อวิ๋นเยี่ยรู้ว่าข่าวที่พวกเขาต้องการรู้มากที่สุดนั้นคืออะไรจึงไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น บอกตรงๆไปเลยว่าพวกเขาสามารถเข้าสถานศึกษาได้ แต่หลังจากเข้าไปแล้วอย่าได้หวังว่าจะได้สิทธิพิเศษอะไรจากเขา วันหยุดปกติสามารถกลับมาพักอาศัยที่บ้านอวิ๋นได้ แต่หากอยู่ในสถานศึกษาจะทำผิดกฎระเบียบไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว หากทำผิดแล้วไม่เพียงแต่ไม่ได้รับประโยชน์จากการลดโทษกลับจะต้องถูกลงโทษรุนแรงมากขึ้น
อี้เหนียงเป็นสาวรู้จักที่ถูกที่ควรทั้งเฉลียวฉลาดรู้ว่าละเมิดอำนาจบารมีพี่ชายไม่ได้ ไม่กล้าออกมาพบแขกอย่างเปิดเผยเพียงแค่โผล่ครึ่งรองเท้าปักลายที่ประตู กวัดแกว่งลูกบอลไหมพรมด้านบนไม่หยุดแสดงความไม่พอใจของตัวเองด้วยวิธีการนี้ ให้รู้ว่าเวลาที่แขกนั่งในห้องรับแขกนานเกินไปแล้ว ต้องการให้การสนทนาจบลงโดยเร็ว
“ดีแล้ว ข้าต้องการพูดเพียงเท่านี้ เหยียนโซ่ว เหยียนซีและลิ่งหู พวกเจ้าเพิ่งจะมาถึงยังไม่ได้ท่องเที่ยวอวี้ซัน ข้าให้เวลาพวกเจ้าพักผ่อนสามวัน หลังจากสามวันแล้วก็ตามข้าไปเข้าเรียนที่สถานศึกษา ระหว่างนั้นกลับบ้านไม่ได้”
อวิ๋นเยี่ยมือไพล่หลังเดินออกมาจากห้องรับแขกภายใต้การส่งด้วยความเคารพของคนทั้งสาม พูดโดยไม่ได้มองอีกว่า สามวันนี้ไม่ต้องฝึกพิธีรีตองอะไรให้ร่วมเที่ยวกับพวกเขาให้สนุก กลับได้เสียงหัวเราะกิ๊กออกมามองดูเห็นเป็นรุ่นเหนียง คิดอยู่แล้วอี้เหนียงหรือจะกล้าหาญชาญชัยอะไรเช่นนี้ จึงเข้าไปลากหูรุ่นเหนียงเดินไปหลังบ้าน
มีอาหญิงคอยต้อนรับแขกอยู่ ฐานะพวกเขาไม่จำเป็นที่อวิ๋นเยี่ยต้องอยู่รับรอง หากยังนั่งอยู่จะยิ่งทำให้พวกเขาอึดอัดมากกว่า
ระหว่างนี้พ่อบ้านเฉียนไม่อยู่บ้าน ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ได้ข่าวจากซ่านอิงเรื่องตระกูลอวิ๋นทำเหมืองแล้วปรากฏโรงงานหยาดเหงื่อเลือดเนื้อ นี่เป็นสิ่งที่อวิ๋นเยี่ยยอมรับไม่ได้ พ่อบ้านเฉียนโดนหักเงินเดือนไปสามเดือนได้พาคนของตระกูลอวิ๋นไปตรวจสอบทรัพย์สินตระกูลอวิ๋นให้ละเอียดด้วยความแค้นเคือง อวิ๋นเยี่ยอยากรู้นักว่าเรื่องราวหนักหนาสาหัสไปถึงไหน
จนเวลาบ่ายพ่อบ้านเฉียนกลับมายืนรายงานสภาพการณ์ที่ตัวเองใช้เวลาห้าวันตรวจสอบมาได้ ดูจากสภาพความเคร่งเครียดและความอิดโรยของเขา อวิ๋นเยี่ยรู้ได้เลยว่าสถานการณ์ไม่ดีแน่
“โหวเหยีย บ่าวใช้เวลาห้าวันตรวจสอบทรัพย์สินของเราอย่างละเอียดแล้วพบปัญหามากมาย มีหลายอย่างที่บ่าวทนดูไม่ได้แต่พูดแล้วไม่มีใครฟัง งานทำเหมืองพวกเราไม่ได้มีหุ้นมากเท่าไร คนดูแลมีคนหนึ่งที่ท่าทางเป็นอันธพาลชั่วร้ายมาก พอบ่าวไปถึงก็จะลากบ่าวไปฉางอันดื่มสุราไม่ไปก็ไม่ได้ ดังนั้นบ่าวก็เลยวางอุบายให้คนของเราเฝ้าอยู่ ตัวเองตามพวกเขาไปเพื่อที่จะได้ล่อให้พวกเขาออกไป คนของเราจะได้ตรวจสอบได้สะดวก
คนของเราเป็นคนในถิ่นเราเอง ล้วนเชื่อถือได้ พวกเขาควักเงินเลี้ยงสุราพวกหัวหน้ากลุ่มย่อยในเหมือง ตามธรรมเนียมวงการงานหลวงล้วนปิดบนไม่ปิดล่าง ได้ยินพวกเขาพูดว่าเหมืองถ่านหินมีคนตายทุกเดือน ครั้งหนักสุดตอนเหมืองถล่มตายไปสิบกว่าคน ชาวบ้านที่ทำเหมืองแต่เก่าก่อนถูกเปลี่ยนไปหมดแล้วกลายเป็นพวกนักโทษในเรือนจำ ทั้งยังมีคนที่ไม่รู้มาจากไหนทำงานอยู่ พวกนั้นไม่รู้เรื่องอะไรได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาขุดถ่านหินไปเรื่อยๆ เมื่อก่อนนี้พวกเราใช้ไม้ใหญ่ค้ำถ้ำให้แข็งแรงแล้วจึงยินยอมให้ขุดได้ ตามที่ท่านเคยสั่งไว้ว่าห้ามขุดลึกเกินสิบจั้ง แต่เวลานี้พวกเขาไม่ใช้ไม้ค้ำยันก็กล้าขุดลึกถึงสามสิบกว่าจั้ง
ท่านเคยบอกว่าถ้าขุดลึกลงไปมากจะมีก๊าสพิษสะสม เวลานี้พวกนี้กล้าขุดลึกถึงสี่ห้าสิบจั้ง ถ่านหินขายได้ดีในเมืองฉางอัน ดังนั้นพวกเขาต่างใจทมิฬเข็นให้คนไปตายกัน
ยังมีเหมืองปูนอีก ของพวกเราไม่มีปัญหาไม่ว่าอากาศร้อนเท่าไหนก็ไม่มีใครกล้าถอดหน้ากากออก พวกทำงานต่างชินกับการใส่หน้ากาก ตอนหลังท่านทำปากหมูให้พวกเขา พวกคนงานต่างเชื่อฟังสวมทั้งๆที่น่าเกลียดมากเพราะรู้ว่าโหวเหยียเป็นห่วงพวกเขา ดังนั้นคนดูแลจึงจัดเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากต้องคอยจับจ้องดูอยู่ตลอดเวลา
โหวเหยีย เหมืองหลวงดูไม่ได้เลยปูนทิ้งหล่นเต็มพื้น พอลมพัดฝุ่นก็คละคลุ้งไปหมดเห็นแค่เงาลางๆ คนงานในเหมืองทั้งปากทั้งจมูกมีแต่ปูน บ่าวไปบอกผู้ดูแลเหมืองหลวงเรื่องนี้ กลับถูกเยาะเย้ยว่าคนทำไร่ไถนามีใครที่ไม่ต้องกินฝุ่นกันมากๆแต่ทุกคนก็ยังแข็งแรงกันหมด ทั้งยังหาว่าตระกูลอวิ๋นมีเงินมากเอามาเผาเล่น คนงานใส่หน้ากากแล้วหายใจไม่ออกทั้งทำงานน้อยลงมากมาย”
“ไอ้เลว!” อวิ๋นเยี่ยทนฟังต่อไม่ไหว โรคฝุ่นหินจับปอดน่ากลัวไม่น้อยกว่าวัณโรค คนหนุ่มแน่นแข็งแรงมากๆพอเป็นแล้วแค่ก้าวเดินยังลำบาก คนดีๆกลับกลายเป็นคนพิกลพิการ
“แล้วพวกเหมืองถ่านหินเฟิงวอกับช่างเหล็กของเจากั๋วฟางเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาทำตามวิธีการที่ข้าบอกหรือไม่” อวิ๋นเยี่ยเวลานี้ทำได้แค่ตรวจสอบจากคนของตัวเอง ในเมื่อตัวเองเป็นคนปลดปล่อยสัตว์ร้ายอุตสาหกรรมตัวนี้ออกมาก็ต้องควบคุมมันให้ได้ หากควบคุมไม่ได้ก็สู้ยกเลิกไม่เอาเลยจะดีกว่า
“ทำไมจึงไม่พูด ข้าถามว่าเจากั๋วฟางเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่ดีเลย ช่างเหล็กก็ยังเหมือนเดิม ชุดป้องกันที่ให้ไปก็ไม่ได้ใช้ต่างเก็บไว้ในบ้านใช้เป็นเสื้อใหม่ บางคนแก้ให้เล็กลงให้เด็กสวมแถมบอกว่าเนื้อผ้าชนิดนี้คงทนน่าใช้ พวกเหมืองเล็กอื่นๆก็เหมือนกัน
อวิ๋นเยี่ยกุมขมับพูดไม่ออก เข้าใจได้เลยว่าทำไมชุดทำงานของโลกยุคใหม่ถึงได้ดูน่าเกลียดนัก ที่ดูไม่น่าเกลียดก็ต้องปักหรือพิมพ์ตราสัญลักษณ์ต่างๆที่ดูน่าเกลียด ที่แท้เพราะสาเหตุนี้เอง
“มะรืนนี้ให้เรียกพวกดูแลงานตามเหมืองตามโรงงานต่างๆกลับมาให้หมด ข้าจะจัดประชุมพวกเขาปล่อยต่อไปเช่นนี้ไม่ได้ ถึงแม้ตระกูลอวิ๋นจะต้องจบเห่อย่างถาวรก็ต้องหาสัญญาเหมืองกับโรงงานที่ทำร่วมกับราชสำนักออกมา ตระกูลอวิ๋นไม่ต้องการอีกแล้ว ไม่กล้าต้องการอีก พวกเราเป็นคนที่สะอาดบริสุทธิ์ไม่ใช่อสูรร้ายที่ดื่มเลือดกินเนื้อ ต่อให้มีเงินมากเท่าไหนพวกเราก็ไม่ต้องการอีก”
“ลูกเยี่ยเอ๋ย เงินหยาดเหงื่อเลือดเนื้อที่เราไม่ต้องการนั้นเรื่องเล็ก ไม่เอาก็ไม่เอา แต่การทำเช่นนี้จะทำให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงลำบากใจหรือไม่” ท่านย่าไม่รู้ฟังอยู่ข้างนอกนานเท่าไรแล้ว พอได้ยินการตัดสินใจของอวิ๋นเยี่ยจึงตั้งคำถามว่าที่เขาทำเช่นนี้จะเหมาะสมหรือไม่
“ท่านย่า คงคิดอะไรมากไม่ได้แล้ว เงินของพวกเราต้องเป็นเงินที่สะอาดบริสุทธิ์จะเปรอะเปื้อนกลิ่นคาวเลือดไม่ได้แม้เพียงนิดเดียว หากเรื่องค้ากำไรจากหยาดเหงื่อเลือดเนื้อแพร่ออกไป ชื่อเสียงตระกูลอวิ๋นที่สะสมมาหลายปีต้องหมดสิ้นแน่ พรุ่งนี้หลานจะเข้าวังสักครั้งเพื่อคุยกับฮองเฮาเหนียงเหนียงให้เรียบร้อย หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หลานจะยกหุ้นทั้งหมดให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงทันที ต่อไปตระกูลเราจะไม่แตะต้องธุรกิจเหล่านี้อีก
มะรืนนี้ข้าจะเรียกคนดูแลงานทั้งหมด ตั้งเรื่องเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรไม่ให้ใครละเมิดได้ หากใครละเมิดเบาสุดถูกไล่ออกจากตระกูล ที่หนักข้าจะลงทัณฑ์โดยใช้กฎของตระกูล เหล่าน้องสาวทั้งหลายต้องร่วมด้วยพรุ่งนี้ เงินหยาดเหงื่อเลือดเนื้อนอกจากตระกูลอวิ๋นไม่แตะแล้ว ต่อไปพวกนางแต่งงานออกไปก็แตะไม่ได้ หากมีใครแตะข้าจะตัดขาดออกจากตระกูลทันทีไม่มีการปรานีเด็ดขาด”
ท่านย่ารู้ว่าอวิ๋นเยี่ยกำลังโกรธแค้น ไม่นึกว่าอวิ๋นเยี่ยจะโกรธมากขนาดนี้ เขารักน้องสาวทุกคนเข้ากระดูก การที่ใช้คำพูดเช่นนี้แสดงว่าเขาโกรธแค้นการกระทำของราชสำนักมากเพียงใด
เมื่อหัวหน้าตระกูลตัดสินใจแล้วแม้แต่ท่านย่าผู้อาวุโสก็คัดค้านไม่ได้ ต่อให้ตัดสินผิดท่านย่าก็ยังต้องยืนอยู่ข้างอวิ๋นเยี่ยอย่างมั่นคง คืนนี้จะต้องเรียกผู้หญิงในตระกูลออกมาทำความเข้าใจให้ดีว่านี่คือเส้นตายของหลานชายจะละเมิดไม่ได้
เดิมทีอวิ๋นเยี่ยเคยทำงานโรงงานหยาดเหงื่อเลือดเนื้อ ได้แค่มองมือเพื่อนถูกเครื่องจักรบดจนเละโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้ มาตรการความปลอดภัยของโรงงานแทบจะไม่มีเลยทั้งยังต้องทำงานวันละสิบชั่วโมงขึ้นไปทุกวัน พอเกิดเรื่องแล้วเถ้าแก่ใจดำพูดเพียงคำว่า”ผิดกฎ”ก็สามารถปลดเปลื้องความรับผิดชอบได้ทุกอย่าง มองดูคนเจ็บที่ร้องโหยหวนถูกหามไปแต่ก็ไม่มีใครสนใจ อวิ๋นเยี่ยยื่นใบลาออกให้เถ้าแก่ทันที ครั้งนั้นคนงานโรงงานสี่ร้อยกว่าคนลาออกไปครึ่งหนึ่ง
เรื่องราวในอดีตปรากฏออกมาอย่างมีชีวิตชีวาตรงหน้า ข้านั้นคือรากหญ้า เป็นมาโดยตลอด แต่ก่อนเคยถูกย่ำยี ปัจจุบันก็ยังคงใช่ แต่ก่อนนั้นเพียงแค่เจ็บปวดที่ร่างกาย ปัจจุบันความเจ็บปวดไม่เพียงแค่ร่างกาย มนุษย์นั้นยังคงต้องการให้ทรมานจิตวิญญาณตัวเองบ้าง การทรมานจิตวิญญาณตัวเองจึงทำให้ปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งกว่าออกมาได้
ต้องดำรงความเป็นมนุษย์ที่เคร่งครัด นี่คือกฎเกณฑ์ที่อวิ๋นเยี่ยตั้งให้ตัวเองในต้าถัง แม้แต่ชีวิตยังได้เริ่มต้นใหม่แล้วยังจะมีเรื่องอะไรที่เริ่มต้นใหม่ไม่ได้อีก? ชาติก่อนอ่อนแอไร้ความสามารถ อวิ๋นเยี่ยจะไม่ยินยอมให้สืบต่อมาถึงชาตินี้อีก คล้ายดังโยนปลาที่เกยตื้นบนชายหาดให้กลับคืนสู่ทะเลโยนได้เท่าไรก็เท่านั้น เรื่องทารุณกรรมชีวิตมนุษย์นั้นหากหยุดยั้งได้ก็ขอได้หยุดยั้งไว้
อวิ๋นเยี่ยเตร็ดเตร่อยู่ในสวนหลังบ้านนานมาก ไม่ใช่ไม่คิดจะนอนแต่ได้นอนกลางวันไปมากเกินพอทำให้หลับไม่ลง เรื่องของความเจ็บปวดมีแค่เดี๋ยวเดียวก็พอได้ หากเจ็บปวดตลอดเวลาจะเป็นคนที่เหมือนเหลือบวัวควายไม่ได้พบจุดจบที่ดี
ซินเย่ว์พาสาวใช้เดินมาสองคนคนหนึ่งยกถาดไม้ บนถาดมีกับแกล้มสามสี่อย่างกับสุราหนึ่งกา การมีภรรยาเป็นเรื่องแสนประเสริฐนัก เมื่อครู่ตัวเองยังร้อนรนจนแกะเกาโน่นนี่ เวลานี้ก็มีคนส่งของกินมาให้
มีเต้าหู้หนึ่งจานผักหนึ่งจานปลาเล็กทอดหนึ่งจานกับเนื้อวัวอีกหนึ่งจาน อวิ๋นเยี่ยพอใจมากถูมือแล้วก็นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะหิน ซินเย่ว์ดันเขาขึ้นมาใหม่ปูเบาะบนม้าหินแล้วค่อยอนุญาตให้เขานั่ง แขวนตะเกียงไว้ในศาลาแล้วไล่สาวใช้กลับไป ในศาลาก็เหลือเพียงสองสามีภรรยาในทันที
“ท่านพี่อย่าได้แค้นเคือง ราชสำนักไม่มีเรื่องสะอาดอยู่แล้ว พวกเราก็อยู่ตามประสาพวกเรา ถือว่าไม่รู้ไม่เห็น ท่านจะไปหวังอะไรให้พวกโง่เง่าทำเรื่องที่ถูกใจท่าน พวกเราไม่ใช่ตระกูลยากไร้เงินอะไรก็จะรับหมด คืนนี้ท่านย่าได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเรารู้แล้ว น้องๆทั้งหมดต่างตกใจยิ่งนัก แต่ละคนต่างสาบานว่าจะไม่ทำเรื่องไร้ศีลธรรมดูแลแค่เรื่องในบ้านก็พอเรื่องภายนอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย”
พูดพลางรินสุราให้อวิ๋นเยี่ยพลาง เห็นอวิ๋นเยี่ยดื่มแล้วก็รินเพิ่มอีกแล้วพูดว่า “ท่านดื่มไปกินไป ฟังข้าพูดเรื่องสัพเพเหระคลายเครียด วันๆวุ่นอยู่แต่เรื่องงานต่างๆจนไม่ได้ดูแลบ้านกัน สามีเป็นของข้าทำไมต้องโดนเรื่องร้ายๆกวนใจทั้งวัน
“ท่านเป็นคนมีวาสนาเกิดมามีชะตาชีวิตเป็นคุณชาย ข้าฟังท่านอาเล่าว่าท่านเกิดในช่วงเวลาที่ตระกูลเดือดร้อนมากที่สุด ท่านแม่เพื่อแย่งชีวิตให้ท่าน พอคลอดแล้วก็อุ้มท่านพุ่งออกนอกประตู ท่านแม่เสียชีวิตแต่ท่านถูกเทพอาวุโสนำตัวไป มีชีวิตสุขสบายยิ่งกว่าลูกเศรษฐีไม่เคยลำบากแม้เพียงวันเดียว นี่หมายความว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยังไม่อยากให้ท่านต้องทนทุกข์ ลองคิดดูทั้งท่านแม่ท่านพ่อท่านปู่ ไม่ใช่ต่างยอมพลีชีพเพื่อให้ท่านอยู่ได้สบายขึ้นหรือ ดังนั้น ท่านจงอยู่อย่างสุขสบายในบ้านไม่ต้องไปคิดเรื่องเหลวไหลต่างๆ รอข้าคอยปรนนิบัติให้ท่านสุขสบายก็ดีแล้ว”
ได้ยินคำพูดปลอบประโลมของซินเย่ว์ อวิ๋นเยี่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร อยู่ในสภาพอีหลักอีเหลื่อ ได้แต่ลากซินเย่ว์ซุกไว้ที่อก ซินเย่ว์สะดุ้งทุบไหล่อวิ๋นเยี่ยสองทีแล้วจึงหัวเราะคิกๆฟุบแน่นิ่งอยู่ในอก
อุณหภูมิร่างของหนุ่มสาวสูงมากทั้งยังเป็นช่วงฤดูร้อน ร่างทั้งคู่อิงแอบเพียงครู่เดียวก็เหงื่อท่วมตัว เสื้อในแนบหน้าอกของซินเย่ว์คลายออกมาครึ่งหนึ่งโผล่ครึ่งหน้าอกออกมา กาสุราถูกทั้งคู่ดื่มหมดอย่างรวดเร็ว ซินเย่ว์ดื่มเพียงนิดเดียวก็ออกอาการโอบคออวิ๋นเยี่ยให้ดมกลิ่นน้ำหอมใหม่ที่เพิ่งใช้ทาตัว…