ตอนที่ 745 เทียบท้าดวลจากผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้า โดย ProjectZyphon
ด้านนอกโถงทองคำปราศจากสุ้มเสียง
แม้ผู้ฝึกปราณที่มุงดูเรื่องสนุกจะมีมาก ทว่าตอนที่มองเห็นคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจล้นฟ้าระดับกู่เทียนจางนำขบวนคนชั้นแนวหน้าตระกูลกู่รุดหน้ามา แสดงท่าทางพินอบพิเทายอมรับผิดโดยดุษณี ใครจะไม่ตกใจบ้าง
เมื่อก่อนข่าวลือที่เกี่ยวกับหลินสวินในนครต้องห้ามมีมากเหลือคณา วีรกรรมในตำนานของเขายังเป็นที่รู้จักแม้แต่ในหมู่สตรีและเด็ก
ทว่าอย่างไรเสียเรื่องพวกนี้ก็เป็นข่าวลือ แต่เมื่อมองเห็นภาพนี้เข้า ในที่สุดคราวนี้ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างก็ตระหนักว่าอำนาจของหลินสวินแข็งแกร่งเพียงใด!
ผู้เป็นใหญ่แห่งตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางคนหนึ่งมาขอโทษด้วยตัวเองถึงที่ ยิ่งสะท้อนให้เห็นเลาๆ ว่าอำนาจอิทธิพลในนครต้องห้ามยามนี้ของหลินสวินน่าตกใจเพียงใด
ภายในโถงทองคำ กู่ยงที่คุกเข่าลงบนพื้นทรุดตัวลงโดยสิ้นเชิง แม้แต่ผู้นำตระกูลยังมาทันทีที่ได้ยินข่าว เอ่ยขอโทษด้วยตัวเอง สิ่งนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่าครั้งนี้ประสบหายนะใหญ่หลวงเข้าให้จริงๆ แล้ว!
แม้วันนี้จะสามารถพ้นเคราะห์ไปได้ แต่ต่อจากนี้ในตระกูลกู่ย่อมไม่มีที่ให้ตนยืนอีกต่อไปแล้ว!
เมื่อนึกถึงจุดนี้กู่ยงแทบร้องไห้ออกมา เขาไหนเลยจะคาดคิด เพียงแค่พุ่งเป้าใส่เด็กที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่งในตระกูลเท่านั้น ไฉนถึงได้ดึงเอาบุคคลโหดเหี้ยมที่อำนาจทั่วนครหลวงอย่างผู้นำภูเขาชำระจิตมาด้วยเสียได้
ส่วนคนตระกูลกู่ที่มาพร้อมกับกู่ยง เวลานี้ต่างก็มีท่าทีร้อนรนกันทั้งสิ้น
เมื่อครู่พวกเขายังทำทีอวดเบ่งสำแดงอำนาจ ทุบทำลายโถงทองคำอย่างสามหาว หยิ่งผยองไร้ยางอายอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับห่อเหี่ยวมะเขือถูกน้ำค้างแข็งปกคลุมก็มิปาน
“ผู้นำตัวจริงมาแล้ว เจ้าวางแผนจะจัดการอย่างไร”
หลินสวินเหลือบมองกู่เทียนจางและคนอื่นๆ ที่อยู่นอกโถงทองคำแบบส่งๆ แล้วเคลื่อนสายตามองกู่เหลียง
เวลานี้กู่เหลียงก็อึ้งงันเล็กน้อย เขาเองก็ค่อนข้างตกใจเช่นกัน ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้พูดมากความอะไรเลยสักนิด และไม่ได้ทำอะไรด้วย แต่ตอนนี้กู่เทียนจางกลับนำขบวนคนชั้นแนวหน้าของตระกูลกู่มาขอโทษด้วยตัวเองถึงที่!
สิ่งนี้ทำให้กู่เหลียงปรับตัวไม่ทันอยู่บ้าง สักพักกว่าจะตระหนักได้ในที่สุด ว่าหลินสวินในตอนนี้แตกต่างจากหลินสวินที่ตนรู้จักอย่างสิ้นเชิงมานานแล้ว
“ข้า…”
กู่เหลียงอ้าปากหมายจะเอ่ยคำ กลับเห็นกู่เทียนจางและคนใหญ่คนโตเบื้องบนที่อยู่นอกโถงล้วนส่งสายตามองมาที่เขากันหมด ในสายตาถึงกับเจือแววขอร้องอยู่รำไร
สิ่งนี้ทำให้กู่เหลียงค่อนข้างสับสนไปพักหนึ่ง
หากพูดกันถึงที่สุดแล้ว เขาก็นับว่าเป็นคนตระกูลกู่เช่นเดียวกัน เพียงแต่ปีนั้นถูกขับไล่ออกจากตระกูลก็เท่านั้น
ที่ผ่านมากู่เทียนจางและคนในตระกูลพวกนี้แม้จะทำให้กู่เหลียงชิงชังหาที่เปรียบมิได้ แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากเกินไป
ทว่าตอนนี้เมื่อมองเห็น ‘พวกคนใหญ่คนโต’ เหล่านี้แต่ละคนกลับใช้ท่าทีวิงวอนมองมาที่ตน การเปลี่ยนแปลงชวนขันระดับนี้ ทำให้กู่เหลียงไม่อยากเชื่อไปชั่วขณะเลยทีเดียว
หลินสวินมองออกถึงความลังเลของกู่เหลียง กล่าวว่า “หากมีความแค้นที่คลี่คลายไม่ออก ก็ให้ข้าช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้เอง…”
ครั้นได้ยินประโยคนี้ หัวใจของพวกกู่เทียนจางที่อยู่นอกโถงพลันรัดแน่นรุนแรง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถ้าหากเด็กหนุ่มเทพมารที่โหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบอย่างหลินสวินเป็นคนลงมือ เช่นนั้นต่อให้พวกเขาตระกูลกู่เดิมพันทุกสิ่งที่มี กลัวแต่ว่ายังทำอะไรไม่ได้สักกระผีกด้วยซ้ำ!
สิ่งที่ทำให้พวกเขาลอบรู้สึกโชคดีคือ ไม่รอให้หลินสวินพูดจบก็ถูกกู่เหลียงตัดบท “ให้ข้าจัดการเองดีกว่า”
ประโยคเดียวทำให้พวกกู่เทียนจางรู้สึกผ่อนคลายทันที รู้สึกเหมือนปลดพันธนาการก็ไม่ปาน ราวกับจัดการภาระหนักอึ้งได้แล้ว
และในเวลานี้สายตาหลินสวินมองมาทางพวกเขา ถึงแม้สีหน้าจะราบเรียบ แต่กลับทำให้พวกกู่เทียนจางใจสะท้าน ก้มหน้างุดลงตามๆ กัน ถึงกับไม่กล้าสบตาหลินสวิน!
“โถงทองคำแห่งนี้เดิมก็มีส่วนของข้าอยู่ ตอนนี้กลับถูกคนของพวกเจ้าทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะมีคำอธิบายที่ทำให้ข้าพอใจได้” หลินสวินกล่าวเอื่อยๆ
กู่เทียนจางเหงื่อกาฬท่วมศีรษะ รีบร้อนกล่าวว่า “คุณชายหลินโปรดวางใจ เรื่องนี้ตระกูลกู่ของข้าจะต้องชดเชยให้สิบเท่าร้อยเท่าแน่ และจะลงโทษผู้กระทำความผิดอุกฉกาจโดยไม่ผ่อนปรน!”
กล่าวจบ ภายในใจของเขาก็อดกราดเกรี้ยวขึ้นมาไม่ได้ แทบอดรนทนไม่ไหวอยากตบพวกกู่ยงให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ แหย่ใครไม่แหย่ ดันไปแหย่เด็กหนุ่มปีศาจอย่างหลินสวิน!
หรือไม่รู้ว่าสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉินล้วนถูกเด็กหนุ่มปีศาจคนนี้โจมตีจนบอบช้ำเต็มที ท้ายที่สุดก็ต้องจำยอมอย่างเสียไม่ได้
ไม่พูดเรื่องพวกนี้ ลำพังแค่ความโปรดปรานที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันมีต่อเด็กหนุ่มปีศาจคนนี้ ทั่วทั้งนครต้องห้ามแห่งนี้ ใครแม่งยังจะเบื่อชีวิตจนไปแหย่เจ้าเด็กนี่กัน
แต่ทั้งที่เป็นเช่นนั้น…
เจ้าสารเลวพวกนี้ดันไม่มีตา!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู่เทียนจางก็เกิดอยากฆ่าคนขึ้นมาเสียแล้ว
หลินสวินเห็นดังนี้ ก็รู้ว่ากู่เหลียงคงไม่มีความคิดจะมาสังสรรค์พูดคุยกันแน่ จึงกล่าวอำลาทันทีว่า “รอเจ้าจัดการเรื่องพวกนี้แล้วค่อยมาหาข้าที่ภูเขาชำระจิต พวกเรามาดื่มกันสักยกเถอะ”
“ดี!”
กู่เหลียงตกปากรับคำอย่างมีความสุข
หลินสวินไม่รอช้าอีกต่อไป กล่าวอำลาแล้วจากไปพร้อมกับหลินจงทันที ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมองไปทางพวกกู่เทียนจางเลย
ส่วนด้านนอกโถงทองคำ ผู้ฝึกปราณที่ชมเรื่องครึกครื้นทั้งหมดเห็นว่าหลินสวินเดินออกมาแล้ว ต่างกระวีกระวาดปรี่เข้ามาทักทายปราศรัยอย่างกระตือรือร้น
“คุณชายหลินสวิน พวกข้าเลื่อมใสท่านมานานแล้ว ไม่ทราบว่าร่วมดื่มเหล้ากับท่านสักจอกได้หรือไม่”
“ปฐมาจารย์หลิน ข้าคือนักสลักวิญญาณจากมณฑลซีหนาน ขอเรียนถามท่านว่ารับศิษย์หรือไม่”
ผู้ฝึกปราณเหล่านี้มีสายตาร้อนแรง กระตือรือร้นยิ่งนัก ท่าทางที่แสดงออกเปี่ยมด้วยความเลื่อมใส ห้อมล้อมเบียดเสียดกันอยู่บนถนนที่หลินสวินกำลังมุ่งไป ดูตระการตาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณชายหลิน ได้ยินว่า… ได้ยินว่าจนถึงตอนนี้ท่านยังไม่ได้แต่งงาน”
กระทั่งสาวน้อยอรชรบางคนก็ยังรวบรวมความกล้าก้าวมาข้างหน้า ล้วงหยกประดับที่พกติดตัวออกมาด้วยความรักหยาดเยิ้ม หมายจะมอบให้หลินสวินด้วยดวงหน้าแดงซ่าน
หลินสวินรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างโดยพลัน ยังดีที่มีหลินจงคอยช่วยคุ้มกันอยู่ตลอดทาง ถึงได้แทรกตัวออกมาจากฝูงชนที่แสนกระตือรือร้นได้
ส่วนพวกกู่เทียนจางเมื่อมองเห็นภาพนี้ ภายในใจล้วนอดปลงตกไม่ได้ คุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง ดูจากภาพนี้ก็รู้ได้ว่าสมญานามนี้… หาใช่คุยโวออกมาไม่!
เมื่อสายตาของกู่เทียนจางกวาดมองผ่านกู่เหลียงที่อยู่ไกลออกไปโดยไม่ตั้งใจ ในใจพลันกระตุก ‘ถ้าหากสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องในวันนี้ เผลอๆ อาจจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี กระชับความสัมพันธ์กับตระกูลหลินได้…’
เมื่อนึกถึงตรงนี้กู่เทียนจางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คลี่รอยยิ้มโอบอ้อมแล้วเดินเข้าไปในโถงทองคำ ถอนหายใจกล่าวว่า “กู่เหลียง หลายปีมานี้พวกเราตระกูลกู่ผิดต่อเจ้ากับพ่อของเจ้าเหลือเกิน เฮ้อ ผู้อาวุโสอย่างข้าในใจรู้สึกผิดบาปมากจริงๆ…”
……
บุญคุณความแค้นภายในระหว่างกู่เหลียงกับตระกูลกู่ หลินสวินไม่คิดจะยื่นมือเข้าแทรก เขาเชื่อว่าในเมื่อตระกูลกู่รู้ความสัมพันธ์ของตนกับกู่เหลียงแล้ว จะต้องไม่กล้ามีความคิดไม่ดีใดๆ ต่อกู่เหลียงอีกเป็นแน่
เพียงแต่ขณะที่หลินสวินนั่งอยู่บนเกี้ยวสมบัติ เพิ่งเตรียมกลับภูเขาชำระจิตนั้น กลับเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งขวางอยู่หน้าเกี้ยวสมบัติของตน
“เจ้าก็คือหลินสวิน?”
เด็กหนุ่มคนนี้สวมชุดนักพรตสีพื้น ผมยาวมัดเป็นมวย ดูแล้วอายุยังน้อย ราวๆ สิบกว่าปี ทั่วสรรพางค์กายมีกลิ่นอายโดดเด่นพิสุทธิ์
เพียงแต่นัยน์ตาของเขากลับเจือแววทระนงรางๆ เสี้ยวหนึ่ง แม้กระทั่งคำพูดจายังเรียกชื่อของหลินสวินโต้งๆ
“นี่เป็นเจ้าเด็กบ้านไหนกัน พูดจาอันใดอยู่ รีบๆ หลบไปให้พ้น อย่ามาขวางทางคุณชายหลิน!” ผู้ฝึกปราณบางคนที่อยู่ข้างๆ ไม่พอใจยิ่งนัก ต่างพากันส่งเสียงประณาม คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ช่างไร้มารยาทเกินไปแล้ว
เด็กหนุ่มหล่อเหลายืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน มุมปากเป็นเส้นโค้งเสี้ยวหนึ่ง ยืนนิ่งไม่ไหวติง มองข้ามคำด่าทอพวกนี้
“ไม่ผิด”
หลินสวินพยักหน้า เขาสัมผัสได้อย่างฉับไวว่ากลิ่นอายบนตัวเด็กหนุ่มหล่อเหลาคนนี้ไม่ปกติยิ่ง มีท่วงทำนองเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง
“ข้าชื่อเฉินเฟิง มาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า เจ้านายของข้าคือศิษย์สืบทอดสายในชิงเจ๋อ”
เด็กหนุ่มหล่อเหลาแนะนำตัวเอง เห็นชัดยิ่งว่าเขาเป็นแค่ผู้ติดตามคนหนึ่ง แต่ท่าทางของเขากลับเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด มีความทะนงตัวที่ซ่อมคมอยู่ มั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างชัดเจน
สำนักกระบี่เทียมฟ้า!
หัวใจของหลินสวินไหววูบ ปากกลับกล่าวว่า “อ้อ เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องใด”
พร้อมกันนั้นผู้ฝึกปราณละแวกใกล้เคียงต่างนึกคลางแคลงใจ ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ผู้ฝึกปราณอาวุโสบางคนยิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพราะพวกเขาต่างรู้ดี สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นสำนักเก่าแก่แห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ รากฐานแข็งแกร่ง เพียงพอจะดูแคลนโลกแห่งการฝึกปราณทั่วทั้งจักรวรรดิได้!
“ข้ามาเยือนตามประสงค์เจ้านาย ส่งเทียบท้าดวลฉบับหนึ่งให้เจ้าโดยเฉพาะ”
เฉินเฟิงล้วงซองจดหมายสีทองที่ปิดผนึกฉบับหนึ่งออกมา แล้วส่งมันเข้ามาด้วยการดีดนิ้วผ่านอากาศ การกระทำเช่นนี้ไม่อาจเรียกได้ว่ามีมารยาทแล้ว
ขอเพียงไม่โง่ก็ล้วนรับรู้ได้ว่า เฉินเฟิงคนนี้มีความเย่อหยิ่งซุกซ่อนอยู่ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้ติดตามคนหนึ่ง กลับไม่เคยเห็นหลินสวินอยู่ในสายตา!
สิ่งนี้ทำให้ในใจของผู้ฝึกปราณจำนวนมากในที่นั้นอึดอัด ขมวดคิ้วไม่หยุด หลินสวินในตอนนี้เป็นถึงผู้กล้าไร้เทียมทานที่มีชื่อเสียงทั่วหล้า มีความสำเร็จเรืองรองมากมาย แต่ตอนนี้กลับถูกผู้ติดตามคนหนึ่งหยาบหยาม ท่าทีเช่นนี้มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด
กลับเห็นว่าหลินสวินหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวว่า “กลับไปบอกเจ้านายของเจ้า ข้ายุ่งมาก ไม่มีเวลามาเล่นเรื่องน่าเบื่อพรรค์นี้กับเขาหรอก”
ยามพูด ก็เห็นเทียบท้าดวลที่ปิดผนึกฉบับนั้นไหววูบโดยพลันแล้วลอยคว่ำกลับไป โปรยตกลงแทบเท้าเฉินเฟิงคนนั้น
ส่วนหลินสวินกลับนั่งบนเกี้ยวสมบัติไปตั้งนานแล้ว
“หลินสวิน เจ้าไม่ได้มีสมญานามว่าอำนาจทั่วนครหลวงหรอกหรือ เหตุใดแม้แต่การท้าดวลของเจ้านายข้ายังไม่กล้ารับไว้”
เฉินเฟิงหาได้เดือดดาลไม่ เพียงแต่มองไปยังเกี้ยวสมบัติ น้ำเสียงเจือแววเหยียดหยามรำไร
“ไป”
หลินสวินคร้านจะสนใจคนผู้นี้ สั่งหลินจงบังคับเกี้ยวสมบัติจากไป
“เจ้าหนู ถ้าเจ้ากล้าขวางทาง ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าเจ้า!”
สายตาของหลินจงเย็นเยียบ กวาดมองเฉินเฟิง
กล่าวพลางบังคับเกี้ยวสมบัติ มุ่งหน้าจากไป
เดิมเฉินเฟิงหมายจะขัดขวาง แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นเยียบแน่วแน่ของหลินจง นัยน์ตาเขาพลันหดเกร็งลง ท้ายที่สุดก็หยุดเท้าอยู่ตรงนั้น
“หลินสวิน ลืมบอกเจ้าไป การท้าดวลครั้งนี้เจ้าไม่อยากรับก็ต้องรับ คอยดูเถอะ เรื่องที่เจ้านายของข้าตัดสินใจแล้ว ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ทั้งนั้น”
เฉินเฟิงเอ่ยเสียงดังกังวาน ความดังของเสียงทำให้ผู้ฝึกปราณละแวกใกล้เคียงได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง พวกเขาต่างตระหนักได้ว่าเรื่องราวเปลี่ยนเป็นไม่ชอบมาพากลยิ่งนัก
แค่การท้าดวลเท่านั้น เดิมสามารถปฏิเสธได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฟังจากความหมายในคำพูดของของเฉินเฟิงคนนั้น เจ้านายของเขาตัดสินใจไปแล้วว่าจะสู้กับหลินสวินให้ได้!
ศิษย์สืบทอดสายในคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้าจากดินแดนรกร้างโบราณ กลับยืนกรานจะทำเช่นนี้ นี่เห็นได้ชัดว่าผู้มามีเจตนาร้าย!
และในวันนั้นเอง นครต้องห้ามฮือฮากันยกใหญ่ ต่างก็แพร่ข่าวที่หลินสวินปรากฏตัวในโถงทองคำหลังจากนิ่งเงียบมาครึ่งปี
ขณะเดียวกัน ข่าวที่เกี่ยวกับชิงเจ๋อศิษย์สืบทอดสายในแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าส่งเทียบท้าดวลหลินสวินก็แพร่กระจายดั่งไฟป่า ก่อให้เกิดคลื่นลมใหญ่
ขุมอำนาจแต่ละฝ่ายต่างตื่นตกใจ เริ่มให้ความสนใจขึ้นมา ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากเงียบหายไปครึ่งปี หลินสวินเพิ่งโผล่หัวมาก็เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว
ผู้สืบทอดแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าหมายท้าดวลหลินสวิน นี่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน!
ขุมอำนาจมากมายต่างพากันเคลื่อนไหว เริ่มสืบข่าวของ ‘ชิงเจ๋อ’ ผู้นี้ ยามไม่สืบก็ไม่รู้ แต่ครั้นสืบดูก็ตกใจสะดุ้งโหยง
ประวัติความเป็นมาและความแข็งแกร่งของชิงเจ๋อผู้นี้ เกินความคาดหมายของทุกผู้คนโดยสิ้นเชิง!
——