ตอนที่ 352 กล่าวหาลีจื้อเทียนไม่ถูกต้อง

Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ

เฟิงจวนจุ้นมองไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอย่างเยือกเป็น  จากนั้นเขาหันไปยัง ลี่เติ้งหยวน และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเมื่อเด็กหนุ่ม ร่วงลงมาถึงพื้น

” เจ้าต้องเรียนรู้ว่าผูhใดที่เจ้าก่อกวนได้ ลี่เติ้งหยวน เจ้าโชคดี  ข้าสังหารผู้ใดก็ตามที่ก่อกวนข้า .. แม้นว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กับองค์จักรพรรดิ !  ข้าไม่สังหารเจ้าเพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของพ่อเจ้า  และมากกว่านั้น … เพราะข้าไม่อาจละเลยความสัมพันธ์ของข้ากับ ยอดปรมาจารย์อันดับสอง …!”

 

” เฟิงจวนจุ้น เจ้าทรงพลังอย่างแท้จริง ! ”

ในที่สุด ลีจื้อเทียน หันมาและเอ่ยขึ้น  เขามิได้ซ่อนจิตสังหารในสายตาขณะที่มองไปยัง เฟิงจวนจุ้นด้วยสายตาอันเยือกเย็น  ฉีฉางเซี่ยว และ เล้ยวูเบ้ย ขึ้นหน้ามาเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์

เจ้ายังจะต่อสู้กันเองในขณะที่เรากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้อีกหรือ ?

 

เฟิงจวนจุ้น มิได้ถอยหลังแต่น้อย  เขาจ้องมองกลับไป และ กดวาจาของตัวเอง  จากนั้น รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นขณะที่เขาเอ่ยไปพยักหน้าไป

” ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าไม่ควรมา ”

จากนั้น เขาหันกลับไปและเอ่ยต่อ

” เฟิงผู้นี้ขอลาทุกท่านไปก่อน ”

 

ร่างของเขาลอยขึ้นในอากาศขณะที่เขาเอ่ยจบ  จากนั้น เสียงอันจริงจังของเขาก้องขึ้นกลาอากาศ

” จวินวูอี้ !  เราจักร่ำสุราและได้คุยกัน หากวันนี้เจ้ารอดตาย !  ข้า เฟิงจวนจุ้น ได้เห็นโศกนาฏกรรม และความสิ้นหวังของเจ้า  ข้าประสงค์ให้เกิดสิ่งดีต่อสกุลจวินเมื่อเวลามาถึง แต่ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ! ”

 

เสียงสะท้อนของเขาไม่เบาลงเลยเมื่อร่างของเขาขยับ และ แสงสะท้อนกระบี่สาดส่องออกมาจากร่างของเขา ร่างของ เฟิงจวนจุ้น พุ่งออกไปราวกับแสงของดาวหางและหายไปอย่างไร้ร่องรอย  แต่เขาได้ทิ้งวาจาเยาะเย้ยไว้เบื้องหลัง

” นครพายุหิมะสีเงิน มณฑลฉือฮั่น ชื่อเสียงของพวกเจ้านั้นเป็นเลิศ แต่มันเพียงแค่นั้น !  ฮี่ฮี่ … ”

 

เสียงของเขาสะท้อนข้ามหุบผา

” แต่ มันเพียงแค่นั้น …​แต่มันเพียงแค่นั้น…”

 

จวินวูอี้ มองขึ้นไปจากด้านหน้าของกระบวนทับ  สีหน้าที่เยือกเย็นและสูงส่งของเขาเจือไปด้วยความอบอุ่นขณะที่ทองไปยัง แสงของกระบี่บนท้องฟ้า

 

“ขอบใจมาก ”

จวินวูอี้เอ่ยเบาๆ … ขณะที่เขาพูดกับตัวเอง  หัวใจของเขาถูกถาโถมไปด้วยความอบอุ่น  เขารู้ว่า ความยุติธรรมไม่มีอยู่ในโลกนี้  และ คนดีนั้นมีอยู่จริงในหมู่ชน

 

แต่เหตุการณณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ทำให้สีหน้าของ ลีจื้อเทียน ซีดเผือก

 

เขามองไปยังใบหน้าที่บวมเป่งของลูกชาย เลือดไหลออกมาจากปาก  และจากนั้น เขามองไปยอง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และ ฉีฉางเซี่ยว  พวกเขาก็มีสีหน้าที่ไม่พึงพอใจนัก  จากนั้นเขาถามด้วยความไม่พอใจ

” ข้าขอถามยอดปรมาจารย์ทั้งสองว่าพวกเจ้าเชื่อหรือไม่ว่า พฤติกรรมนี้ไม่เหมาะสม ? “

 

” เจ้าเชื่อจริงๆหรือ ว่าอุบายครั้งนี้เป็นไปตามประสงค์ของสวรรค์ และสมเหตุผล ?  เจ้าเชื่อหรือไม่ว่ามันเป็นความยุติธรรม ? “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กรอกตา  เขาเอ่ยต่อด้วยโทสะ

” ลีจื้อเทียน เจ้าไม่อาจกลับผิดเป็นถูกในขณะที่เป็นยอดปรจารย์หรอกหรือ ? “

 

” ผู้ใดในโลกที่กล้าบอกว่า อาวุโสผู้นี้ไม่รู้เรื่องความผิดถูก ? “

ประกายแสงส่องขึ้น ขณะที่เขามอง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว

” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อย่าลืมว่าอาวุโสผู้นี้มีลูกชายเพียงคนเดียว !  ข้าจักเป็นศัตรูกับทั้งโลกหากเขาต้องการ ! ”

 

” ฮ่า ฮ่า !  วิญญาณที่กล้าหาญของเจ้าอยู่ที่ใดเมื่อได้เผชิญหน้ากับ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เมื่อไม่กี่วันก่อน ?  ข้าได้ยินมาว่า ลูกชายของเจ้าเป็นเหตุแห่งความโกลาหนนี้  เจ้ากล้าปฏิเสธมันหรือ ?  โอ้ และเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้ามิใช่หรือ ?  มันทำให้เจ้าเจ็บปวดหัวใจหรือไม่ ในตอนที่อาวุโสผู้นี้ตบลูกชายเจ้า และส่งเขาให้กลิ้งไปกับพื้น ?  ข้าเป็นคนทำจริงๆ  แต่ ความจริงแล้ว ฝ่ามือของข้าได้ช่วยชีวิตของเขาไว้  มิเช่นนั้น สกุลลี่จะไม่เหลือสายเลือดสืบทอดอีกเลย !  เช่นนั้น เหตุใดเจ้ายังไม่รีบขอบคุณอาวุโสผู้นี้อีกละ ? “

 

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ประทะอารมณ์กลับไป  เขายืดคอ และ หรี่ตาขณะที่เขาเยาะเย้ย โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด  เขามิได้รั้งรอแม้นกำลังเผชิญหน้ากับ ลีจื้อเทียน

 

เขาไม่ถอย … แม้นจะรู้ว่าไม่อาจเทียบกับ ลีจื้อเทียนได้  จากนั้น เขาชี้ไปยังจวินวูอี้ และ หันหน้ามาเอ่ย

” ลีจื้อเทียน ลูกของเจ้าคือลูกของเจ้า  แต่ ลูกคนอื่นเป็นเพียงก้อนดินหรืออย่างไร ?  ชีวิตคนสี่พันที่เจ้าโยนทิ้งก็เป็นพ่อของลูกและเป็นลูกที่มีแม่  พกเขาจักกลายเป็นกระดูกหลังจากที่ตายเช่นเดียวกับลูกของเจ้า !  เนื้อของเขาจะเหม็นเช่นเดียวกับผู้อื่นตอนตาย !  เช่นนั้น เหตุใดต้องตายใจลูกชายของเจ้าเช่นนี้ ? “

 

สีหน้าของ ปรมาจารย์เลือดเย็น เล้ยวูเบ้ยเยือกเย็นขณะเอ่ยขึ้น

” เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ เจ้าโต้เถียงในเรื่องเล็กน้อยแค่นี้แล้วหรือ ?  เรื่องตลกนี้ไม่น่าขำขันอีกต่อไป !  เราอาจต้องตาย แต่เราต้องไม่ตายที่นี่  แล้ว เจ้ายังคิดว่าพวกเราจักรอดไหมหากเราขัดแย้งกันเช่นนี้ ?  อาวุโสผู้นี้เคยมีศิษสิบเอ็ด ข้าฝึกฝนพวกเขาอย่างลับๆ  แต่ พวกเขาแปดคนต้องตายอย่างลึกลับ และข้ายังไม่อาจจัดการกับ ฆาตรกรผู้นั้นได้  ข้าควรไปแก้แค้นด้วยมิใช่หรือหากข้าทำตามสิ่งที่เจ้ายึดถือ ? “

 

ฉีฉางเซี่ยวควบคุมโทสะของเขา และพยายามสงบสติ  ลีจื้อเทียนมิได้รับรู้ แต่ ฉีฉางเซี่ยว นั้นเป็นที่เคารพนับถือ และมีความรับผิดชอบต่อคนในดินแดนของเขา  แต่  เขาก็มายังขอบแดนฝั่งนี้เพื่อความเป็นอยู่ของสามัญชน  ฉีฉางเซี่ยว ไม่เคยถือว่าตัวเองเป็นคนดี แต่แน่นอนว่าเขาอยู่ในกลุ่มของคนที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ฉีฉางเซี่ยวรีบมุ่งหน้ามาเพื่อช่วย มณฑลฉือฮั่น วาจาของ ลีจื้อเทียนนั้นไร้เหตุผลอย่างมาก แต่เขารู้ว่า นี่มิใช่เวลาที่มาต่อสู้กัน

 

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ก็รำคาญเช่นกัน

แม่เจ้าเอ๋ย !  ข้าลงมือเพราะเห็นแก่ เฟิงจวนจุ้น แต่อย่างไร ข้าก็ช่วยชีวิตลูกชายเจ้าไว้  เจ้าควรสำนึกบุญคุณข้า เจ้าควรจารึกคำขอบคุณบนแผ่นหินด้วยซ้ำ  แต่เจ้ามีแต่ความคิดชั่วร้ายในหัว !  ความยุติธรรมในเรื่องนี้อยู่ที่ใดกัน ?

 

เจ้าคิดว่าจักกลั่นแกล้งข้าได้เพราะข้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดอย่างนั้นหรือ ?  เจ้าคิดว่าข้าอ่อนแอจนเจ้าสามารถ ลากข้าไปทั่วได้อย่างนั้นหรือ ?  ข้ายอมรับว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งกว่าข้า  แต่ข้านั้นรวดเร็ว  เจ้าคิดว่าเจ้าจักจับข้าได้หรือ หากเจ้าคิดจะสังหารข้า ?

 

ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในระดับ เทพเชวียน เช่น เซี่ยวปู้หยู ก็ยังเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์  ในที่สุด ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่ก็คำรามทางจมูกอย่างรุนแรง และหันกลับไป

 

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว หงุดหงิดอย่างมาก  เขารู้ว่า ลี่เติ้งหยวน คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายนี้  แต่ เขายังไม่เข้าใจว่าทำไม จวินโม่เซี่ย จึงหยุดไม่ให้เขาเข้าไปต่อสู้เคียงข้าง จวินวูอี้ เขาไม่รู้ว่า จวินโม่เซี่ย มีความมั่นใจในเรื่องนี้ได้อย่างไรในขณะที่แม้แต่ยอดปรมาจารย์ยังหวั่นใจ  ดังนั้น ยอดปรมาจารย์จึงอดที่จะมองไปรอบๆเป็นบางคราเพื่อมองหาวี่แววของจวินโม่เซี่ย …

 

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไม่ได้ตั้งใจจะมีส่วนในเรื่องนี้ เขาได้รับการเตือนจากจวินโม่เซี่ยแล้ว

 

เป็นเพียงว่า คุณชายน้อยจวิน เหาะไปที่ใหนสักแห่ง แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาไปที่ใด …

 

จากนั้น กลุ่มหมอกดำพุ่งขึ้นจากส่วนลึกของ ป่าเถียนฟา ขณะที่อสูรเชวียนบินได้มากมาย พุ่งตรงมาข้าหน้า  จากนั้น เสียงคำราม ดังขึ้นจากพื้นดิน ขณะที่เหล่าอสูรเชวียนบนพื้น พุ่งขึ้นมา  ไม่มีผู้ใดที่ได้ยินเสียงดังกึกก้องนี้ จักบอกถึงจำนวนของ อสูรเชวียนในกองกำลังนี้ได้เลย  อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงนี้ก็เพียงพอจะทำให้ทั่วทั้งเทียนเชียงหวาดกลัว

 

เกิดความผันผวนบางอย่างขึ้นในอากาศขณะที่มีสิ่งของแตกหักด้วยความเร็วเหนือเสีย เพื่อทักทายพวกเขา  มันคือการเหาะราวกับดาวหางด้วยการช่วยเหลือของ เคล็ดอิสระหยินหยาง ..

 

จากนั้น เสียงแหบๆดังขึ้นในอากาศ

” เจ้าพร้อมแล้วยัง ลีจื้อเทียน ? “

 

จุดดำเล็กๆปรากฏขึ้นในอากาศพร้อมกับเสียงสะท้อนนั้น  มันใหญ่ขึ้นขณะที่ บุรุษลึกลับ สวมชุดคลุมสีดำ เหาะมาด้วยความเร็วราวแสง และหยุดหตรงหน้าพวกเขาสามสิบเมตร  ความจริง ร่างนี้หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ

 

การหยุดลงในจุดนั้นได้หลังจากเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเช่นนั้น จักทำให้ทุกคนต้องกระทืบโต๊ะและชมเชย  แต่ คนผู้นี้ก็ทำเช่นนั้นได้กลางอากาศ และนั้นเป็นการลดความเร็วลงเพียงครั้งเดียว  ระดับเชวียนที่ต้องใช้ในการทำสิ่งนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง

 

” เหม่ยผู้น่าเกรงขาม ! ”

ลีจื้อเทียนประสานมือ และทักทายพร้อมทั้งสามปรมาจารย์

” ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีหลังจากที่เราพบกันครั้งก่อน ! “

 

การเคารพต่อยอดฝีมือที่เป็นเลิศที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่สมเหตุผล

 

แต่ ลีจื้อเทียน ไม่คาดว่า วาจาของเขา ได้กระตุ้นปฏิกริยาที่รุนแรงจากฝ่ายตรงข้าม…. ปฏิกริยาที่จะระเบิดออกมาได้ราวภูเชาไฟ !

 

” ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีจากการที่เราได้พบกันครั้ง “

ปกติแล้ววาจานี้มิได้หยาบคาย เช่นนั้น วาจาของ ลีจื้อเทียน จึงมิได้เป็นปัญหาใดหากมองอย่างผิวเผิน แต่ มันมีความหายที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม

” เจ้าดูเหมือนเพิ่งหายป่วย ! ”

 

เหม่ยผู้น่าเกรงขาม มีระดับปราณที่สูงส่ง  ทว่าร่างของเขาสั่นสะท้าน และร่วงลงกลางอากาศเมื่อได้ยินวาจานั้น

” ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีจากการที่เราได้พบกันครั้งก่อน ”

บุรุษลึกลับเร่งรีบประคองร่าง และกลับมาลอยกลางอากาสได้ไม่นานหลังจากนั้น  แต่ มันก็ยังคงต่ำลงไปอย่างน้อยสามเมตร

 

บุรุษลึกลับขบฟันและเอ่ย

” นั้นคือทั้งหมดที่เจ้าพูดได้อย่างนั้นหรือ ลีจื้อเทียน ?  ผ่านไปสามวันตั้งแต่เราคุยกันล่าสุด และ สิ่งที่เจ้าเอ่ยคือ ข้าเชื่อว่าท่านสบายดีหลังจากที่เราได้พบกันครั้งก่อน ? ข้าคิดว่าหัวโตๆของเจ้านั้นไร้สมอง  หรือ มันเน่าเปื่อยไปเสียแล้ว  บางทีมันอาจเป็นเต้าหู้ !  เจ้าไม่ฝึกฝนสองมของเจ้าเลยหรือ ?  น่าละอายยิ่งนัก !  เจ้ามนน่าอับอายเจ้าเหลือขอ !  ทำไมเจ้าไม่ลงนรกไปเสีย … ?! “

 

ยอดฝีมือไร้เทียมทานผู้นี้ตอบกลับคำทักทายของพวกเขาโดยการโยนความผิดให้โดยไม่สนใจใยดี  ไม่มีผู้ใดเข้าใจการกระทำของเขา

 

ลีจื้อเทียนบ้าคลั่งเนื่องจากโทสะที่รุนแรง

 

.แม่เจ้า !  ข้ามิได้ถามว่า ข้าเชื่อวาเจ้าจะสบายดีหลังจากที่เราได้พบกันครั้งก่อน ? เหตุใดข้าต้องมีความผิดด้วย ?  นี่มันช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก !  คนผู้นี้ทำตัวราวกับมีคนมาตีก้นของเขา !  ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นยอดปรมาจารย์อันดับสอง !  แต่ นี่กลับไม่มีเกียรติให้แก่ข้า และละเลยจักแสแสร้งทำดีเลย แม้แต่น้อย !  หมอนี่มีพฤติกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ?  น่านับถือ … ?  นับถือแม่เจ้าสิ !

 

ลีจื้อเทียนจักทนต่อการดูหมิ่นชื่อเสียงอย่างโจ่งแจ้งของเขาได้อย่างไร ?  เช่นนั้น เขาจึงถามออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น

” เหม่ยผู้น่าเกรงขาม … ดูเหมือนจะมีโทสะยิ่งวันนี้ … ท่านไม่คิดว่า .. ท่านจะหยาบคายเกินไปหรือ ? “

 

” ลีจื้อเทียน เจ้าเหลือขอน่าอับอาย !  เจ้าคิดว่าเจ้าพูดกบพี่ของเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ ?  เจ้าไม่รู้ถึงความต่างระหว่างพี่กับน้องหรือ ?! “

น้ำเสียงของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม ขมชัดขึ้น … ราวกับแมวที่โดนเหยียบหาง

 

คนผู้นี้มิได้ไร้ความอดกลั้น แต่ ลีจื้อเทียนเพียงแค่ได้พบวันที่แย่  ผู้ไร้เทียมทานผู้นี้เข้าใจความหมายในวาจาของ ลีจื้อเทียน ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจาก ความสำนึกผิดที่บุคคลนี้ได้รับ จากการเผชิญหน้าครั้งล่าสุด

 

เหม่ยผู้น่าเกรงขามได้เชื่อมโยงวาจาเหล่านี้กับความอัปยศอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้รับตั้งแต่เกิด …

 

สถานการณ์นี้เหมือน…กับกวีที่ว่า

” คนสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่แม้แต่น้ำจากแม่น้ำในโลกก็ไม่เพียงพอที่จะลบล้างความอับอายในหัวใจไปได้ ”

 

หัวใจของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เกือบระเบิดออกเมื่อคิดถึงความอับอายที่ได้รับเมื่อวันก่อน  เลือดของพวกเขาพุ่งราวกระแสนน้ำขึ้นสู่สมอง  และ พวกมันก็ถูกปล่อยให้เดือดดาลด้วยโทสะ

 

ความชั่วร้าย น่าสะอิดสะเอียน และ สิ่งเลวร้ายที่บุรุษไร้ยางอายได้ทำกับข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า … เพียงเพราะข้าพูดไม่ได้ !  ลีจื้อเทียนผู้นี้ต้องรู้เรื่องนี้มิใช่หรือ ?  มิเช่นนั้น เหตุใดเขาจึงทำตัวต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้นมันจะผ่านไปเพียงสามวันหลังจากที่เราเจอกันครั้งล่าสุด ?  เขาจะต้องตั้งใจแหย่ข้า !

 

ชัดเจนว่านี้เป็นปัญหาทางจิตใจของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม  ลีจื้อเทียน จักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในป่านในวันนั้นได้อย่างไร ?  ความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่ม !

 

แต่ ชัดเจนว่า เหม่ยผู้น่าเกรงขาม มิได้รู้เรื่องนี้ ดังนั้น เหม่ยผู้น่าเกรงขามจึงเริ่มมีโทสะมากขึ้นขณะที่ได้เห็นสีหน้าของ ลีจื้อเทียน ยิ่งทำให้มันเพิ่มขึ้นอย่างมาก  ความจริง เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เริ่มขบฟันแน่น

เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถแหย่ข้าได้อย่างนั้นหรือ ?

 

ลีจื้อเทียนผู้นี้ต้องเคยเป็นกลากเกลื้อนมาก่อน !

 

สิ่งที่ ลีจื้อเทียน ต้องกังวล … คือเขาถูกกล่างหาอย่างไรเหตุผลต่อหน้ากองกำลังทั้งหมดตลอดวัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนนี้ เขาถูกกล่าวหาโดยไร้มูลความจริง และ ถูกขังโดยไร้เหตุผลเช่นเดียวกับอาชญากรทั่วไป  มันอาจบอกได้ว่าหิมะจะเริ่มตกในเดือนมิถุนายน หาก ลีจื้อเทียน ต้องตายด้วยน้ำมือของ เหม่ยผู้น่าเกรงขาม เพราะเรื่องนี้ … หิมะอาจะเป็นน้ำตาแห่งสวรรค์ที่เห็นอกเห็นใจบุรุษผู้นี้ !

 

มันเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างมาก !