เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ขณะที่อวิ๋นเยี่ยกำลังเตรียมปลอบโยนเจ้าหน้าที่สองคนที่แม้ถูกทารุณกรรมอย่างสาหัสแต่ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน อวี้ฉือกงโผล่ศีรษะออกมาพร้อมเรอกลิ่นสุราคละคลุ้ง ที่มาด้วยกันยังมีบิดาของต้วนเหมิ่ง…แม่ทัพต้วน
ต้วนเหมิ่งเดินพลางร้องพลาง “เจ้าไม่ใช่ต้องการพบบิดาข้าหรือ ข้าตามมาแล้ว มีอะไรคุยกับบิดาข้าได้เลย”
ยังจะคุยอะไรอีก ขนาดอวิ๋นเยี่ยยืนอยู่ข้างๆยังรู้สึกหนาวเหน็บจนขนลุกตั้งชัน สองเจ้าหน้าที่ขาสั่นพั่บๆ ลิ้นพันกันจนพูดไม่เป็นภาษา ได้แค่อ้ำอึ้งยกมือยกไม้กันพัลวัน
“ว่าลูกชายข้าไร้มารยาทไม่รู้ขื่อแป พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าบิดาเขายังเป็นหนักกว่าเขาเยอะ” แม่ทัพต้วนคว้าคอเสื้อเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เพียงยกมือขึ้นเจ้าหน้าที่คนนั้นก็กระเด็นไปอยู่บนต้นไม้ เกาะกิ่งไม้ไว้แน่นไม่ยอมลงมาอีก อีกคนก็ไม่ได้ดีกว่ากันโดนโยนไปบนต้นไม้อีกต้นเป็นฝีมืออวี้ฉือกง
แม่ทัพต้วนยังข่มขู่พวกเขาอีกว่า “วันมงคลยิ่งใหญ่กล้ามากวนใจ แค่ล่าเสือมาตัวเดียวเรียกว่าช่วยขจัดภัยร้ายให้ชาวบ้าน ถึงขนาดมาจับคนที่บ้านหรือ ถ้ากล้าลงมาจะตีให้ขาหัก”
แขกเหรื่อในลานยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคงนั่งดื่มสุรากันต่อ หลี่จิ้งถือถ้วยสุราวนรอบข้าวโพด ใช้มือแตะไหมข้าวโพดสีม่วงที่ยื่นออกมานอกฝักแล้วหันศีรษะพูดกับฉินฉยงว่า “เจ้าได้ลองกินผลผลิตใหม่นี้แล้วยัง”
ฉินฉยงสั่นศีรษะว่า “ได้ยินเจ้านั่นบอกว่ามีเมล็ดพันธุ์เพียงห้าเมล็ดเพิ่งปลูกมาแล้วสองรอบ ผลผลิตยังมีไม่มาก หากจะกินผลผลิตใหม่ถึงอย่างไรก็ต้องรอปีหน้า ปีที่แล้วได้เก็บเกี่ยวผลมันฝรั่ง ข้าลองกินไปแล้วลูกหนึ่งรสชาติอร่อยดีมากได้ทั้งอิ่มท้องทั้งแทนผัก เก็บไว้ในห้องใต้ดินตลอดหน้าหนาวก็ยังดีๆอยู่ ปีนี้ปลูกลงดินไปครึ่งหมู่ถึงอย่างไรก็คงเก็บเกี่ยวได้สักสองพันชั่ง ปีหน้าก็จะปลูกได้มาก”
“ข้าได้ลองกินมันฝรั่งแล้วรสชาติดีจริงๆที่สำคัญคือกินอิ่มท้องได้ มีศึกสงครามสามารถใช้เป็นเสบียงอาหารขนส่งได้มากๆแม้ถูกฝนเปียกก็ไม่เป็นไรเก็บรักษาไว้ได้นาน อนาคตพวกเราจะไม่มีปัญหาเรื่องเสบียงกรังกองทัพ ข้าชักอยากจะรู้นักว่าพวกสวะเกาหลีกับถู่อวี้หุนจะกำเริบเสิบสานได้ถึงเมื่อไรกัน”
พูดถึงศึกสงครามแล้วฉินฉยงก็รู้สึกสลดใจ ถึงแม้ร่างกายเขาจะได้รับการถ่ายเลือดจากอวิ๋นเยี่ยแต่ก็เป็นเพียงการรักษาอาการ พอลมปราณร่างกายสูญสลายไปกำลังวังชาก็สูญสลายไปด้วย หมดสิทธิเข้าร่วมศึกสงครามอีกต่อไป ต่อนี้ไปคงทำได้เพียงดูแลบ้านช่องให้เหล่าพี่น้องในฉางอันเท่านั้น
หลี่จิ้งมองไปที่ฉินฉยงว่า “พี่ซู่เป่า ท่านยังไม่ได้ทำศึกมามากพอหรือ สังหารคนอื่นได้ย่อมถูกคนอื่นสังหารได้ ทั้งท่านทั้งข้าถือว่าเป็นพวกสังหารคนมานับไม่ถ้วน การที่มีชีวิตอยู่เสวยสุขมีลาภยศสรรเสริญได้จนถึงทุกวันนี้ นับว่าฟ้าเมตตาเป็นพิเศษแล้ว ลองคิดดูพี่น้องร่วมรบของพวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่เหลือแค่กี่คนกัน ซ่านสยงซิ่นก็ตายในมือพวกเรา ได้ยินว่าลูกชายเขามาที่ฉางอันหรือ”
“ใช่ เวลานี้กำลังเรียนหนังสืออยู่ในสถานศึกษา ไม่นึกว่าเขาจะมีวาสนาได้เป็นลูกศิษย์ติ้งเยี่ยนผิง วิทยายุทธ์ล้ำเลิศระดับที่ไม่มีใครในรุ่นเดียวกันเสมอเหมือนได้ อวิ๋นเยี่ยบอกว่าคนนี้ใจคอเ**้ยมโหดทารุณไม่มีทัศนคติต่อความรู้สึกดีชั่ว ยึดถือคติโจรเป็นหลัก ถึงไม่ถึงว่าหลังจากเยี่ยนผิงถอนตัวแล้วกลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น”
ฉินฉยงไม่ได้บอกหลี่จิ้งว่าซ่านอิงเคยวางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ เรื่องนี้บอกเฉิงเหย่าจินกับอวิ๋นเยี่ยได้ แต่บอกหลี่จิ้งกับหลี่จีไม่ได้ เป็นเรื่องความเป็นความตายของคนสามตระกูล เขาจะไม่ระมัดระวังไม่ได้
“ติ้งเยี่ยนผิง? มิน่าเขาจึงได้มีวิทยายุทธ์สุดล้ำเลิศ ปิศาจเฒ่าคนนี้ยังมีชีวิตอยู่อีก? เวลานี้น่าจะใกล้เก้าสิบแล้ว แต่เอาเจ้าปิศาจน้อยคนนี้ไว้ในมือจอมพิสดารอวิ๋นเยี่ยแล้วต่อให้มีปีกคงไม่มีสิทธิ์บินหนีไปได้”
หลี่จิ้งรู้สึกสมน้ำหน้าอวิ๋นเยี่ยนัก เวลานี้เขาแทบจะคล้ายกับหลี่ซื่อหมิน อวิ๋นเยี่ยยิ่งเดือดร้อนเขาจะยิ่งดีใจ
“เสี่ยวเยี่ยพอจะรู้วิทยายุทธ์บ้างไหม ข้าเกรงว่าเขาอาจเพลี่ยงพล้ำได้” ฉินฉยงยังดูจะมีใจเป็นธรรมกว่าจึงออกจะเป็นห่วงอวิ๋นเยี่ย
“ถ้าวิทยายุทธ์ใช้ได้ผลแล้วพวกจอมยุทธ์แห่งแผ่นดินทั้งหลายอยู่ที่ไหนกัน? การแย่งชิงความยิ่งใหญ่คนที่ตายไวที่สุดก็คือพวกเขานั่นแหละ วิทยายุทธ์ของท่านก็ระดับสุดยอดแล้วทำไมตอนนี้ต้องป้วนเปี้ยนอยู่บนเตียงคนป่วย ในเมื่ออวิ๋นเยี่ยจัดการให้ซ่านอิงมาที่สถานศึกษาได้ ก็หมายความว่าเขากำชัยอยู่ในมือแล้ว ได้ประโยชน์มหาศาลจากฐานะศิษย์อาจารย์ นับแต่นี้ไปคนที่เจ้าต้องระแวงก็คือลูกชายของเฒ่าซ่านไม่ใช่อวิ๋นเยี่ยอีกต่อไป
ตั้งแต่กลับจากทุ่งหญ้ากำจัดตระกูลโต้วแล้ว เจ้าอวิ๋นเยี่ยก็พรางตัวซ่อนเร้นง่วนอยู่แต่เรื่องในสถานศึกษา ไม่ยอมสาวเท้าเข้าเมืองฉางอันแม้เพียงก้าวเดียว แค่เวลาสั้นๆ สถานศึกษาก็กลายเป็นสุดยอดสถานศึกษาของต้าถัง ทั้งกั๋วจื่อเจี้ยนและหงเหวินก่วนต่างยอมหมอบราบคาบแก้ว แค่ข้อสอบทดสอบจิตใจข้อเดียวก็แทบจะซื้อใจปราชญ์ทั่วประเทศได้ ไม่มีใครเลยที่จะปฏิเสธเกียรติยศการได้เข้าร่วมสถานศึกษา
ที่เยี่ยมที่สุดคือเขาสามารถชักจูงใจให้ฮ่องเต้รับเป็นหัวหน้าสถานศึกษา เวลานี้ได้มีพระราชโองการประกาศไปทั่วแผ่นดินทำให้สามารถถอนรากถอนโคนข้อกล่าวหาทั้งหมดของสถานศึกษาได้ ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของฮ่องเต้ เขาสามารถถ่ายทอดทฤษฎีพิสดารที่แสนจะทุเรศทุรังของเขาแก่เหล่าลูกศิษย์ลูกหาโดยไม่ต้องมีข้อกังวลแม้แต่น้อย
พี่ซู่เป่า ท่านมองข้ามคนรุ่นหลังคนนี้มากเกินไปแล้ว สถานศึกษาเพิ่งเป็นปึกแผ่นเสียงเป่าเขาทางทิศใต้ก็เริ่มดังขึ้นแล้ว ลูกน้องเก่าของท่านกำลังโดนเขาเอาไปหรือไม่ ไม่ต้องมามองข้าเลยของข้าเองก็โดนเอาไปแล้ว น่ากลัวว่าทุกสิ่งของเหล่าขุนพลพวกเราต่างโดนเขารวบเอาไปหมดแล้ว ทหารเก่าแก่สามพันคนที่เคยผ่านศึกมานับร้อยนับพันสนามรบ ในถิ่นแคว้นแดนไกลถึงหลิ่งหนานที่มีแต่คนป่าคนเถื่อนจะมีพลังที่สามารถทำลายล้างประเทศได้ทีเดียว
ผู้นำก็คืออดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ท่านคิดว่าพวกเขาจะหวั่นเกรงอะไรหรือ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าแคว้นเล็กๆเลย น่ากลัวว่าแม้แต่เฝิงอั้งเวลานี้ก็คงกำลังตีอกชกหัวกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ความสัมพันธ์ของอวิ๋นเยี่ยกับองค์หญิงโซ่วหยางดูมีเลศนัยคงมีอะไรกันแน่ น่าสงสารหมันอ๋องยังมัวแต่เฝ้าหมายปองโซ่วหยาง รนหาที่ตายแท้ๆนึกหรือว่าเมืองฉางอันไม่มีหนุ่มคู่ควรโซ่วหยาง? ไม่ใช่ไม่มีแต่ไม่มีใครกล้า
เขาว่ามีกำไรข้าเชื่อสนิทใจ ยึดทรัพย์ยึดแผ่นดินแล้วไม่กำไรมีที่ไหน ต่อให้เขาบอกว่าท้องฟ้าหลิ่งหนานมีทองตกลงมาข้าก็ยังเชื่อ เจ้าคอยดูไปไม่เกินสองปีนี้หลิ่งหนานจะปรากฏคนที่สามารถเป็นคู่แข่งกับเฝิงอั้งได้ คนนั้นคือองค์หญิงโซ่วหยาง แต่ถ้ารอนานกว่านี้แม้แต่เฝิงอั้งก็ยังต้องยอมแพ้ พลังเงินตรานั้นน่ากลัวมาก
ท่านรู้ไหมว่าพวกเราเป็นอะไร พวกเราต่างเป็นตัวประกันของเจ้าคนนี้ กองทหารสามพันกำลังพิชิตศึกจะต้องได้ทรัพย์สินกลับมามหาศาล เมื่อกลับมาแล้วจะต้องสำนึกบุญคุณเจ้าคนนี้มากมาย แน่นอนว่าพวกเราก็ย่อมได้รับผลประโยชน์ด้วย ไม่มีใครรู้สึกไม่พอใจเขาแน่นอน
ไม่เชื่อท่านก็ดูเครือญาติทหารเก่าที่ตายในหลิ่งหนานไม่มีใครบ่นว่าตำหนิเขา จากนั้นเขาก็ยังเฟ้นหาทหารใหม่จากลูกหลานทหารเก่าได้อีกรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทุกรุ่นล้วนรับใช้เขาด้วยความจงรักภักดียิ่งนัก
ที่น่ากลัวที่สุดคือเจ้าคนนี้ไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงคิดเพียงแค่สร้างสถานศึกษา จัดการภายในครอบครัวให้เรียบร้อยสามารถอยู่สุขสบายได้ตลอดชาติ ด้านหนึ่งมีสติปัญญาสูงส่งสุดยอดส่วนอีกด้านหนึ่งกลับมีใจปลาซิวปลาสร้อย แค่ขยับตัวซ้ายขวาก็ทำเรื่องที่คนอื่นต้องใช้เวลานับร้อยนับพันปีกว่าจะสำเร็จให้เสร็จสิ้นในไม่กี่ปี ท่านลองดูย้อนหลังความจริงเขาไม่ได้ออกแรงอะไรเลย คนเป็นของพวกเราเงินก็เป็นของพวกเรา การลงมือทำก็เป็นพวกเราแต่เขากลับได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
พี่ชายข้า ท่านคงยังไม่รู้แน่ชัดว่าเขามีคู่ขาสาวอยู่ในทุ่งหญ้าเป็นหญิงทูเจวี๋ยที่สุดแสนโง่เง่า แต่หญิงทูเจวี๋ยคนนี้เวลานี้เป็นเจ้าของปศุสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดเชิงเขาอินซัน นางทำอะไรไม่เป็นเลยทำได้แค่ตามเก็บข้าวของ วันนี้เก็บแพะแกะเผ่าน่าชีหลายสิบตัว พรุ่งนี้เก็บวัวเผ่ากงหนิวอีกหลายสิบตัว ถ้ามีใครไปตามทวงคืน นางจะร้องห่มร้องไห้แล้วไปร้องเรียนทหารต้าถังว่าถูกรังแก การซื้อขายยุทธปัจจัยต่างๆของทหารต้าถังถูกผูกขาดโดยร้านเทียนเหอที่ใหญ่ที่สุดในต้าถัง ตามที่ข้ารู้มาฮองเฮามีหุ้นอยู่เจ็ดส่วน ที่เหลือสามส่วนตระกูลอวิ๋นครองอยู่สองส่วนอีกหนึ่งส่วนเป็นของเหอผั้นจื่อ ท่านว่าทหารจะอยู่ข้างใครหรือ
ขณะที่ข้าจากไปได้แบ่งที่ให้นางร้อยลี้แต่เวลานี้มีไม่ต่ำกว่าสามร้อยลี้ ได้ยินว่าหญิงโง่เง่าคนนั้นเริ่มเก็บคนเลี้ยงปศุสัตว์แล้ว เห็นได้ว่านางมีสัตว์มากจนไม่สามารถดูแลกันเองได้
สถานศึกษากำลังเตรียมการค้นคว้าเรื่องหนึ่งเห็นว่าจะใช้ขนแกะมาทอผ้า หากทำได้สำเร็จพวกเลี้ยงปศุสัตว์จะไม่หลุดจากการปกครองของต้าถัง รุ่นต่อๆไปก็จะเลี้ยงปศุสัตว์ตัดขนแกะบนทุ่งหญ้า กลุ่มโจรชายแดนคงจะไม่ปรากฎในบันทึกประวัติศาสตร์อีกต่อไป
พี่ฉิน ที่ข้าพูดมามากเช่นนี้ เวลานี้ท่านคงจะพอเข้าใจได้ว่าระหว่างเขากับซ่านอิงคนไหนเป็นหมาป่าคนไหนเป็นแกะแล้วสินะ หากมีวันหนึ่งเขาโดดออกมาต่อสู้กับข้าอย่างเปิดเผยจริงจัง ข้าจะไม่พูดอะไรจะชักม้าหนีทันที เพราะหมายความว่าเขาเชื่อมั่นแล้วว่าเขาจะกำชัยแน่นอน”
คำพูดเหล่านี้ฉินเฒ่าฟังจนเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว เขาเป็นขุนพลผู้กล้าเชี่ยวชาญการศึกสงครามตามแบบแผน แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแผนการสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนปมที่เขาไม่สามารถรู้เท่าทันได้ เขานึกไม่ถึงว่าคนคนเดียวทำไมจึงสามารถกระทำเรื่องในเวลาเดียวกันได้มากมายนัก ตระกูลอวิ๋นเมื่อสองปีที่แล้วยังเป็นเพียงตระกูลเล็กๆที่ไม่มีความหมายอะไร อวิ๋นเยี่ยเองก็ยังถูกผู้อาวุโสเหล่านี้เรียกใช้ได้ตามสบาย เอะอะก็โดนมือโดนเท้าเป็นประจำแม้เวลานี้ก็ยังโดนได้ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกใจฝ่อ? เจ้าจือเจี๋ย เจ้าไปเก็บตัวพิสดารอะไรมาแน่นะ?
พอหันศีรษะมองไปเห็นอวิ๋นเยี่ยอยู่นอกประตูยืนยิ้มกล่อมให้สองเจ้าหน้าที่ลงมาจากต้นไม้ รับรองว่าจะไม่ทำร้ายพวกเขาด้วยการยิ้มอย่างจริงใจใสซื่อ แต่จิตใจฉินเฒ่ากลับเย็นเฉียบ
“ท่านไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเล่นงานพวกเรา เจ้านี่ถึงแม้จิตใจสกปรกแต่ก็เป็นคนมีศีลมีสัตย์ กล้าเสี่ยงภัยใหญ่หลวงละเมิดตระกูลเก่าแก่นับพันปีเพื่อหญิงนักร้องคนหนึ่ง ทำได้อย่างหมดจดงดงาม ถึงแม้จะโดนหางเลขเล็กน้อยแต่ก็เพราะความบกพร่องของคนหน่วยข่าวกรอง คนที่มีจิตใจแน่วแน่เช่นนี้ย่อมไม่มีในคนจิตใจชั่วร้าย คนมีศีลมีสัตย์แต่อุบายร้อยแปด ข้าไม่กล้านึกภาพเลยว่าอาจารย์ของเขาเป็นคนระดับไหนแน่”
อวิ๋นเยี่ยใช้ความพยายามจนสองเจ้าหน้าที่ยอมลงจากต้นไม้ ทั้งยังห่อเงินให้พวกเขาสองห่อทั้งรับปากที่จะไปชำระค่าปรับที่กองยานพาหนะหลังงานฉลองวันเกิด แล้วจึงให้คนขับรถม้าส่งสองเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายกันแน่
ครั้นเห็นฉินฉยงกับหลี่จิ้งยังคงยืนอยู่กลางแสงแดดกล้า อวิ๋นเยี่ยจึงกางร่มใหญ่คันหนึ่งเหนือศีรษะทั้งคู่แล้วบอกฉินฉยงว่า “ลุงฉิน สภาพร่างกายท่านยังทรุดโทรมมาก ยืนกลางแดดนานอาจเกิดป่วยหนักทำให้สูญเสียพลังลมปราณไปอีก” พูดแล้วยังให้คนยกน้ำชาร้อนให้ฉินฉยง พูดอีกว่า “น้ำองุ่นบ่มถึงแม้จะมีประโยชน์ต่อท่านแต่ใส่น้ำแข็งไม่ได้ ดื่มมากก็ไม่มีประโยชน์ เพิ่งกินข้าวอิ่มสู้ดื่มน้ำชาร้อนจะดีกว่า”
ฉินฉยงรับถ้วยน้ำชาจิบไปทีหนึ่งแล้วมองอวิ๋นเยี่ย นึกขำตัวเองว่าผู้เก่งกล้าในโลกนี้จากไปมากแล้ว อวิ๋นเยี่ยก็เป็นเพียงคนอ่อนอาวุโสที่มีความกตัญญูคนหนึ่งเท่านั้น คำพูดของหลี่จิ้งเป็นเพียงการคาดเดา เรื่องจริงจะเป็นเช่นไรคงมีแต่สวรรค์ที่รู้ ประสบการณ์ตัวเองหลายสิบปีเชื่อว่าตาสองข้างยังไม่บอด พอจะแยกแยะดีชั่วได้อย่างชัดเจน