TQF:บทที่ 637 นักต่อราคาชั้นยอด (5)

 

“ธุรกิจในชิงยางส่วนใหญ่บริหารโดยอิทธิพลใหญ่ต่างๆใช่มั้ย”

 

“น้องสาวทายถูก”

 

ฟางซีเสียนอมยิ้มกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว พูดอย่างอ่อนโยน “อิทธิพลใหญ่ควบคุมแต่ละเขตไว้ เหมือนกับที่ตระกูลฟางของเราอยู่เขตนี้ เพราะฉะนั้นธุรกิจแถบนี้บริหารโดยตระกูลฟางของเรา”

 

“ที่นี่ไม่ได้บริหารโดยตระกูลมู่หรงเหรอ” หยูเฮงน้อยจำได้แม่นว่าท่านอาฟางชิวหมิ่นแต่งเข้าตระกูลมู่หรงไปแล้ว ร้านอาหารนี้ก็เป็นของตระกูลมู่หรง

 

ฟางซีเสียนยิ้ม อ่อนโยนและสุภาพพร้อมอธิบายให้หยูเฮงน้อยฟัง “หยูเฮงน้อย เจ้าไม่เข้าใจ ตอนนี้ร้านอาหารนี้เป็นของตระกูลมู่หรงจริงๆ แต่มันเป็นของขวัญแต่งงานของท่านอา เพราะฉะนั้นคนของตระกูลมู่หรงถึงได้บริหารในเขตนี้ด้วย เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆตามพื้นที่ต่างๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แน่นอนว่าคนที่บริหารหลักๆก็คือตระกูลฟางของเรานั่นแหละ”

 

“แล้วตึกจงหยวนที่เราไปเมื่อกี้ล่ะ” หยูเฮงน้อยกรอกตาแล้วถามต่อ

 

“ตึกจงหยวนเมื่อกี้อยู่ในเขตของพวกเราตระกูลฟาง และก็เป็นเขตของโถงวิหารสวรรค์ด้วย สำนักหลิวหวินก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน ถือเป็นจุดข้ามแดน ปกติแล้วอิทธิพลใหญ่ทั้ง 3 สลับกันบริหารทุกๆ 50 ปี ปีนี้เป็นคราวของโถงวิหารสวรรค์ ไม่คิดว่าพวกเขาจะปล่อยให้คนนอกเช่าและก่อตั้งตึกจงหยวนขึ้น”

 

คุณชายใหญ่ฟางซีเฉิงเป็นคนตอบ กับเรื่องพวกนี้แล้วพวกเขารู้มากกว่า

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ถูกดึงดูดความสนใจไปกับคำถามพวกนี้ ถามขึ้นอย่างไม่คิดอะไร “ท่าทางตึกจงหยวนเป็นที่นิยมของผู้คนนี่ พวกเขาสนิทกับโถงวิหารสวรรค์เหรอ”

 

“สนิทมาก ได้ข่าวว่าพวกเขาเป็นสมาพันธ์กัน แต่จะจริงมั้ยไม่มีใครรู้ แต่ได้ข่าวว่าตึกจงหยวนเป็นร้านของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเจริญเติบโตเร็วมาก แทบจะเทียบเท่ากลุ่มทหารรับจ้างอันดับ 1 อย่างเอ้าชัง ไม่รู้ว่าหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาเป็นใคร เก่งจริงๆ”

 

ฟางซีเฉิงมีท่าทางชื่นชม แววตานับถือ ราวกับเห็นท่านเทพที่เจ๋งสุดๆปรากฏตัว

 

หยูเฮงน้อยเม้มปากหัวเราะ แล้วยังตั้งใจเหลือบมองเฉิงเสี่ยวเสี่ยว เห็นว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่อยู่ข้างกายกระตุกมุมปากอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

 

“น้องสาวคงยังไม่รู้ กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ใช่แค่ประวัติความเป็นมาเท่านั้นที่ลึกลับ และสมาชิกทั้งหมดเป็นถึงระดับจักพรรดิ์อมตะ พลังต่อสู้แข็งแกร่งมาก ยังไม่เคยได้ยินเลยว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเขา ต่อให้เป็นการท้าดวลจากคนอื่น พวกเขาก็เอาชนะได้อย่างหมดจด”

 

“น้องสาว ข้าก็เคยได้ยินเรื่องราวของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน” ฟางถงยวี่เห็นพี่ชายทั้ง 2 คุยกันอย่างออกรสก็แทรกขึ้นบ้าง “ได้ข่าวว่าทุกคนในกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมาจากที่ที่เรียกว่าแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน ได้ข่าวว่าไม่มีหลักฐานว่าที่นี่มีอยู่จริง ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า”

 

ได้ฟังคำนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยหันมามองหน้ากันและก็เห็นความรู้สึกโชคดีในตาอีกฝ่าย รู้สึกโชคดีจริงๆที่พวกนางไม่เคยเปิดเผยถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนที่ตระกูลฟาง

 

ถ้าหากเคยกล่าวถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนโดยไม่ตั้งใจละก็ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาสงสัย

 

“ใครกันที่มาแย่งห้องส่วนตัวของข้าไป บอกคนข้างในให้ไสหัวออกมาซะ…” ขณะนั้นก็มีเสียงคำรามอย่างโอหังดังเข้ามา

 

เสียงที่ดังขึ้นข้างนอกนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าด่าห้องส่วนตัวของพวกเขา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วเรียว นางกับหยูเฮงน้อยไม่ได้เอ่ยถามอะไร พี่น้องตระกูลฟางกลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก สีหน้าทั้งพิลึกทั้งโกรธ รู้ได้เลยว่าพวกเขามีความแค้นกับคนข้างนอก

 

“ไอระยำ ถ้ายังไม่ออกมาข้าจะทุบประตูแล้วนะ”

 

 

—————————

TQF:บทที่ 638 ครอบครัวท่านอา (1)

 

 

 

ท่าทางอีกฝ่ายโอหังและไร้มารยาทมาก

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเม้มปากด้วยความไม่พอใจ พลางส่งสายตาให้หยูเฮงน้อยข้างๆ

 

พี่น้องตระกูลฟางกำลังจะพุ่งออกไปด้วยความโทสะ แต่เห็นหยูเฮงน้อยยื่นมือออกมาด้วยท่าทีเรียบๆ นิ้วทั้ง 5 กำเข้าหากันเป็นกรงเล็บ ทำท่าดึงประตูเบาๆ เกิดเสียงเพล้ง จากนั้นประตูเปิดออก

 

คุณชายวัยหนุ่มที่หน้าค้างไปแล้วปรากฏสู่สายตา เขาเบิกตาอ้าปากค้างนิดหน่อย มองคนในห้องอึ้งๆ

 

คนในห้องเกินความคาดหมายของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวงามที่น่าทึ่งทั้ง 2 ที่เขาไม่เคยเห็น ทำให้ร่างเขาตกใจจนชะงักไป มีแสงแวววาวในดวงตาของเขาเขาเก็บอาการที่เหมือนคนงี่เง่าทันทีและก้าวเข้าไปโดยไม่ยำเกรง

 

“แม่นางทั้ง 2 ไม่ทราบว่าชื่ออะไรจ๊ะ ข้าคือคุณชายสายตรงของตระกูลกงซุน ชื่อว่ากงซุนเห้าตั้ง แม่นางทั้ง 2 แนะนำข้าได้”

 

ในสายตาคุณชายกงซุนคนนี้มีแค่ 2 สาวงามเท่านั้น พี่น้องตระกูลฟางถูกเมินอย่างสมบูรณ์แบบ

 

ตระกูลกงซุน?

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ทันทีว่าเป็นตระกูลอันดับ 2 ใน 10 ตระกูลใหญ่ มิน่าล่ะคุณชายกงซุนคนนี้ถึงได้โอหังขนาดนี้ แม้แต่พี่น้องตระกูลฟางก็ไม่อยู่ในสายตา

 

อายุเขาราวๆ 20 กว่าปี หน้าแต่หน่อมแน้มดูดีใช้ได้ เพียงแต่ใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนพลังหยวนต่ำ ดูยังไงก็แต๋ว ไม่น่าพิศวาสเอาซะเลย

 

ฟางซีเฉิงที่บันดาลโทสะกำลังจะอ้าปากก็มีเสียงของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวดังขึ้นข้างหู “พี่ชาย ไม่ต้องใจร้อน ให้หยูเฮงน้อยจัดการเถอะ”

 

ไม่ใช่แค่ฟางซีเฉิงที่ได้ยิน ฟางซีเสียนและฟางถงยวี่ก็ได้ยินเสียงที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งมาเหมือนกัน

 

พวกเขาที่โมโหอยู่สงบลงทันที เพราะพวกเขารู้ว่าคนที่จะซวยต่อจากนี้ไม่ใช่หยูเฮงน้อยแน่

 

2 วันที่ผ่านมานี้ พวกเขารู้แล้วว่าหยูเฮงน้อยไม่ใช่พวกยอมใครง่ายๆ จุดจบของคนที่มาแหยมนางไม่ใช่แค่คำว่าอนาถจะบรรยายหมด

 

ในนาทีนี้ พี่น้องตระกูลฟางยินดีจะเห็นคนต้องลำบาก

 

หยูเฮงน้อยก็รับรู้ถึงความคิดของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ใบหน้าน่ารักมีรอยยิ้มหวาน แค่พลิกมือก็มีไม้ตบยุงอันเล็กปรากฏอยู่ในมือนาง ชี้ไปยังคนที่เพิ่งบุกเข้ามา

 

“ไอหนุ่ม เจ้าบ้ารึเปล่า ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเจ้าตายหมดแล้วใช่มั้ย ไม่สอนมารยาทเจ้าบ้างเหรอ ไม่เคยบอกรึไงว่าอย่าบุกรุกที่ของคนอื่น รู้มั้ยว่าตายเขียนยังไง ให้ข้าสอนเจ้าเขียนมั้ย”

 

คำสบถด่าอย่างร้ายกาจทำให้คุณชายตรงหน้าหน้าเปลี่ยนสีทันที คนที่ฐานะสูงส่งอย่างเขาเคยถูกด่าหยาบขนาดนี้ที่ไหนกัน เขาโกรธจนหน้าเขียว ชี้หยูเฮงน้อยด้วยความโกรธ “ยัยนี่ ยัยบ้า รนหาที่ตายรึไง เชื่อมั้ยว่าข้าจะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆเลย ให้เจ้าตายแบบไม่มีที่ฝัง กล้าหาเรื่องพวกเราตระกูลกงซุน สงสัยจะไม่อยากมีชีวิตแล้ว”

 

“ถุย ไอระยำ ดูเจ้าสิเลือดลมก็ไม่ดี ไตหัวใจก็อ่อนแอ ท่าทางใฝ่กามใฝ่สุราจะหมดเรี่ยวแรงแบบนั้นก็รู้เลยว่าคนระยำอย่างเจ้าน่ะไม่ใช่คนดีแน่ๆ กินยาเม็ดทุกวัน ไม่กลัวว่าจะตายเอารึไง”

 

ใบหน้าเล็กๆของหยูเฮงน้อยมีสีหน้าดูถูก ท่าทางรังเกียจอย่างที่สุด ราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่คุณชายท่าทางดูดี แต่เป็นตาแก่ซอมซ่อ

 

แต่คำพูดของหยูเฮงน้อยที่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจทำให้กงซุนเห้าตั้งตะลึงเป็นอย่างมาก แม้แต่พี่น้องตระกูลฟางก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

 

โดยเฉพาะกงซุนเห้าตั้งที่รับประกันได้ว่าเพิ่งเคยเจอยัยเด็กนี่ครั้งแรก แต่นางกลับมองร่างกายและการใช้ชีวิตของเขาออก

 

อึ้งก็ส่วนอึ้ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนของ 10 ตระกูลใหญ่ แม้ว่าปกติจะทำตัวสุรุ่ยสุร่ายไปบ้าง แต่ก็ยังมีพอมีความเจ้าเล่ห์เพทุบายอยู่บ้าง

 

เขาปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “เหลวไหลทั้งเพ กล้ามาด่าว่าข้า รอดูเลยว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร”

 

พูดจบ เขาก็ไม่สนว่าที่นี่เป็นธุรกิจของตระกูลมู่หรง แน่นอนว่าด้วยฐานะคุณชายตระกงซุนของเขาก็ไม่จำเป็นต้องเห็นตระกูลมู่หรงที่เป็นอันดับสุดท้ายอยู่ในสายตา

 

ลงมือหวังผลจะเอาชีวิตทั้งนั้น ฝ่ามือที่ส่งออกไปพุ่งตรงไปยังหน้าอกของหยูเฮงน้อย

 

เมื่อเห็นเขาลงมือ หยูเฮงน้อยแสยะยิ้มและฟาดไม้ตบยุงในมือใส่อีกฝ่าย เกิดเสียงครวญครางขึ้นก่อนที่ร่างของคุณชายกงซุนกระเด็นออกไปนอกประตูและล้มอยู่ที่พื้นทันที จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น

 

ทั้ง 2 ลงมือกันไวมากจนคนอื่นๆยังไม่ทันจะตั้งตัว

 

ทหารยามของตระกูลกงซุนได้สติกลับมาในที่สุดและรีบไปพยุงคนที่พื้นให้ลุกขึ้น กงซุนเห้าตั้งกระอักเลือดออกมา ยิ่งมองหยูเฮงน้อยในห้องอย่างตกตะลึง

 

ยัยเด็กที่ดูเหมือนไม่มีวิทยายุทธ แต่เขากลับไม่มีพลังจะต้านทานได้เลย เขาน่ะอยู่จุดสูงสุดของระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เลยนะ อีกก้าวเดียวก็จะได้เป็นจักพรรดิ์อมตะแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมดที่บังอาจไปโค่นต้นไม้ ทำอะไรยัยเด็กตรงหน้านี่ไม่ได้เลย

 

เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก ดวงตาของเขาเป็นประกายอันน่าสยดสยองที่หมายจะเอาชีวิต และตบหน้าคนที่อยู่ข้างๆเขาด้วยความโกรธ “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ รีบไปจัดการให้ข้าสิ เอายัยเด็กหญิงสองคนนี้ให้ตาย แล้วข้าจะทำให้พวกนางไม่รอดและไม่ตาย หากไม่เอาหนังและกระดูกของพวกนางออกข้าก็ไม่แซ่กงซุน”

 

“ขอรับ”

 

เหล่าทหารยามไม่กล้าที่จะเพิกเฉย รีบพุ่งเข้าไปพร้อมกับสีหน้าบิดเบี้ยวใส่ฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย

 

แต่เขาคงไม่รู้ ว่าคำพูดสามหาวเมื่อกี้ของกงซุนเห้าตั้งทำให้เขาอยู่ในรายการสังหารของหยูเฮงน้อยแล้ว ร่างเล็กๆของนางมีไอเย็นที่หนาวถึงกระดูกแผ่ซ่านออกมา

 

เมื่อเผชิญหน้ากับทหารยาม ร่างของหยูเฮงน้อยพุ่งไปข้างหน้าและพัดอันเล็กในมือของนางก็โบกสะบัดและฆ่าไปหลายสิบคน

 

ใบหน้าของพี่น้องตระกูลฟางแสดงให้เห็นถึงความสงสาร พวกเขาหลับตาลง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรพวกเขาก็รู้อยู่แล้ว

 

“!!”

 

พริบตาเดียวเสียงอู้อี้จำนวนมากก็ดังขึ้น และมีอีกหลายร่างกระเด็นออกจากประตูไปอีกครั้ง ราวกับว่าก่อกองทรายมนุษย์เสียงกรีดร้องของพวกเขายังดังอยู่ในปาก

 

ส่วนคุณชายกงซุนที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูเมื่อกี้ ได้กลายเป็นคนด้านล่างสุดอย่างโชคร้าย ถูกทับด้วยทหารยาม 10 กว่าคน เขาที่บาดเจ็บอยู่แล้วถูกทับจนแม้แต่จะร้องก็ยังร้องไม่ออก

———————