เฟิงจวนจุ้นมองไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอย่างเยือกเป็น จากนั้นเขาหันไปยัง ลี่เติ้งหยวน และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเมื่อเด็กหนุ่ม ร่วงลงมาถึงพื้น
” เจ้าต้องเรียนรู้ว่าผูhใดที่เจ้าก่อกวนได้ ลี่เติ้งหยวน เจ้าโชคดี ข้าสังหารผู้ใดก็ตามที่ก่อกวนข้า .. แม้นว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กับองค์จักรพรรดิ ! ข้าไม่สังหารเจ้าเพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของพ่อเจ้า และมากกว่านั้น … เพราะข้าไม่อาจละเลยความสัมพันธ์ของข้ากับ ยอดปรมาจารย์อันดับสอง …!”
” เฟิงจวนจุ้น เจ้าทรงพลังอย่างแท้จริง ! ”
ในที่สุด ลีจื้อเทียน หันมาและเอ่ยขึ้น เขามิได้ซ่อนจิตสังหารในสายตาขณะที่มองไปยัง เฟิงจวนจุ้นด้วยสายตาอันเยือกเย็น ฉีฉางเซี่ยว และ เล้ยวูเบ้ย ขึ้นหน้ามาเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์
เจ้ายังจะต่อสู้กันเองในขณะที่เรากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้อีกหรือ ?
เฟิงจวนจุ้น มิได้ถอยหลังแต่น้อย เขาจ้องมองกลับไป และ กดวาจาของตัวเอง จากนั้น รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นขณะที่เขาเอ่ยไปพยักหน้าไป
” ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าไม่ควรมา ”
จากนั้น เขาหันกลับไปและเอ่ยต่อ
” เฟิงผู้นี้ขอลาทุกท่านไปก่อน ”
ร่างของเขาลอยขึ้นในอากาศขณะที่เขาเอ่ยจบ จากนั้น เสียงอันจริงจังของเขาก้องขึ้นกลาอากาศ
” จวินวูอี้ ! เราจักร่ำสุราและได้คุยกัน หากวันนี้เจ้ารอดตาย ! ข้า เฟิงจวนจุ้น ได้เห็นโศกนาฏกรรม และความสิ้นหวังของเจ้า ข้าประสงค์ให้เกิดสิ่งดีต่อสกุลจวินเมื่อเวลามาถึง แต่ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ! ”
เสียงสะท้อนของเขาไม่เบาลงเลยเมื่อร่างของเขาขยับ และ แสงสะท้อนกระบี่สาดส่องออกมาจากร่างของเขา ร่างของ เฟิงจวนจุ้น พุ่งออกไปราวกับแสงของดาวหางและหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เขาได้ทิ้งวาจาเยาะเย้ยไว้เบื้องหลัง
” นครพายุหิมะสีเงิน มณฑลฉือฮั่น ชื่อเสียงของพวกเจ้านั้นเป็นเลิศ แต่มันเพียงแค่นั้น ! ฮี่ฮี่ … ”
เสียงของเขาสะท้อนข้ามหุบผา
” แต่ มันเพียงแค่นั้น …แต่มันเพียงแค่นั้น…”
จวินวูอี้ มองขึ้นไปจากด้านหน้าของกระบวนทับ สีหน้าที่เยือกเย็นและสูงส่งของเขาเจือไปด้วยความอบอุ่นขณะที่ทองไปยัง แสงของกระบี่บนท้องฟ้า
“ขอบใจมาก ”
จวินวูอี้เอ่ยเบาๆ … ขณะที่เขาพูดกับตัวเอง หัวใจของเขาถูกถาโถมไปด้วยความอบอุ่น เขารู้ว่า ความยุติธรรมไม่มีอยู่ในโลกนี้ และ คนดีนั้นมีอยู่จริงในหมู่ชน
แต่เหตุการณณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ทำให้สีหน้าของ ลีจื้อเทียน ซีดเผือก
เขามองไปยังใบหน้าที่บวมเป่งของลูกชาย เลือดไหลออกมาจากปาก และจากนั้น เขามองไปยอง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และ ฉีฉางเซี่ยว พวกเขาก็มีสีหน้าที่ไม่พึงพอใจนัก จากนั้นเขาถามด้วยความไม่พอใจ
” ข้าขอถามยอดปรมาจารย์ทั้งสองว่าพวกเจ้าเชื่อหรือไม่ว่า พฤติกรรมนี้ไม่เหมาะสม ? “
” เจ้าเชื่อจริงๆหรือ ว่าอุบายครั้งนี้เป็นไปตามประสงค์ของสวรรค์ และสมเหตุผล ? เจ้าเชื่อหรือไม่ว่ามันเป็นความยุติธรรม ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กรอกตา เขาเอ่ยต่อด้วยโทสะ
” ลีจื้อเทียน เจ้าไม่อาจกลับผิดเป็นถูกในขณะที่เป็นยอดปรจารย์หรอกหรือ ? “
” ผู้ใดในโลกที่กล้าบอกว่า อาวุโสผู้นี้ไม่รู้เรื่องความผิดถูก ? “
ประกายแสงส่องขึ้น ขณะที่เขามอง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อย่าลืมว่าอาวุโสผู้นี้มีลูกชายเพียงคนเดียว ! ข้าจักเป็นศัตรูกับทั้งโลกหากเขาต้องการ ! ”
” ฮ่า ฮ่า ! วิญญาณที่กล้าหาญของเจ้าอยู่ที่ใดเมื่อได้เผชิญหน้ากับ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เมื่อไม่กี่วันก่อน ? ข้าได้ยินมาว่า ลูกชายของเจ้าเป็นเหตุแห่งความโกลาหนนี้ เจ้ากล้าปฏิเสธมันหรือ ? โอ้ และเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้ามิใช่หรือ ? มันทำให้เจ้าเจ็บปวดหัวใจหรือไม่ ในตอนที่อาวุโสผู้นี้ตบลูกชายเจ้า และส่งเขาให้กลิ้งไปกับพื้น ? ข้าเป็นคนทำจริงๆ แต่ ความจริงแล้ว ฝ่ามือของข้าได้ช่วยชีวิตของเขาไว้ มิเช่นนั้น สกุลลี่จะไม่เหลือสายเลือดสืบทอดอีกเลย ! เช่นนั้น เหตุใดเจ้ายังไม่รีบขอบคุณอาวุโสผู้นี้อีกละ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ประทะอารมณ์กลับไป เขายืดคอ และ หรี่ตาขณะที่เขาเยาะเย้ย โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขามิได้รั้งรอแม้นกำลังเผชิญหน้ากับ ลีจื้อเทียน
เขาไม่ถอย … แม้นจะรู้ว่าไม่อาจเทียบกับ ลีจื้อเทียนได้ จากนั้น เขาชี้ไปยังจวินวูอี้ และ หันหน้ามาเอ่ย
” ลีจื้อเทียน ลูกของเจ้าคือลูกของเจ้า แต่ ลูกคนอื่นเป็นเพียงก้อนดินหรืออย่างไร ? ชีวิตคนสี่พันที่เจ้าโยนทิ้งก็เป็นพ่อของลูกและเป็นลูกที่มีแม่ พกเขาจักกลายเป็นกระดูกหลังจากที่ตายเช่นเดียวกับลูกของเจ้า ! เนื้อของเขาจะเหม็นเช่นเดียวกับผู้อื่นตอนตาย ! เช่นนั้น เหตุใดต้องตายใจลูกชายของเจ้าเช่นนี้ ? “
สีหน้าของ ปรมาจารย์เลือดเย็น เล้ยวูเบ้ยเยือกเย็นขณะเอ่ยขึ้น
” เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ เจ้าโต้เถียงในเรื่องเล็กน้อยแค่นี้แล้วหรือ ? เรื่องตลกนี้ไม่น่าขำขันอีกต่อไป ! เราอาจต้องตาย แต่เราต้องไม่ตายที่นี่ แล้ว เจ้ายังคิดว่าพวกเราจักรอดไหมหากเราขัดแย้งกันเช่นนี้ ? อาวุโสผู้นี้เคยมีศิษสิบเอ็ด ข้าฝึกฝนพวกเขาอย่างลับๆ แต่ พวกเขาแปดคนต้องตายอย่างลึกลับ และข้ายังไม่อาจจัดการกับ ฆาตรกรผู้นั้นได้ ข้าควรไปแก้แค้นด้วยมิใช่หรือหากข้าทำตามสิ่งที่เจ้ายึดถือ ? “
ฉีฉางเซี่ยวควบคุมโทสะของเขา และพยายามสงบสติ ลีจื้อเทียนมิได้รับรู้ แต่ ฉีฉางเซี่ยว นั้นเป็นที่เคารพนับถือ และมีความรับผิดชอบต่อคนในดินแดนของเขา แต่ เขาก็มายังขอบแดนฝั่งนี้เพื่อความเป็นอยู่ของสามัญชน ฉีฉางเซี่ยว ไม่เคยถือว่าตัวเองเป็นคนดี แต่แน่นอนว่าเขาอยู่ในกลุ่มของคนที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ฉีฉางเซี่ยวรีบมุ่งหน้ามาเพื่อช่วย มณฑลฉือฮั่น วาจาของ ลีจื้อเทียนนั้นไร้เหตุผลอย่างมาก แต่เขารู้ว่า นี่มิใช่เวลาที่มาต่อสู้กัน
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ก็รำคาญเช่นกัน
แม่เจ้าเอ๋ย ! ข้าลงมือเพราะเห็นแก่ เฟิงจวนจุ้น แต่อย่างไร ข้าก็ช่วยชีวิตลูกชายเจ้าไว้ เจ้าควรสำนึกบุญคุณข้า เจ้าควรจารึกคำขอบคุณบนแผ่นหินด้วยซ้ำ แต่เจ้ามีแต่ความคิดชั่วร้ายในหัว ! ความยุติธรรมในเรื่องนี้อยู่ที่ใดกัน ?
เจ้าคิดว่าจักกลั่นแกล้งข้าได้เพราะข้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดอย่างนั้นหรือ ? เจ้าคิดว่าข้าอ่อนแอจนเจ้าสามารถ ลากข้าไปทั่วได้อย่างนั้นหรือ ? ข้ายอมรับว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ข้านั้นรวดเร็ว เจ้าคิดว่าเจ้าจักจับข้าได้หรือ หากเจ้าคิดจะสังหารข้า ?
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในระดับ เทพเชวียน เช่น เซี่ยวปู้หยู ก็ยังเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ในที่สุด ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่ก็คำรามทางจมูกอย่างรุนแรง และหันกลับไป
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว หงุดหงิดอย่างมาก เขารู้ว่า ลี่เติ้งหยวน คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายนี้ แต่ เขายังไม่เข้าใจว่าทำไม จวินโม่เซี่ย จึงหยุดไม่ให้เขาเข้าไปต่อสู้เคียงข้าง จวินวูอี้ เขาไม่รู้ว่า จวินโม่เซี่ย มีความมั่นใจในเรื่องนี้ได้อย่างไรในขณะที่แม้แต่ยอดปรมาจารย์ยังหวั่นใจ ดังนั้น ยอดปรมาจารย์จึงอดที่จะมองไปรอบๆเป็นบางคราเพื่อมองหาวี่แววของจวินโม่เซี่ย …
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไม่ได้ตั้งใจจะมีส่วนในเรื่องนี้ เขาได้รับการเตือนจากจวินโม่เซี่ยแล้ว
เป็นเพียงว่า คุณชายน้อยจวิน เหาะไปที่ใหนสักแห่ง แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาไปที่ใด …
จากนั้น กลุ่มหมอกดำพุ่งขึ้นจากส่วนลึกของ ป่าเถียนฟา ขณะที่อสูรเชวียนบินได้มากมาย พุ่งตรงมาข้าหน้า จากนั้น เสียงคำราม ดังขึ้นจากพื้นดิน ขณะที่เหล่าอสูรเชวียนบนพื้น พุ่งขึ้นมา ไม่มีผู้ใดที่ได้ยินเสียงดังกึกก้องนี้ จักบอกถึงจำนวนของ อสูรเชวียนในกองกำลังนี้ได้เลย อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงนี้ก็เพียงพอจะทำให้ทั่วทั้งเทียนเชียงหวาดกลัว
เกิดความผันผวนบางอย่างขึ้นในอากาศขณะที่มีสิ่งของแตกหักด้วยความเร็วเหนือเสีย เพื่อทักทายพวกเขา มันคือการเหาะราวกับดาวหางด้วยการช่วยเหลือของ เคล็ดอิสระหยินหยาง ..
จากนั้น เสียงแหบๆดังขึ้นในอากาศ
” เจ้าพร้อมแล้วยัง ลีจื้อเทียน ? “
จุดดำเล็กๆปรากฏขึ้นในอากาศพร้อมกับเสียงสะท้อนนั้น มันใหญ่ขึ้นขณะที่ บุรุษลึกลับ สวมชุดคลุมสีดำ เหาะมาด้วยความเร็วราวแสง และหยุดหตรงหน้าพวกเขาสามสิบเมตร ความจริง ร่างนี้หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
การหยุดลงในจุดนั้นได้หลังจากเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเช่นนั้น จักทำให้ทุกคนต้องกระทืบโต๊ะและชมเชย แต่ คนผู้นี้ก็ทำเช่นนั้นได้กลางอากาศ และนั้นเป็นการลดความเร็วลงเพียงครั้งเดียว ระดับเชวียนที่ต้องใช้ในการทำสิ่งนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง
” เหม่ยผู้น่าเกรงขาม ! ”
ลีจื้อเทียนประสานมือ และทักทายพร้อมทั้งสามปรมาจารย์
” ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีหลังจากที่เราพบกันครั้งก่อน ! “
การเคารพต่อยอดฝีมือที่เป็นเลิศที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่สมเหตุผล
แต่ ลีจื้อเทียน ไม่คาดว่า วาจาของเขา ได้กระตุ้นปฏิกริยาที่รุนแรงจากฝ่ายตรงข้าม…. ปฏิกริยาที่จะระเบิดออกมาได้ราวภูเชาไฟ !
” ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีจากการที่เราได้พบกันครั้ง “
ปกติแล้ววาจานี้มิได้หยาบคาย เช่นนั้น วาจาของ ลีจื้อเทียน จึงมิได้เป็นปัญหาใดหากมองอย่างผิวเผิน แต่ มันมีความหายที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม
” เจ้าดูเหมือนเพิ่งหายป่วย ! ”
เหม่ยผู้น่าเกรงขาม มีระดับปราณที่สูงส่ง ทว่าร่างของเขาสั่นสะท้าน และร่วงลงกลางอากาศเมื่อได้ยินวาจานั้น
” ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีจากการที่เราได้พบกันครั้งก่อน ”
บุรุษลึกลับเร่งรีบประคองร่าง และกลับมาลอยกลางอากาสได้ไม่นานหลังจากนั้น แต่ มันก็ยังคงต่ำลงไปอย่างน้อยสามเมตร
บุรุษลึกลับขบฟันและเอ่ย
” นั้นคือทั้งหมดที่เจ้าพูดได้อย่างนั้นหรือ ลีจื้อเทียน ? ผ่านไปสามวันตั้งแต่เราคุยกันล่าสุด และ สิ่งที่เจ้าเอ่ยคือ ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีหลังจากที่เราได้พบกันครั้งก่อน ? ข้าคิดว่าหัวโตๆของเจ้านั้นไร้สมอง หรือ มันเน่าเปื่อยไปเสียแล้ว บางทีมันอาจเป็นเต้าหู้ ! เจ้าไม่ฝึกฝนสองมของเจ้าเลยหรือ ? น่าละอายยิ่งนัก ! เจ้ามนน่าอับอายเจ้าเหลือขอ ! ทำไมเจ้าไม่ลงนรกไปเสีย … ?! “
ยอดฝีมือไร้เทียมทานผู้นี้ตอบกลับคำทักทายของพวกเขาโดยการโยนความผิดให้โดยไม่สนใจใยดี ไม่มีผู้ใดเข้าใจการกระทำของเขา
ลีจื้อเทียนบ้าคลั่งเนื่องจากโทสะที่รุนแรง
.แม่เจ้า ! ข้ามิได้ถามว่า ข้าเชื่อวาเจ้าจะสบายดีหลังจากที่เราได้พบกันครั้งก่อน ? เหตุใดข้าต้องมีความผิดด้วย ? นี่มันช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก ! คนผู้นี้ทำตัวราวกับมีคนมาตีก้นของเขา ! ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นยอดปรมาจารย์อันดับสอง ! แต่ นี่กลับไม่มีเกียรติให้แก่ข้า และละเลยจักแสแสร้งทำดีเลย แม้แต่น้อย ! หมอนี่มีพฤติกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ? น่านับถือ … ? นับถือแม่เจ้าสิ !
ลีจื้อเทียนจักทนต่อการดูหมิ่นชื่อเสียงอย่างโจ่งแจ้งของเขาได้อย่างไร ? เช่นนั้น เขาจึงถามออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น
” เหม่ยผู้น่าเกรงขาม … ดูเหมือนจะมีโทสะยิ่งวันนี้ … ท่านไม่คิดว่า .. ท่านจะหยาบคายเกินไปหรือ ? “
” ลีจื้อเทียน เจ้าเหลือขอน่าอับอาย ! เจ้าคิดว่าเจ้าพูดกบพี่ของเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ ? เจ้าไม่รู้ถึงความต่างระหว่างพี่กับน้องหรือ ?! “
น้ำเสียงของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม ขมชัดขึ้น … ราวกับแมวที่โดนเหยียบหาง
คนผู้นี้มิได้ไร้ความอดกลั้น แต่ ลีจื้อเทียนเพียงแค่ได้พบวันที่แย่ ผู้ไร้เทียมทานผู้นี้เข้าใจความหมายในวาจาของ ลีจื้อเทียน ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจาก ความสำนึกผิดที่บุคคลนี้ได้รับ จากการเผชิญหน้าครั้งล่าสุด
เหม่ยผู้น่าเกรงขามได้เชื่อมโยงวาจาเหล่านี้กับความอัปยศอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้รับตั้งแต่เกิด …
สถานการณ์นี้เหมือน…กับกวีที่ว่า
” คนสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่แม้แต่น้ำจากแม่น้ำในโลกก็ไม่เพียงพอที่จะลบล้างความอับอายในหัวใจไปได้ ”
หัวใจของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เกือบระเบิดออกเมื่อคิดถึงความอับอายที่ได้รับเมื่อวันก่อน เลือดของพวกเขาพุ่งราวกระแสนน้ำขึ้นสู่สมอง และ พวกมันก็ถูกปล่อยให้เดือดดาลด้วยโทสะ
ความชั่วร้าย น่าสะอิดสะเอียน และ สิ่งเลวร้ายที่บุรุษไร้ยางอายได้ทำกับข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า … เพียงเพราะข้าพูดไม่ได้ ! ลีจื้อเทียนผู้นี้ต้องรู้เรื่องนี้มิใช่หรือ ? มิเช่นนั้น เหตุใดเขาจึงทำตัวต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้นมันจะผ่านไปเพียงสามวันหลังจากที่เราเจอกันครั้งล่าสุด ? เขาจะต้องตั้งใจแหย่ข้า !
ชัดเจนว่านี้เป็นปัญหาทางจิตใจของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม ลีจื้อเทียน จักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในป่านในวันนั้นได้อย่างไร ? ความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่ม !
แต่ ชัดเจนว่า เหม่ยผู้น่าเกรงขาม มิได้รู้เรื่องนี้ ดังนั้น เหม่ยผู้น่าเกรงขามจึงเริ่มมีโทสะมากขึ้นขณะที่ได้เห็นสีหน้าของ ลีจื้อเทียน ยิ่งทำให้มันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความจริง เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เริ่มขบฟันแน่น
เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถแหย่ข้าได้อย่างนั้นหรือ ?
ลีจื้อเทียนผู้นี้ต้องเคยเป็นกลากเกลื้อนมาก่อน !
สิ่งที่ ลีจื้อเทียน ต้องกังวล … คือเขาถูกกล่างหาอย่างไรเหตุผลต่อหน้ากองกำลังทั้งหมดตลอดวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนนี้ เขาถูกกล่าวหาโดยไร้มูลความจริง และ ถูกขังโดยไร้เหตุผลเช่นเดียวกับอาชญากรทั่วไป มันอาจบอกได้ว่าหิมะจะเริ่มตกในเดือนมิถุนายน หาก ลีจื้อเทียน ต้องตายด้วยน้ำมือของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เพราะเรื่องนี้ … หิมะอาจะเป็นน้ำตาแห่งสวรรค์ที่เห็นอกเห็นใจบุรุษผู้นี้ !
มันเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างมาก !