเมื่อพบว่าของที่ให้เป็นของขวัญนั้นประเมินค่าไม่ได้ อย่างไรก็ตามในมุมมองของซูจิ้งนั้นของที่มอบให้ไม่ใช่ของที่มีมูลค่าประเมินค่าไม่ได้ แต่มันก็แค่ของเก็บได้เล็กๆ น้อยๆ แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจมันอยู่แล้ว(อย่าได้แคร์ร์ร์ร์ร์)
“เสี่ยวซู แค่มอบอำพันชิ้นนั้นก็พอแล้ว อย่าได้เสียเงินเสียทองไปมากกว่านี้เลยนะ” หลี่เทียนเฮอยกมือห้ามไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ลุงหลี่ครับของที่ผมนำมานั้นมันก็แค่ของเล่นเท่านั้นเอง ผมไม่เอามันคืนอย่างแน่นอน มาดูกันก่อนเถอะว่าลุงจะชอบมันรึเปล่า”เมื่อพูดจบ เขาก็ได้หยิบห่อที่ใส่ของขวัญขนาดใหญ่ออกมาวางไว้ที่พื้นแล้วถือของข้างในออกมาไว้ในมือ
ตอนแรกนั้นเขาเตรียมของจำพวกเดียวกับของสองชิ้นนี้ไว้หลายชิ้นแต่ก็คิดได้ว่าไม่ควรจะให้เยอะเกินไปเขาจึงเลือกมาเป็นของขวัญแค่สองชิ้น
“ลุงครับ ในเมื่อนี่เป็นความตั้งใจเล็กๆน้อยๆจากเสี่ยวซู เราก็เปิดมันดูหน่อยแล้วกันครับ” ชายหน้าเหลี่ยมอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
“เธอนี่น้า…ช่างน่าตีจริงๆ” หลี่เหนียนหยิงจ้องไปที่ชายน่าเหลี่ยมเพราะว่าชายน่าเหลี่ยมไม่ได้ซ่อนความรู้สึกที่อยากจะรู้อยากจะเห็นในใบหน้ายิ้มแย้มไว้เลยซักนิด แต่ก็ว่าไม่ได้เต็มปากเพราะทั้งหลี่เหนียนหยิง หลี่หยิง เฉิงหนาน และคนอื่นๆ เองก็อยากรู้
“ฮ่า ฮ่า งั้นก็ลองเปิดดูกันก่อนแล้วกัน ฉันได้รับของขวัญมามากมายในชีวิตนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้รับของขวัญจากใครซักคนแล้วน่าลุ้นขนาดนี้” หลี่เทียนเฮออดไม่ได้ที่จะยิ้ม เช่นเดียวกับคนอื่นๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะทำให้คนที่มีรสนิยมสูงเทียมฟ้ายอมรับของขวัญได้อย่างใจเปี่ยมล้น
กล่องของขวัญที่ถูกห่อแบบง่ายๆ ถูกแกะออกมา กล่องมีขนาดด้านละ 50 เซนติเมตรถูกเปิดออก ทุกคนจับตามองไปที่วัตถุสีแดง เหล่านักประเมินส่วนหนึ่งรวมถึงชายหน้าเหลี่ยมตกใจจนหน้าถอดสี
ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องด้านนี้มากนักก็ยังมองออกว่านี่คือปะการังสีแดง มันถูกปักอยู่ในกระถางดอกไม้ ปะการังสีแดงต้นนี้มีกิ่งก้านสาขาที่อยู่ในลักษณะสวยงามอย่างมาก โดยมีขนาดโดยรวมความสูงอยู่ที่ 40 เซนติเมตร และกว้างที่ 50 เซนติเมตร สีแดงของมันช่างดูสดใสสวยงามอย่างยิ่ง
“พระจ้าว ปะการังแดงนี้ช่างสวยงามยิ่งนัก”
“รูปทรงของมันก็ช่างสวยงามเช่นกัน”
“มันช่างเหมือนกับงานประติมากรรมศิลปะจริงๆ”
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีหัวศิลปะหรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่มนุษย์ทุกคนย่อมมีหัวใจศิลปะอยู่กับตัว ทุกคนต่างมองออกในทันทีว่าปะการังแดงชิ้นนี้มีความงามอยู่เปี่ยมล้น สิ่งนี้ยิ่งทำให้ชายหน้าเหลี่ยมทำอะไรไม่ถูก นอกจากทำได้เพียงตื่นเต้นเท่านั้น
“ปะการังแดงขนาดใหญ่ขนาดโดยรอบมากกว่า 40 เซนติเมตร”
“สีแดงปรอด สดใสและรูปทรงอันสมบูรณ์”
“นี่ควรเป็นปะการังจากธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย ทำไมมันถึงไม่มีจุดขาวหรือดำแม้แต่น้อย”
“ต่อให้ตามหาทั้งชีวิต ก็ไม่มีโอกาสได้ครอบครองอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ไม่จริงใช่ไหม ความสมบูรณ์นี้มันช่างงงง…. ฉันไม่จำเป็นต้องนำแว่นขยายมาตรวจประเมินเลยด้วยซ้ำ”
“เจ้าปะการังแดงนี่ไม่ใช่ว่าเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้อีกชิ้นนึงใช่ไหม” หลี่หยิงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ฉันบอกได้เลยว่าใช่อย่างไม่ต้องสงสัย” ชายหน้าเหลี่ยมพูดออกไปทันควันอย่างไม่กระดากอายในกิริยาท่าทางแม้แต่น้อย หากจะให้อธิบายเพิ่มเติมจะมีรายละเอียดดังนี้
ปัจจัยที่ทำให้ปะการังแดงมีมูลค่าสูงนั้นเพราะว่าปะการังแดงเป็นปะการังน้ำลึก มันจะเติบโตอยู่ในช่วงระดับความลึกใต้ทะเลที่ 200-2000 เมตร มันถือได้ว่าเป็นอัญมณีมีชีวิตเช่นเดียวกับไข่มุกและอำพัน และยังเป็นหนึ่งในเจ็ดอัญมณีตามพระคัมภีร์ในศาสนาพุทธ(ของจีน) และยังถูกนับว่าเป็นสมบัติในทางประวัติศาสตร์
ปะการังนั้น โดยปกติจะค่อยก่อตัวอย่างช้าๆ และไม่สามารถทดแทนส่วนที่ขาดหายไปได้
(ปกติจะงอกต่อยอดไปเรื่อยๆ ปีละประมาณ 1 เซนติเมตร )หากหักออกจะไม่มีการงอกต่อเนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในปะการังที่ทำหน้าที่ต่อยอดนั้นหลุดไปแล้ว แต่สามารถนำส่วนที่หักออกไปนั้น ไปปักยึดไว้ในพื้นที่ ที่เหมาะสมจะสามารถงอกต่อได้)
ปะการังแดงนั้นจะเติบโตในเฉพาะแค่บางน่านน้ำเท่านั้น (เขตทะเลไต้หวัน เขตทะเลญี่ปุ่น เขตทะเลบัลติก และทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน) ซึ่งหมายความว่าแหล่งการพบเจอนั้นมีจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปะการังแดง สิ่งของที่มีสีแดงนั้นเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักสะสม ทำให้มูลค่าของปะการังแดงจะสูงกว่าปะการังชนิดอื่น ซึ่งมูลค่าที่เพิ่มนี้ถือได้ว่าเป็นค่าความพึงพอใจของนักสะสม ด้วยการที่มันมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน
ในช่วงปีที่ผ่านมาปะการังแดงจึงมีราคาสูงมากขึ้น ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้หากมันถูกประมูลจะได้รับราคาประมูลที่สูงในทุกครั้งๆ นั่นทำให้ราคายิ่งสูงมากขึ้นไปอีก เมื่อปีก่อนนั้นราคาของปะการังสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่งมากกว่าสองปีก่อนหน้าประมาณ 40-60 เปอร์เซนต์ และสามารถคาดได้เลยว่าจะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆในอนาคต
ปะการังแดงธรรมดาก็ถือว่าเป็นสิ่งของชั้นสูงอยู่แล้ว ระดับของสิ่งของในสายตานักประเมินจะแบ่งออกเป็นสามระดับได้แก่ ระดับสูง ระดับธรรมดา ระดับต่ำ(ดาษๆ ง่อยๆ) ไม่ต้องพูดถึงปะการังแดงของซูจิ้งเลยที่เป็นของชั้นสูงในชั้นสูงหรือกล่าวอีกอย่างคือสูงสุดในชั้นสูง
มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อมูลค่าของปะการังแดง
ประการที่หนึ่ง สีสัน ยิ่งสีแดงเข้มเท่าไหร่ยิ่งมีมูลค่าสูง
ประการที่สอง ขนาด ขนาดยิ่งใหญ่ ยิ่งหนัก ยิ่งมูลค่าสูง ประการที่สาม จุดด่างพร้อย ยิ่งจุดด่างพร้อยน้อยเท่าไหร่ยิ่งมูลค่าสูง แน่นอนว่ารวมถึงความสมบูรณ์และรูปทรงด้วย
ปะการังแดงที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคนนี้ไม่มีข้อตำหนิใดๆเลยแม้แต่น้อย ถ้าพูดง่ายก็คือ ถ้าปะการังแดงที่ขนาดโดยรวมกว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร จะถูกขายกันที่ 1.2 ล้านหยวน แต่ปะการังของซูจิ้งนี้ ใหญ่กว่าโดยมีความกว้าง 40 เกือบๆ 50 เซนติเมตร ซึ่งแน่นอนมูลค่าของมันย่อมมากกว่าโดยไม่จำเป็นต้องไปไล่ดูราคาตลาด
ปะการังแดงที่ใหญ่ขนาดนี้หาได้ยากยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ยากนักยังพอมีการประมูลอยู่บ้างแต่ที่มีความสมบูรณ์แบบชิ้นนี้กล่าวได้ว่าไม่มีเลย
“…..” หลังจากฟังการสาธยายของชายหน้าเหลี่ยม ทุกคนได้แต่ทำหน้าเอ๋อๆ เท่านั้น มีอะไรผิดพลาดรึเปล่า มันประเมินค่าไม่ได้ ซูจิ้งไปสรรหาสมบัติพวกนี้มาจากไหนกัน เขาไปขู่เข็ญมาจากพระเจ้ารึอย่างไร หรือพระเจ้าจะเล่นตลกกัน ซูจิ้งเองก็ยืนฟังสิ่งที่ชายหน้าเหลี่ยมสาธยายออกมาอย่างตั้งใจ พร้อมทั้งทำการพิจารณาในตัวชายหน้าเหลี่ยมไปพร้อมกัน เมื่อฟังจบแล้วเขาก็แสดงออกให้เห็นด้วยท่าทางที่มีความสุข มูลค่าของปะการังแดงนั้นเขาคาดไว้อยู่แล้วว่าราคาของมันจะสูงอย่างแน่นอน ของชิ้นนี้เขาได้มาจากการคุ้ยขยะเมื่อวานนี้
เมื่อวานนี้เป็นรอบของขยะที่มาจากราชวงศ์ชิงและประเทศมู่ซึ่งเป็นห้วงเวลาและกาลอวกาศจากเรื่องโซเฉินจิ ทำให้ขยะส่วนใหญ่เป็นปะการังจากทะเลจีนตะวันออก วังคริสตัลมังกร และเจดีย์ขาวคุนหลุน
เขาได้รวบรวมปะการังไว้ส่วนหนึ่งซึ่งคิดว่าเป็นขยะที่มาจากเมืองในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีปะการังแดงชิ้นนี้ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุด