บทที่ 650 ความนิยม
หลังจากนีชกาและซาแมนธากลับไป เบิร์กเนอร์ก็เริ่มการพยากรณ์ในเรื่องนี้ หลังจากเตรียมการมานาน

เพล้ง ลูกแก้วคริสตัลในมือของเขาหล่นลงพื้นพร้อมเสียงแตก โชคดีที่ลูกแก้วหลอมขึ้นด้วยเวทมนตร์ มันจึงไม่แตกออก

เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด มองลูกแก้วบนพื้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ขณะที่พึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้? ทำไมเป็นแบบนี้?”

เป็นครั้งแรกที่เขาไม่เห็นอะไรจากการพยากรณ์ของเขา ไม่มีอะไรนอกจากม่านหมอก ราวกับว่าอนาคตยังไม่สามารถตัดสินได้

“มีอะไรขัดขวางการพยากรณ์ของข้า?”หลังจากเขาใจเย็นลง เขาก็เริ่มพิจารณาความเป็นไปได้อื่น ๆ

ตามทฤษฎีของสำนักโหราศาสตร์ อนาคตสามารถตัดสินได้จากสถานะต่าง ๆ ในปัจจุบัน และความผิดพลาดในการพยากรณ์เป็นเพราะข้อจำกัดของตัวผู้พยากรณ์ที่ไม่ได้หยั่งรู้ทุกเรื่องเหมือนกับ ‘ปีศาจธานอส’ ฉะนั้น คำพยากรณ์ของพวกเขาอาจไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่ไม่ได้พยากรณ์ในขณะที่ไม่ได้หยั่งรู้ทุกสิ่งอย่าง ผู้พยากรณ์ก็จะมองเห็นส่วนใดส่วนหนึ่งของอนาคต เขาไม่เคยมองไม่เห็นอะไรนอกจากหมอกปกคลุมแบบนี้มาก่อน!

เบิร์กเนอร์เชื่อว่าเขาเข้าใจการโต้แย้งโลกจุลภาคมากพอที่จะเห็นคำใบ้ที่คลุมเครือ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับตาลปัตรเหนือความคาดหมาย เขาช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็เริ่มพิจารณาเหตุผลอื่น

เดือนแห่งทองคำ (ตุลาคม) วนมาถึงพร้อมกับอากาศร้อนที่ค่อย ๆ สลายไป นักเวทในวิทยาลัยเวทมนตร์โฮลต์เริ่มตั้งตารอวารสารอาร์คานา เวทมนตร์ ธรรมชาติ และวารสารอื่น ๆ ฉบับใหม่ หลังจากผ่านมาสองสามเดือน นักเวทฝึกหัดที่ผ่านการสอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ชั้นสูงส่วนใหญ่ก็กลายเป็นนักเวทกันสำเร็จหมดแล้ว สัดส่วนความก้าวหน้าอยู่ที่ 2/3 อย่างโดดเด่น

และยังเพิ่มแรงจูงใจให้นักเวทฝึกหัดของวิทยาลัยเวทมนตร์โฮลต์และความลึกลับของ ‘การสอบเข้าวิทยาลัย’ ราวกับกลายเป็นมาตรฐานการสอบว่านักเวทฝึกหัดจะขึ้นเป็นนักเวทได้หรือไหม

ดังนั้น ในสำนักเวทมนตร์ดักลาส สำนักเวทมนตร์สาขาต่าง ๆ และในกลุ่มนักเวทฝึกหัด ตำรา เช่น ‘ตัวอย่างข้อสอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ชั้นสูง’ และ ‘การสอบลับของอีวานส์’ จึงกลายเป็นที่นิยม ไฮดี้ เลย์เรีย อัลฟาเรีย และสาว ๆ ก็ทำรายได้มากมายจากตัวอย่างข้อสอบพวกนี้

ก่อนเริ่มเรียนวิชาทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ เออร์เนสโตเข้ามาในห้องเรียนอีกครั้งและแจกวารสารให้กับพวกนักเวท ครั้งนี้ เขามีท่าทางปกติ ถ้าไม่ได้ดีใจออกนอกหน้า เพราะเขาไม่ต้องเรียนกลศาสตร์เมทริกซ์ที่น่าปวดหัวอีกต่อไป!

ท่าทางไร้กังวลของเขาทำให้เหล่านักเรียนรู้ว่าไม่มีเนื้อหาที่หักล้างในวารสาร ดังนั้น พวกเขาจึงเปิดและเริ่มสุ่มอ่านไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาอ่าน โอโนเร คลาร์ก และนักเรียนคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมา และตั้งหน้าตั้งตาอ่านอย่างกระหายใคร่รู้

บทความสองในสามเรื่องแรกของอาร์คานาฉบับนี้เป็นของบรูค และเรื่องที่สามเป็นของโอลิเวอร์ จากมุมมองสมารคลื่น ทั้งสองไขปัญหาของโมเดลไฮโดรเจน และผลก็สอดคล้องกับข้อมูลการทดลองหลาย ๆ ชิ้น ทั้งสองคนได้สร้างระบบการเล่นแร่แปรธาตุใหม่ที่ดูเหมือนจะแตกต่างจากกลศาสตร์เมทริกซ์โดยสิ้นเชิง มันเรียบง่าย ตรงไปตรงมา และเข้าใจได้ง่าย เสน่ห์ของวารสารอาร์คานากลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง!

“นี่สิอาร์คานา…” โอโนเรแสดงความเห็นเบา ๆ “ทั้งโลกของธาตุและแม่เหล็กไฟฟ้า สมการคลื่นโอลิเวอร์-บรูคจะเป็นหนึ่งในสมการคลาสสิกสามอับดับแรก นี่เป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่!”

คลาร์กก็เห็นด้วยกับเขา “ข้ารู้สึกเหมือนจะร้องไห้ตอนเห็นสมการคลื่น นี่คืออาร์คานา แทนที่จะเป็นปีศาจคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน! ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ข้าทำได้เพียงใช้กลศาสตร์เมทริกซ์เบื้องต้นเท่านั้น แต่ไม่ได้เข้าใจมันเลย แต่หลังได้ศึกษาสมการคลื่นมาเพียงหนึ่งเดือน ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจโครงสร้างภายในของอะตอม และได้เรียนรู้ว่าทุกอย่างในโลกจุลภาคมีเสน่ห์มาก!”

“อีกอย่างนะ กลศาสตร์คลื่นที่พวกท่านสร้างขึ้นอาศัยทฤษฎีอาร์คานาคลาสสิกแทนนที่จะตัดทิ้งไปเสียทั้งหมด คณิตศาสตร์จะใช้เป็นวิธีคิดเท่านั้น ความสำเร็จของท่านอีวานส์ช่างยิ่งใหญ่ แต่ก็ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับ ‘คนธรรมดา’ อย่างพวกเราที่จินตนาการถึงและเข้าใจ” เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่นั่งอยู่ติดกับเขาเห็นด้วย

โอโนเรอ่านบทความต่อไปขณะที่พูดขึ้นอย่างจริงใจ “ข้าจะอุทิศชีวิตให้มันในปีหน้า ข้าจะศึกษาปริศนาพวกนี้ทุกวัน ฮ้า ท่านโอลิเวอร์ได้เสนอทฤษฎีเพื่ออธิบายสาเหตุที่อิเล็กตรอนมีลักษณะเหมือนอนุภาค มันเรียกว่า ‘กลุ่มคลื่น’ ใช่ไหม?”

ทฤษฎีไม่ซับซ้อนมากนัก โดยอ้างว่าเส้น (คลื่น) พันกันยุ่งเหยิงกลายเป็นลูกบอล เนื่องจากเส้นพวกนั้นเสื่อมสลายเร็วเมื่อกระจายตัวออกไป จนดูรวม ๆ เหมือนลูกบอล กลุ่มคลื่นที่พองตัวทำให้คลื่นมีลักษณะเหมือนอนุภาค

เมื่อยอมรับคำอธิบายนั้น คลาร์ก ในฐานะผู้สนับสนุนทฤษฎีคลื่น ก็รู้สึกเบิกเบินขึ้นมาก เขาเชื่อว่านี่คือความเป็นจริงของโลกจุลภาคที่เปิดเผยกฎที่ลึกที่สุดของโลกควอนตัม

เขากำลังจะร้องอุทานว่าลักษณะอนุภาคก็รวมอยู่ในคลื่น เมื่อเขาเห็นบทความของดักลาส เฟอร์นันโด แฮททาเวย์ และเฮลเลน นั่นพิสูจน์ให้เห็นได้คร่าว ๆ ว่ากลศาสตร์คลื่นเท่าเทียมกับกลศาสตร์เมทริกซ์ในเชิงคณิตศาสตร์ และนำเสนอการเปลี่ยนแปลงเชิงอาร์คานาที่ไม่สอดคล้องกับกฎการสลับที่

“…ระบบการเล่นแร่แปรธาตุใหม่ทั้งสองระบบเท่ากัน…” คลาร์กโพล่งออกมาอย่างช่วยไม่ได้

โอโนเรอ่านมาถึงส่วนนี้เหมือนกัน “ข้อพิสูจน์ของดักลาสเข้าใจได้ง่ายที่สุด แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีกฎคณิตศาสตร์เข้มงวด… ถ้ามันเท่ากัน แล้วคุณสมบัติคลื่นกับคุณสมบัติอนุภาคเท่ากันด้วยไหม? อนุภาคขนาดเล็กเป็นวัตถุใหม่ที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อนเหมือนที่ท่านอีวานส์บอกจริงไหม แล้วเราต้องอธิบายตามผลการทดลองจริง ๆ แทนการใช้แนวคิดก่อนหรือเปล่า?”

ไม่ใช่เพราะเราเข้าใจบทความสองสามชิ้น แต่เพราะพวกเขายอมรับว่ายังไม่มีวิธีเชิงคณิตศาสตร์ที่เข้มงวดพอจะพิสูจน์ความเท่ากัน

“ก็น่าจะ” คลาร์กตอบ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดลองเลี้ยวเบนอิเล็กตรอน เขาก็ยอมรับคำอธิบายนั้น เขาจึงอุทานออกมาด้วยความดีใจอีกครั้ง “เนื่องจากทั้งสองระบบเท่ากัน เราต้องเรียนเฉพาะกลศาสตร์คลื่นในอนาคตเท่านั้น และไม่ต้องปวดหัวกับปีศาจคณิตศาสตร์ที่น่ากลัวอีกแล้วใช่ไหม?”

“แน่นอน!” นักเวทรอบๆ ตอบขึ้นพร้อมกัน

คลาร์กยิ้มให้โอโนเร “เดือนที่แล้ว เจ้าบอกว่าตำราการเล่นแร่แปรธาตุใหม่อาจมีการเปลี่ยนแปลง ข้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าต้องขอโทษเจ้าแล้วล่ะ ข้าคาดการณ์ผิด แต่ข้าดีใจมากที่ข้าคิดผิด!”

“ต้องเปลี่ยนตำรามากี่ครั้งแล้วนะ?” แม้จะดีใจ แต่โอโนเรก็รู้สึกกระวนกระวาย เมื่อการเปลี่ยนตำราถาโถมเข้ามาเหมือนพายุ ในยุคนี้ การไม่ทำงานให้หนักก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และจะไม่มีโอกาสไล่ตามทันได้แล้ว

พวกเขาใช้เวลาที่มีก่อนเริ่มเรียน อ่านสำรวจดูวารสารต่าง ๆ แล้วดวงตาก็ต้องเบิกกว้างอีกครั้ง “โมเดลสมติฐานการสปินอิเล็กตรอนรึ?”

“นี่มันอธิบายปรากฏการณ์การแยกที่ผิดปกติได้ดีมาก ๆ แต่ความเร็วของการสปินบนพื้นผิวคิดเป็นสิบเท่าของความเร็วแสง นั่นมันผิดทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ!” คลาร์กข้ามเนื้อหาส่วนนี้ไปดูที่บทสรุป

เสียงอุทานดังก้องไปในห้องเรียน พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าบทความนี้จะได้ตีพิมพ์ในวารสาร ‘อาร์คานา’ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดอย่างไรก็ตาม เมื่ออ่านต่อไป พวกเขาก็เจอกับบทความอีกชิ้นจากแอนนิคและสปรินต์ที่แก้ปัญหาการสปินด้วยกลศาสตร์เมทริกซ์ และผลที่ได้รับก็ไม่เป็นที่สงสัย ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เห็นบทความของท่านอีวานส์เรื่องกลศาสตร์เมทริกซ์เกี่ยวกับปัญหาการสปิน เขาทำนายว่าค่าที่ถูกคำนวณบางค่าในการทดลองให้ผลผิดตามโมเดลและยืนยันความถูกต้องของการสปินไปในตัว

แน่นอน เขายังสามารถอธิบายความเร็วของการสปินบนพื้นผิว คนจะได้ไม่ต่อต้านทฤษฎีการสปิน

โมเดลการสปินของแอนนิคกับสปรินต์ไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนหนึ่งก็เพราะทั้งสองส่งบทความให้ตรวจสอบเท่านั้น จนกว่าจะรับมือกับกลศาสตร์เมทริกซ์ได้ และได้รับการสนับสนุนจากบทความของลูเซียน อีกส่วนหนึ่งก็เพราะความสนใจของเหล่าจอมเวทในตอนนี้คือกลศาสตร์คลื่นที่เปล่งประกายในทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น!

“ถ้าอย่างนั้น เลขควอนตัมสี่ตัวในทฤษฎีความเข้ากันไม่ได้ของเฟอร์นันโดก็ถูกค้นพบทั้งหมดแล้ว” โอโนเรพบว่าทุกบทความในวารสารในไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสามารถติดอันดับสูงสุดในอาร์คานาในรอบสิบปีก่อน อย่างไรก็ตาม ก็ยังตามหลังหรือตีพิมพ์ได้เฉพาะกับวารสารเวทมนตร์หรือธรรมชาติในตอนนี้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม คลาร์กกลับคิดถึงเรื่องอื่น “ท่านอีวานส์ลงบทความสองชิ้น เรื่องแรกเกี่ยวกับการสปิน และอีกเรื่องเป็นการสนับสนุนสถิติของโคล ทั้งสองเรื่องไม่ได้กล่าวถึงกลศาสตร์คลื่น หมายความว่า…”

พวกเขาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต ดูเหมือนความเงียบงันจะเป็นลางบอกเหตุถึงพายุร้าย เมื่อท่านอีวานส์ตีพิมพ์บทความเรื่องกลศาสตร์คลื่น ก็คงมีฝนสีแดงปนขาวด้วยเลือดและสมองตกหนักอีกครั้ง?

“ตอนนี้ระบบการเล่นแร่แปรธาตุใหม่สองระบบพิสูจน์ความเท่ากัน ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่…” โอโนเรปลอบใจตัวเอง ก่อนที่จะหายใจยาว ๆ “ตอนนี้ความถูกต้องของกลศาสตร์คลื่นไม่มีข้อกังขา และคำอธิบายฟังก์ชันคลื่นก็ได้รับการเสนอโดยท่านโอลิเวอร์ ดูเหมือนว่ารางวัลอีวานส์สาขาอาร์คานารางวัลที่สองจะตกเป็นของพวกเขา”

“พวกเขาจะได้รางวัลเหรียญจันทราสีเงินกับแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มด้วย” คลาร์กพูดอย่างชื่นชม “แต่ทำไมน้ำเสียเจ้าฟังดูอิจฉา โอโนเร? มีแค่มหาจอมเวทเท่านั้นที่จะคว้ารางวัลระดับนั้นได้!”

โอโนเรส่ายหน้า “ข้าอิจฉาท่านแอนนิคกับท่านสปรินต์ สมมติฐานการสปินอิเล็กตรอนของพวกเขาได้พัฒนาโมเดลการเล่นแร่แปรธาตุใหม่ในปัจจุบัน แม้พวกเขาจะไม่ได้รางวัลอีวานส์สาขาอาร์คานา แต่พวกเขาจะได้รางวัลเหรียญจันทราสีเงินกับแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มแน่นอน แค่คิดว่าพวกเขาอายุรุ่นเดียวกับเรา…”

“นั่นก็จริง…” คลาร์กหมดคำพูด พวกเขาอายุใกล้ ๆ กัน แต่นักเรียนก็ยังต้องทำงานหนักให้ได้เป็นนักเวทระดับกลางในวิทยาลัยเวทมนตร์โฮลต์ ขณะที่พวกเขาก็หวังจะได้เกียรติยศสูงสุดในสาขาของตน นี่ยังไม่ได้พูดถึงการที่พวกเขาขึ้นเป็นจอมเวทและนักเวทชั้นกลางมาแล้วตั้งนาน

ถ้าข้ามีอาจารย์เก่ง ๆ เหมือนพกวเขา… เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตัวเอง

หลังจากชั้นเรียนจบลง โอโนเรก็กลับไปยังหอพักและหยิบบันทึกส่วนตัวขึ้นมาเขียนความรู้สึกของเขาวันนี้ลงไป

“… ข้ารู้สึกรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าอาร์คานาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เหมือนจู่ ๆ ปริศนาของโลกก็ประดังประเดเข้ามาเหมือนกับคลื่นทะเล ทาบทับโลกแห่งอาร์คานาและเวทมนตร์ด้วยสีทองเรืออร่าม ทุกคนต่างถวิลหามัน… ในยุคทองที่แสนบ้าคลั่ง แม้แต่จอมเวทระดับสองก็สามารถคว้าความสำเร็จระดับหนึ่งได้!”

“… กลศาสตร์คลื่นเป็นอัญมณีที่เรืองรองที่สุดแห่งปี และการพิสูจน์เบื้องต้นถึงความเท่ากันของการเล่นแร่แปรธาตุทั้งสองระบบดูเหมือนจะบอกว่าปีนี้กำลังจะจบลงอย่างสงบสุข”

………………………………………………………