ดื่มอย่างบ้าคลั่ง

“มาเลยเสี่ยวหยิงตานายแล้ว คราวนี้ฉันให้นายดื่มบ้าง ฉันขอให้นายแต่งงานเร็วๆ ซักที” หวังจ้าวหัวเราะร่าก่อนที่เขาจะรินไวน์ให้

 

“มาเลยพี่น้อง พูดได้ดี” หลี่หยิงหัวเราะพร้อมพูดตอบเพราะเขารู้ดีถึงขีดการดื่มของหวังจ้าว เขาเกือบจะมอมเหล้าหวังจ้าวได้แล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งหมายความว่าหวังจ้าวเกือบไม่ไหวแล้วเช่นกัน  เป็นธรรมดาที่เข้าจะไม่กลัวที่จะดื่มต่อแน่นอน

 

เขาทั้งคู่ดื่มรวดเดียวจนหมด หวังจ้าวดูไม่เหมือนจะมีท่าที่ว่าจะไม่ไหวเหมือนก่อนหน้านี้เลย แต่เขากลับดื่มจนเกลี้ยงอย่างกับหิวน้ำมานานจนกินน้ำหมดทะเลสาบได้  แถมยังดูสดชื่นกว่าเดิม

 

“ช่วงเวลาที่ดี มา ต่อ” หวังจ้าวหัวเราะอีกครั้ง

 

“พี่ใหญ่ อย่าฝืนนะ พี่ก็รู้ว่าพี่ดื่มได้แค่ไหน แต่นี่ยังกล้าชวนคนอื่นดื่มต่ออีกหรอ” หวังซือยาถึงกับถลึงตาใส่

 

“น่าๆ พี่ไหวอยู่น่า” หวังจ้าวไม่รู้สึกเมาเหล้าอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นเขายังอยากดื่มยิ่งกว่าเดิม เปรียบได้ดั่งขี้เมาได้กลิ่นเหล้าแล้วอดไม่ได้ที่จะดื่ม

 

“นานๆ เราจะมาเจอกันซักที วันนี้เป็นงานวันเกิดท่านพ่อถือเป็นวันที่ดีวันหนึ่งฉะนั้นเราควรจะดื่ม ฉันขอยกแก้วนี้ให้กับ จ้าว และขอให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง” หลี่หยิงกล่าวพร้อมหัวเราะ

 

แก้วที่สองทั้งสองคนต่างก็ดื่มรวดเดียวหมด หลังจากนั้นคนรอบๆ ต่างเริ่มสังเกตุว่าหวังจ้าวไม่มีสีหน้าว่าเมาเหล้าแม้แต่น้อย กลับกันยังดูมีชีวิตชีวาทำให้ช่วยไม่ได้ที่จะประหลาดใจ หลี่หยิงเองก็เริ่มคิดว่าหวังจ้าวเองก็ดื่มเก่งเหมือนกัน

ต่อมาหวังจ้าวยังคงชนแก้วต่อไปเรื่อยๆ ตอนแรกหลี่หยิงก็คิดว่าหวังจ้าวสิ้นท่าแน่นอนแล้วแต่หลังจากดื่มต่อไปอีกหน่อย เขากลับเริ่มมึนหัวในทางกลับกัน หวังจ้าวยังคงดูเฉยๆ ตาเป็นประกาย และไม่มีท่าทีว่าจะเมาแม้แต่น้อย หลี่หยิงอดไม่ได้ที่จะตกใจในท่าทางของหวังจ้าว เขาไม่เข้าใจว่าหวังจ้าวนั้นเก่งเรื่องการดื่มมากกว่าเดิมตั้งแต่เมื่อไหร่ หลี่เหนียนหยิง หวังซือหยา เฉิงหนาน และคนอื่นๆ ก็คิดอย่างนั้นเช่นเดียวกัน

 

“พี่จ้าว ไม่ตลกเลยนะถ้าเราจะดื่มกันจนเมา ออกไปชนแก้วกับเหล่าผู้อาวุโสบ้างดีกว่า” หลี่หยิงดื่มไม่ไหวแล้วแต่เขาก็ยังไม่อยากยอมแพ้แต่เขาก็จะถอนตัวไม่ได้แน่นอน เขาก็เลยหาทางอื่นดู

 

“จริงแหะ ผู้อาวุโสบางคนยังไม่กลับบ้านเลย” หวังจ้าวพยักหน้าตอบรับพร้อมรอยยิ้ม

หลังจากได้ยินนั่นทำให้หลี่หยิง หลี่เหนียนหยิง หวังซือหยา เฉิงหนาน และคนอื่นๆ ถึงกับหน้าตึง

 

“ลุงหลี่ครับ ผมขอชนแก้วครับ”

 

“ผมขอชนแก้วครับลุงโจว”

 

“ป้าสาม ผมขอชนแก้วครับ”

 

สิ่งที่หวังจ้าวทำนั้นส่งผลให้ตระกูลหลี่และผู้นำตระกูลคนอื่นๆ มีความรู้สึกดีต่อตระกูลหวังมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นหวังจ้าวทำได้อย่างดีไม่มีข้อผิดพลาด เขาเทเหล้าเข้าปากจนทำให้เหล่าผู้อาวุโสประหลาดใจ เสี่ยวจ้าวกลายเป็นลูกผู้ชายแล้ว

 

เมื่อแขกคนอื่นๆ เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างตรงเข้ามาขอชนแก้วกับหวังจ้าว ในตอนนี้หวังจ้าวดูไม่เหมือนนักดื่มอีกต่อไป ทุกคนที่เข้ามาขอชนแก้วซึ่งเขาเองก็ดื่มรวดเดียวหมด ยิ่งทำให้ทุกคนคิดว่าหวังจ้าวเป็นบุคคลที่ดูดีน่ายกย่องนับถือ ในขณะเดียวกันหวังจ้าวเองก็ได้ดื่มมากกว่าปกติมากๆ (ดื่มแบบวัวตายควายล้ม) ซึ่งมันเป็นทั้งการชวนชนแก้วและการขอชนแก้ว แก้วไวน์พร้อมทั้งขวดไวน์เยอะจนสามารถวางเรียงกันเป็นวงกลมได้ไวน์ปริมาณมากซะจนแม้แต่หวังจ้าวเองก็ยังตกตะลึง อย่างไรก็ตามสีหน้าของหวังจ้าวก็ยังดูปกติ ไม่มีท่าทีว่าจะเมาแม้แต่น้อย เขาก้าวเดินแต่ละก้าวอย่างกระฉับกระเฉงและแผ่วเบาถึงแม้จะผ่านการดื่มมาอย่างหนัก

 

“จ้าว นายไปซดเลือดไก่มารึไง” หลี่หยิงถลึงตามอง

 

“พี่ยังโอเคอยู่ไหม พี่สาม” หวังซือหยาถามอย่างเป็นห่วง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นตอนนี้นี่เกิดหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“พี่โอเคน่า… เธอคิดว่าพี่มีอย่างอื่นที่ทำได้รึไงกัน” หวังจ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน เขาคิดเพียงแต่ว่ายาแก้เมาของซูจิ้งโคตรมหัศจรรย์เลย แต่ผลข้างเคียงข้างมันเองก็ค่อนข้างน่าประหลาดใจ มันทำให้เขาอยากดื่มตลอดเวลา อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะดูกลายเป็นขี้เมาไปแล้วเหมือนกัน

 

หลี่หยิง หลี่เหนียนหยิง หวังซือหยา และทุกคนต่างจับตามองไปที่หวังจ้าวทุกขณะ พวกเขาต่างก็เห็นว่าหวังจ้าวยังคงมีสีหน้าปกติดี ทำให้พูดกันไม่ออกเลยซักนิด

 

“สวัสดีครับคุณหวัง พวกเราได้พบกันวันก่อน ผมค่อนข้างประหลาดใจถ้าคุณจะยังจำผมได้นะ พวกเรามาชนแก้วกันหน่อยได้รึเปล่าครับ” อยู่ๆ ก็มีชายท่าทางแข็งแรงคนหนึ่ง ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีแข็งขันพร้อมกับเอ่ยถามออกมา

 

“สวัสดีครับคุณหม่า ทำไมผมจะจำคุณไม่ได้หล่ะ ใครจะกล้าเทียบเคียงความเก่งกาจกับคุณได้ล่ะครับเนี่ย” หวังจ้าวทักทายพร้อมรอยยิ้ม

 

“คุณหวังถ่อมตัวไปแล้วครับ ผมหล่ะทึ่งในตัวคุณเลยจริงๆ ผมต่างหากที่ไม่อาจเทียบเคียงความเก่งกาจกับคุณได้” รอยยิ้มที่เป็นมิตรจากชายท่าทางแข็งแรงราว ที่จริงนั้นเขาและหวังจ้าวได้มีการแข่งขันเปรียบเทียบฝีมือกันไปแล้วในบางเรื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามเขาเองก็ยังไม่อาจเทียบได้เลยในเรื่องการผลิตสินค้าและเรื่องการเงิน ซึ่งนั่นทำให้เขาค่อนข้างเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้หวังจ้าวรู้สึกผ่อนคลายในการแข่งขันระหว่างพวกเขาได้เช่นกัน เขาจึงคิดจะมาคุยกับหวังจ้าวและตั้งใจจะยอมให้หวังจ้าวในบางเรื่อง เพื่อที่จะไม่ต้องเจ็บทั้งสองฝ่ายแล้วถูกมือที่สามรับผลประโยชน์ไป

 

“คุณหม่า ผมรู้ว่าคุณต้องการจะพูดเรื่องอะไร แต่คุณก็รู้ว่ากลุ่มทุนห้วงเวลาอวกาศของผมนั้นกำลังอยู่ในช่วงเริ่มพัฒนา แผงพลังงานแสงอาทิตย์ก็เพิ่งจะเริ่มต้น ซึ่งมันก็ต้องใช้เงินทุน(ค่าการตลาด)มหาศาล และผลิตภัณฑ์ของคุณก็เป็นที่รู้จักในตลาดมานานแล้ว อย่ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดอันเล็กน้อยจากผมเลยน่า” หวังจ้าวกล่าวออกไป

 

“สำหรับคุณก็คงจะถือว่าเป็นส่วนแบ่งการตลาดเล็กๆ ได้ แต่สำหรับผมส่วนแบ่งนั้นมันใหญ่มาก ให้ผมมีส่วนด้วยซักหนึ่งไม่ก็สองส่วนเถอะนะ ไม่อย่างนั้น พวกเราจะสูญเสียทั้งสองฝ่ายและถูกคนอื่นแย่งไป” ชายท่าทางแข็งแรงหัวเราะเล็กน้อย แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเขานั้นแค่ทำตัวให้ดูเป็นมิตรแถมบริษัทของเขาเองก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ

 

“เดิมที่แล้ว งานนี้เป็นงานฉลองวันเกิด เราไม่ควรมาพูดคุยเรื่องธุรกิจกันนะครับ พวกเราควรมาดื่มกันดีกว่า ถ้าคุณไม่คิดอย่างนั้น เอาอย่างนี้แล้วกัน พื้นที่การตลาดสี่ส่วน คุณเลือกใครก็ได้สี่คนมาชนแก้วกับผม ชนแก้วหนึ่งครั้งแล้วถ้าคนที่คุณหามาสู้ไม่ได้หล่ะก็คุณก็จะอดได้ส่วนแบ่งส่วนผมก็จะรับส่วนนั้นไป ตกลงไหมผมต่อให้คุณใช้สี่คนเลยนะ” หวังจ้าวท้าทายด้วยรอยยิ้ม

 

“ให้ผมหาคนสี่คนมาดื่มแข่งกับคุณคนเดียวงั้นรึ” ชายท่าทางแข็งแรงคิดว่าเขาฟังผิด เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าหวังจ้าวจะใช้การดื่มไวน์มาตัดสินเรื่องทางธุรกิจ นี่จะทำเป็นเล่นกันเกินไปแล้ว มันบ้ามากที่จะดื่มแข่งกันระหว่างสี่ต่อหนึ่ง ถึงแม้ว่าหวังจ้าวจะดื่มเก่งแค่ไหน แต่เขาและคนอื่นอีกสามคนที่เขาหามาแข่งนั้นก็ดื่มเก่งอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นถูกพามาเพื่อดื่มแทนเขาด้วยซ้ำซึ่งคนๆนั้นเก่งมาก อีกทั้งหวังจ้าวยังดื่มมาแล้วอย่างหนักแต่พวกเขายังไม่ค่อยได้ดื่มเท่าไหร่เลย

 

“พี่น้องนายบ้าไปแล้ว” หลี่หยิงรีบเข้าไปเตือนสติหวังจ้าว เขาคิดว่าที่หวังจ้าวยังไหวอยู่ตอนนี้เป็นเพราะว่าเขาเองที่ดื่มพลาดไป

 

“พี่สาม หยุดก่อเรื่องเลยนะ” หวังซือหยารีบเข้ามาห้ามปรามด้วยเช่นกัน

 

“ว่ายังไง” หวังจ้าวยกมือปรามทั้งสองคนแล้วหันไปคุยกับชายท่าทางแข็งแรง เขาต้องการดื่มมากกว่านี้ มันช่วยไม่ได้เลยที่ตอนนี้เขาจะดูเป็นคนขี้เมา

 

“ดี ฉันรับคำท้า” ในมุมมองของชายท่าทางแข็งแรงนั้น สิ่งที่หวังจ้าวทำเป็นการตัดสินใจที่ขาดสติ และเมื่อเข้าประเมินดูจากสถานการณ์แล้วเขาบอกได้เลยว่า เปรียบเสมือนมีคนเอาของดีมาเคาะให้ถึงหน้าประตูบ้านแบบฟรีๆ เขาคิดว่าหวังจ้าวไม่มีทางชนะเขาได้แน่นอน ต่อให้ผิดพลาดไม่ชนะทั้งหมด แค่ชนะสอง หรือหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ในตอนแรกเขาเองก็คิดแค่ว่าจะขอส่วนแบ่งการตลาดแค่บางส่วนเท่านั้น

ชายท่าทางแข็งแรงได้เรียกคนสามคนออกมาพร้อมกับไวน์จำนวนมาก ผู้คนโดยรอบต่างตกใจและเริ่มสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อรู้รายละเอียด หวังจ้าวและคุณหม่าไม่ใช่คนทั่วไป เขามาติดสินเรื่องทางธุรกิจด้วยการดื่มได้อย่างไร มันเริ่มจากอะไรกันแน่ ยิ่งกว่านั้นหวังจ้าวยังเป็นคนท้าดวลสี่ต่อหนึ่งซึ่งมันบ้ามาก อย่างไรก็ตามคุณจะไม่มีทางได้เห็นเรื่องสนุกๆ โดยมีสักขีพยานมากมายอย่างนี้ได้บ่อยๆ แน่นอน

 

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” จ้าวซือเฟิงและจ้าวหยวนพร้อมทั้งคนญี่ปุ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในเหตุการณ์ด้วย