เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 799
อีเฉินยืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นยิ้มกว้างออกมา เขารีบเดินตามไปแล้วพูดว่า “ถูกต้องครับ มีเพียงองค์รัชทายาทที่มีความรู้ ส่วนองค์ชายรองไม่รู้อะไรเลย”

ฉินฝานหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “คำนี้ใช้ได้ดีมาก ไม่รู้อะไรเลย ฉันยังชอบอีกคำหนึ่ง ไม่มีอะไรดี”

อีเฉินหัวเราะตาม

ทั้งสองหัวเราะอยู่นาน อีเฉินถามต่อ “องค์ชายรองคิดยังไงกับเรื่องของลู่ฝานครับ”

ฉินฝานพูดว่า “อันดับแรก ลู่ฝานคงไม่ได้มีพละกำลังแข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น ท่านไม่ได้ดูอย่างละเอียดเหรอ ตอนเขาโจมตีด้วยกระบี่ หน้าเขาเหมือนจะตายเลย ถ้าพละกำลังของเขาแข็งแกร่งจนสามารถฟันมารทั้งสี่ด้วยกระบวนท่าเดียว จะมีสีหน้าแบบนี้ไหม ต้องมีสีหน้าสบายๆ สะบัดมือเบาๆ ก็พอแล้ว”

ฉินฝานพูดแล้วทำท่าทำทาง ทำให้อีเฉินหัวเราะออกมาอีกครั้ง

อีเฉินพูดว่า “ดังนั้นองค์ชายจึงคิดว่าเด็กคนนี้ไม่สมควรได้รับรายชื่อคัดเลือกใช่ไหมครับ”

ฉินฝานพูดว่า “ผิดแล้ว ตรงข้ามทั้งหมด ฉันคิดว่าควรให้เขารีบมาเมืองหลวง ส่งเข้าไปอบรมในหน่วยองครักษ์เสิ่นหวา หรือไม่ก็เขาวิถีบู๊”

“หมายความว่ายังไงครับ”

อีเฉินรู้สึกไม่เข้าใจ

ฉินฝานพูดว่า “อันดับแรก ฟันมารทั้งสี่ด้วยกระบี่เดียว แม้ไม่ใช่ฝีมือของเขา แต่คนที่ลงมือจริงๆ มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะรู้จักเขา ไม่งั้นคงไม่ช่วยตอนที่เขาลงมือหรอก ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องความบังเอิญ ต่อมาจิตใจของไอ้หมอนี่ไม่เลว กล้าสู้ในตอนที่สิ้นหวัง โดยไม่กลัวอะไรเลย อีกทั้งยังเป็นผู้ตรวจการชั้นกลาง มีพรสวรรค์ มีศักยภาพ มีสภาพจิตใจ มีพื้นฐานของผู้แข็งแกร่งทั้งหมดแล้ว เพิ่มการอบรมดูแลอีกนิด ต้องพุ่งทะยานได้แน่นอน”

อีเฉินฟังแล้วแอบพยักหน้าอยู่ข้างๆ

“สุดท้าย หึหึ เขามีชื่อว่าฝาน หาได้ยากๆ ถ้ามีโอกาสฉันอยากดื่มกับเขาสักหน่อย”

ฉินฝานเอียงหัวไปมาแล้วเอ่ยขึ้น

อีเฉินพูดอะไรไม่ออก คิดไม่ถึงว่าฉินฝานจะมีความคิดแบบนี้ด้วย นี่นับเป็นหนึ่งในเหตุผลด้วยเหรอ

ฉินฝานพูดเบาๆ กับอีเฉินว่า “คุณอีเฉิน ถ้าฉันเป็นท่าน ตอนนี้คงส่งคนไปที่นั่น หาตัวผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนั้น สามารถฟันสี่มารด้วยกระบี่เดียว อย่างน้อยต้องเป็นระดับอริยปราชญ์ ถ้าได้มาอยู่ในหน่วยองครักษ์เสิ่นหวา ต้องดีที่สุดแน่นอน”

อีเฉินพูดอย่างเข้าใจ “เข้าใจแล้วครับ ผมจะกลับไปจัดการ องค์ชาย ผมนับถือความฉลาดขององค์ชายมาก”

ฉินฝานพูดว่า “คุณอีเฉินปฏิบัติกับฉันเหมือนครูกับศิษย์มาตั้งแต่เด็ก ฉันแค่พูดกับท่านเท่านั้น ถ้าพี่ชายฉันรู้ว่าฉันฉลาด ฉันกลัวว่าคงจะตายในเร็ววัน”

อีเฉินถอนหายใจแล้วพูดว่า “ใช่ครับ องค์รัชทายาทเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมาก”

คำพูดที่พูดออกมาโดยไม่คิดอะไร แต่กลับแฝงไปด้วยความเสียดายของอีเฉิน

ฉินฝานแววตาวูบไหว “คุณอีเฉินดูออกได้ยังไงว่าโปรดปราน”

อีเฉินพูดอย่างตกใจว่า “ไม่ใช่เหรอครับ วันนี้ฝ่าบาทยังชมองค์รัชทายาท อีกทั้งไม่ให้ลู่ฝานเข้าเมืองหลวง ตามที่องค์รัชทายาทพูด”

ฉินฝานหัวเราะ “ไม่ให้เข้าเหรอ คุณจำผิดแล้ว ฉันจำได้ว่าให้เขามาฤดูใบไม้ผลิปีหน้า คุณคิดว่าเสด็จพ่อไม่รู้เหรอว่าพี่ใหญ่ซื้อขายรายชื่อผู้คัดเลือก”

อีเฉินอึ้งไป ผ่านไปนานจึงพูดว่า “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”

ฉินฝานส่ายหน้าพูดว่า “ทุกครั้งที่ฝนตกในฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นลง ทุกครั้งที่ลมพัดในฤดูใบไม้ผลิ อากาศจะอบอุ่นขึ้น รอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เป็นอย่างไรค่อยดูกัน”

เสียงสูงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย