บทที่****157

การขับไล่

 

 

เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง หินยักษ์ตกลงมาในถ้ำ ภูเขาทั้งลูกดูเหมือนจะเปลี่ยนไป

 

หนึ่งต่อสาม หลี่ฟู่เฉินสกดหลี่หวูเซี่ย ต้วนไห่ และต้วนมู่หยุนได้อยู่หมัด

 

อย่างแรกเนื่องจากพื้นที่จำกัดภายในถ้ำ ข้อได้เปรียบเรื่องตัวเลขจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

 

อย่างที่สอง แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะไม่เห็นศัตรูของเขาชัดเจนนัก ประสาทสัมผัสของเขานั้นก็คมชัดกว่าอีกสามคนมาก

 

อย่างสุดท้าย จุดที่สามและเป็นจุดที่สำคัญที่สุด ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินนั้นเพียงพอแล้ว

 

การพัฒนาของเขาจากระดับที่ 8 ถึง 9 ขอบเขตต้นกำเนิดอนุญาตให้ความสามารถพื้นฐานของหลี่ฟู่เฉินเพิ่มขึ้นอีกสองสามเท่าตัว แม้ว่ามันจะเป็น 1 กับ 1 หรือ 1 กับ 2 ก็ไม่มีใครที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้

 

15 นาทีต่อมา เงาสี่ร่างก็พุ่งออกมาจากถ้ำ

 

คนแรกที่ออกมาคือต้วนมู่หยุน จากนั้นหลี่หวูเซี่ย และสุดท้ายคือต้วนไห่ ทั้งสามคนมีคราบเลือดติดอยู่ ต้วนมู่หยุนมีน้อยที่สุดและเสื้อผ้าของเขามีรอยเดียวที่ถูกฉีก หลี่หวูเซี่ยเกือบจะกลายเป็นบุคคลที่ร่างกายอาบไปด้วยเลือด ร่างกายหลายส่วนของเขายังคงมีเลือดออกมา ต้วนไห่เลวร้ายที่สุดจากทั้งหมด การต่อสู้ทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อถอยห่างก็ต้องแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงเป็นคนที่มีบาดแผลมากที่สุด เขาเสียใบหูไปหนึ่งข้าวด้วยการเฉือนจากหลี่ฟู่เฉิน

 

ด้านนอกของถ้ำมีอีก 8 คนที่กำลังตื่นตกใจ

 

ต้วนมู่หยุน ต้วนไห่ และหลี่หวูเซี่ยเป็นบุคคลสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทั้งสามนิกายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะรวมพลังกัน หลี่ฟู่เฉินก็ยังมีข้อได้เปรียบอยู่ หลี่ฟู่เฉินผู้นี้แปลกเกินไปแล้ว

 

ไม่มีเสียงหรือการแสดงตนใดๆ เงาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหลี่ฟู่เฉิน แสงสีดำเปล่งประกายอยู่บนกริชอย่างชัดเจน ขณะที่มันพยายามจะแทงไปยังหลังคอของหลี่ฟู่เฉิน

 

มันเป็นศิษย์จากนิกายเร้นวิญญาณ ความสามารถของเขาอยู่ใน 5 อันดับแรกของศิษย์ชั้นในในนิกายเร้นวิญญาณ หลังจากที่เข้าก้าวเข้าสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 เขาควรจะสามารถฆ่านักสู้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าเขาได้อย่างง่ายดาย ตราบใดที่การโจมตีของเขาถูกเป้าหมาย ไม่ว่าหลี่ฟู่เฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ยังคงจะอันตรายถึงชีวิต

 

วิญญาณสาวเย่ฮัวหัวเราะเย็นชา หากการลอบสังหารหลี่ฟู่เฉินนั้นทำได้จริง เธอจะทำมันไปแล้ว พลังจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งผิดปกติ การลอบสังหารจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมันคือต้วนมู่หยุนหรือเจียนเสี่ยวเหมาเท่านั้น

 

ปิส!

 

ก่อนที่กริชจะถึงระยะหนึ่งเมตร ดาบก็แทงทะลุคอของศิษย์นิกายเร้นวิญญาณ

 

ดาบยื่นออกมาจากไหล่ขวาของหลี่ฟู่เฉิน ในช่วงเวลาสำคัญ หลี่ฟูเฉินยกมือขวาขึ้นแล้วแทงดาบทองดำไปด้านหลังผ่านคอ ฆ่าศัตรูด้วยความเร็วสูง มันราวกับว่าเขามีดวงตาคู่หนึ่งอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของเขา

 

ดึงดาบออกมา หลี่ฟู่เฉินไม่แม้แต่จะมองศัตรูที่ถูกสังหารและกวาดสายตาของเขาไปยังฝูงชน

 

รวมแล้วได้สิบ นี้ค่อนข้างมากแน่นอน

 

“เข้ามา!”

 

แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับทั้งสิบคน หลี่ฟู่เฉินก็ไม่มีแม้แต่ความกลัวใดๆ

 

“ให้คู่อสูรขาวดำเช่นพวกข้าลองทักษะ”

 

อาวุธที่อสูรดำเลือกเป็นไม้สีดำ ขณะที่อสูรสีขาวเป็นโซ่สีขาว พวกเขาเปิดฉากโจมตีอย่างตรงไปตรงมา เข้าล้อมทั้งซ้ายและขวาของหลี่ฟู่เฉิน

 

ใครก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าคู่อสูรขาวดำนั้นเชี่ยวชาญในการผสานการโจมตี การโจมตีของอสูรดำนั้นคาดเดาได้อยากและทรงพลัง สะกดข่ม และเต็มไปด้วยพลังงานหยาง ในขณะที่อสูรขาวเป็นการโจมตีที่เงียบเชียบและเบาบาง ลวงหลอก และเต็มไปด้วยพลังงานหยิน ด้วยการหนุนเสริมกันและกันด้วยจึงกลายเป็นกระบวนท่าที่ลึกซึ้งและหนักแน่น การโจมตีของพวกเขาไร้ที่ติ ไม่อนุญาตให้ฝ่ายตรงข้ามหลบหนีใดๆ

 

“กลับไปยังที่พวกเจ้ามา!”

 

ด้วยการเขย่าดาบทองดำในมือของหลี่ฟู่เฉิน ลำธารแสงมากมายของพลังฉีดาบดาวตกก็ถูกปล่อยออกมา

 

เก้ง เก้ง เก้ง เก้ง เก้ง…

 

ปิส!

 

คู่อสูรขาวดำถูกส่งกลับไปยังที่ที่พวกเขามา แต่ก็นำมาซึ่งการบาดเจ็บและรอยแผลเป็นจากดาบถึงขั้นอันตราย

 

“เวรเอ้ย เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ได้เช่นไร” อสูรดำมองลงไปที่หน้าอกที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดของเขาด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ

 

แขนซ้ายของอสูรขาวแทบจะสูญเสียการใช้งาน เป็นดาบพลังฉีที่ตัดเส้นประสาทแขนข้างซ้ายของเขา

 

“ทุกคนเข้าไปพร้อมกัน ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับพวกเราทั้งสิบคนพร้อมกันได้”

 

อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ของกระบี่โลหิตหลิงหวงหายไปนานแล้ว เมื่อเห็นความกล้าหาญของหลี่ฟู่เฉินมันจึงทำให้ใจของเขาเยือกเย็นลง ขณะที่เขาตะโกน

 

“ฆ่า!”

 

ในขณะนี้เอง ไม่มีใครใส่ใจว่าสิ่งนี้จะไร้ศักดิ์ศรีหรือไร้ยางอาย

 

แต่หลี่ฟู่เฉินก็ไม่โง่ที่จะยืนนิ่งและต่อสู้กับพวกเขาทั้งสิบคน

 

เขาพุ่งไปรอบๆ และทุกครั้งที่เขาขยับ มันจะเข้าปะทะกับคนเพียงแค่ 2 หรือ 3 คน ซึ่งทำให้ทั้ง 10 คนไม่สามารถร่วมมือกันได้

 

ชวู!

 

เปิดใช้ท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ วิสัยทัศน์รอบๆของหลี่ฟู่เฉินกลายเป็นไม่ชัดเจน เขามาถึงที่ศิษย์ของนิกายเร้นวิญญาณในทันทีและเฉือนไปที่คอของเขา

 

มันสามารถได้ยินเสียง ‘ปิสส’ อันดัง

 

ศีรษะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะที่เลือดพุ่งออกมาทั่วราวกับน้ำพุ มันเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ก็ในเมื่อที่เลือดพุ่งขึ้นสูงหลายเมตร

 

“ฮี่ฮี่ เจ้าจะไม่สามารถออกไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่ฆ่าศิษย์นิกายเร้นลับของข้าไป”

 

วิญญาณเด็กเจียงเสี่ยวเหมาเป็นคนแคระ อัตราการหลบหลักของเขาคล่องแคล่วว่องไวกว่าคนอื่นๆ เช่นตอนที่หลี่ฟู่เฉินได้ลงมือสังหารศิษย์จากนิกายเร้นวิญญาณ เจียงเสี่ยวเหมาก็ปรากฏตัวจากด้านหลังของผู้ตาย และกำหนดเป้าหมายของปากกาวิญญาณไปที่หัวใจของหลี่ฟูเฉิน

(หมายเหตุTL:ปากกาวิญญาณไม่ได้หมายถึงปากกาในโลกปัจจุบันemei piercers อยากเห็นภาพลองไปเสริชดูแอดไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร*)*

 

“ใครเป็นคนตัดสิน? ไปให้พ้น!”

 

หลี่ฟู่เฉินหมุนเท้าอย่างรวดเร็วและเตะเจียงเสี่ยวเหมาออกไป

 

ลูกเตะไร้เงา ไม่มีเงาหรือร่องรอยใดๆ แม้ว่ามันจะยังไม่ถึงขั้นภวังค์ หรือหลี่ฟู่เฉินยังไม่เข้าใจเจตจำนงของลูกเตะไร้เงาก็ตาม ขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์ ด้วยความเร็วขาของหลี่ฟู่เฉิน มันจึงไม่ได้ช้าไปกว่าความเร็วของดาบเขาเลย

 

เจียงเสี่ยวเหมาถูกส่งตัวออกไปบนท้องฟ้าโดยตรง อาเจียนออกมาเป็นเลือดอย่างน่ากลัว

 

ผู้ชายคนนี้จะดีทั้งทักษะดาบและทักษะขาได้อย่างไร?

 

“มองมาที่ข้า”

 

หลี่ฟูเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของวิญญาณสาวเย่ฮัวซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอมีเสน่ห์มาก คล้ายกับวังวนที่พยายามจะดื่มด่ำกับวิญญาณของหลี่ฟู่เฉิน

 

ขณะนั้นเองหลี่ฟู่เฉินก็ส่งเสียงอันเยือกเย็นออกไปว่า ‘หึ’ ดวงตาของเขายิงแสงสีฟ้าที่มีร่องรอยของสีเขียวอยู่ภายใน

 

ปิส!

 

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่าใดๆ แต่วิญญาณสาวเย่ฮัวกลับพ่นเลือดออกมาจริงๆ

 

มันเป็นผลย้อนกลับของทักษะลวงตาของเธอ

 

‘พลังวิญญาณของเขาแกร่งเกินไป ข้าต้องล่าถอย’

 

วิญญาณสาวเย่ฮัวก็รู้สึกกลัวเช่นกัน เธอตระหนักได้ว่าเธอยังคงประเมินจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินต่ำไป

 

ทักษะลวงตาของเธอไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเจตนารมณ์ของเป้าหมายได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย

 

“ปีศาจคลั่ง 28 ส่วน!”

 

“วิชาฝ่ามือเงาวิญญาณ!”

 

“วิชาหอกโลหิตมังกร!”

 

การใช้โอกาสสั้นๆ นี้ สามคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากสามนิกายมารวมกันเพื่อเริ่มการโจมตีแบบหมู่

 

น่าเสียดายที่หลี่ฟู่เฉินเรียกคืนพลังฉีของเขากลับมาได้แล้ว เขาใช้พายุดาวตกเพื่อหยุดการโจมตีแบบหมู่ และถอยกลับออกไปเพียงสามก้าว

 

“เขายังคงเป็นมนุษย์อยู่ใช่ไหม?”

 

เฉินเฟ่ยเห่อจากนิกานโหมกระบี่ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู่และตั้งใจที่จะล่าถอย เขารอเวลาอีกครั้งและอีกครั้งขณะที่มองเข้าไปในถ้ำ

 

เขาวางแผนที่จะกำจัดคนที่อยู่ภายในถ้ำก่อน

 

“กำลังวางแผนที่จะเข้าไป? ตาย!”

 

ใช้งานท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ หลี่ฟู่เฉินเข้าโจมตีก่อน เขาปรากฏตัวด้านข้างของเฉินเฟ่ยเห่อ ขณะที่กรีดดาบออกไปในแนวนอน

 

ด้วยเจตจำนงเพลิงแดงและเจตจำนงดาบดาวตกที่ระเบิดออกมา เฉินเฟ่ยเห่อก็กลายเป็นกระสอบที่ไร้ชีวิต ขณะที่เขาถูกเฉือนส่งออกไปในแนวนอน เขานอนอยู่นิ่งๆ ไม่ทราบว่าเขาตายหรือมีชีวิตอยู่

 

ด้วยการต่อสู้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปและหลี่ฟู่เฉินยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ศัตรูของเขาทุกคนได้รับบาดเจ็บ

 

ใครจะคาดได้ว่าหลี่ฟูเฉินจะแข็งแกร่งเช่นนี้หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 9

 

ไม่เป็นไรถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น ประเด็นสำคัญคือการตอบสนองเฉียบพลันของเขา ไม่อนุญาตให้พวกเขามีโอกาสล้อมรอบเขา

 

เทคนิคลับท่าร่างของคู่ต่อสู้พวกเขาเอง ก็เร็วเท่าที่ขีดจำกัดจะสามารถมีได้

 

แม้ว่าจะไม่เต็มใจ กลุ่มของพวกเขาก็เข้าใจดีว่าหากดำเนินแบบนี้ต่อไป พวกเขาทั้งหมดจะสูญเสียกำลังการต่อสู้ของพวกเขา มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พลังฉีของหลี่ฟู่เฉินหมดลงไปเพราะเขาครอบครองเม็ดยาพลังฉีไว้เป็นจำนวนมาก อย่างน้อยมันต้องจะใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนพวกเขาจะได้เห็นเขากินลงไปสักเม็ดนึง

 

“ไปกันเถอะ!” หลี่หวูเซี่ยกล่าวออกมาคล้ายไม่เต็มใจ แต่ก็ประสงค์ร้ายไว้ในเวลาเดียวกัน

 

ชวู ชวู ชวู…

 

ร่างหนีไปทีละร่าง หลิงหวงหิ้วเฉินเฟ่ยเห่อและออกไป

 

คนสุดท้ายที่จะจากไปคือกระบี่คลั่งต้วนไห่

 

เขาคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเศร้าและการโหยหวน

 

ไม่มีใครขัดขวางพวกเขา ขณะที่หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่นิ่งๆ ดูพวกเขาจากไปอย่างเงียบๆ

 

การต่อสู้อันยาวนานนี้ก็บั่นทอดพลังของเขาไปมากเช่นกัน ถ้าพวกเขาทั้งหมดยอมเข้าสู้เป็นตาย มันจะต้องจบแบบที่ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องพ่ายแพ้แน่นอน ความอ่อนล้าจากพลังฉีนั้นเป็นเรื่องเล็ก จิตวิญญาณที่อ่อนล้านั้นถึงเป็นปัญหาร้ายแรง หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาก็ต่อสู้กับศัตรูมากมายด้วยตัวเขาเอง