บทที่ 1092 ความหึงห่วงอันรุนแรง

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1092 ความหึงห่วงอันรุนแรง

“แครก แครก……”

ตัวของกู้ชูหน่วนเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางก็ยังพยายามอย่างมากเพื่อรักษาและถอนพิษให้กับเยี่ยจิ่งหานและอาม่อ

เวลานี้นางแทบทนไม่ไหวแล้ว

เพียงแต่การต่อสู้ในสนามชานฉุ่ยยังคงรุนแรง นางจึงต้องรีบไกล่เกลี่ยให้เร็วที่สุด

และนางไม่ได้พูดในฐานะของจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง แต่พูดในฐานะภรรยาของเหวินเส่าอี๋ อย่างน้อยเผ่าเพลิงฟ้าก็ต้องเห็นแก่หน้าของนางบ้าง

แต่ที่ไหนได้ เผ่าเพลิงฟ้ากลับไม่ไว้หน้านางเลย ปฏิเสธนางโดยตรง

กู้ชูหน่วนระงับความโกรธในใจ “ฟังจากคำพูดของผู้อาวุโสทั้งสอง ดูเหมือนว่าจะมีปัญหากับข้า?”

“พวกข้าไม่กล้ามีปัญหากับท่าน เวลานี้ท่านเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง ทำทุกอย่างได้เพียงพลิกฝ่ามือ เป็นผู้ควบคุมอำนาจ หากวันนี้สามารถควบคุมกองกำลังของรัฐอี้ได้อีก กำลังทหารของท่านก็จะแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“ท่านที่สูงส่งถึงเพียงนั้น เหตุใดถึงได้มาสนใจเผ่าเพลิงฟ้าเล็ก ๆ อย่างพวกข้า”

อ่า……

ด้วยน้ำเสียงและความหมายในคำพูด

แล้วยังบอกว่าไม่มีปัญหากับนาง?

“เผ่าเพลิงฟ้านั้นแข็งแกร่ง กองทัพของรัฐอี้เองก็ไม่ได้อ่อนแอ หากบีบคั้นพวกเขามากเกินไป ไม่แน่ว่ากองทัพรัฐอี้ที่ยอมจำนนต่อรัฐปิงอาจจะหันมาต่อต้าน จริงอยู่ว่าข้าเป็นจักรพรรดินี แต่เกรงว่าข้าเองก็ไม่อาจหยุดยั้งพวกเขาได้ พวกเจ้าอยากเห็นคนของเผ่าเพลิงฟ้านองเลือดและล้มตายอย่างอนาถเพราะแผ่นอักษรสีเหลืองอย่างนั้นหรือ?”

“ในสนามรบ ความเป็นความตายเป็นแค่เรื่องธรรมดา เผ่าเพลิงฟ้าของพวกข้าไม่กลัวพวกเขา หากต้องการสู้กันขึ้นมา ใครจะแพ้หรือชนะก็ยังไม่รู้”

ผู้อาวุโสทั้งสองเป็นคนดื้อรั้น

หากไม่ใช่ว่าเหวินเส่าอี๋ยังหมดสติอยู่

และรองหัวหน้าเผ่าหายตัวไป

ผู้อาวุโสซึ่งมีอำนาจอยู่ในครอบครองก็คงไม่ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเองเช่นนี้

นางเองก็ไม่อยากเจรจากับผู้อาวุโสดื้อรั้นสองคนนี้เช่นกัน

“สิ่งที่พวกเจ้าต้องการมีเพียงแผ่นอักษรสีเหลือง หากพวกเจ้ายอมถอนทัพกลับไป ข้าขอรับปากกับพวกเจ้า ข้าจะเป็นคนนำแผ่นอักษรสีเหลืองไปมอบให้กับพวกเจ้าด้วยตัวเอง”

“เกรงว่าฝ่าบาทเองก็คงจะพูดกับคนของกองทัพรัฐอี้เช่นนี้ แผ่นอักษรสีเหลืองสามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว หากฝ่าบาทมอบให้พวกเขาก่อน จากนั้นค่อยนำมาให้พวกข้า เช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับแผ่นกระดาษไร้ค่า”

แผ่นอักษรสีเหลืองสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว?

เหตุใดจึงไม่มีใครบอกกับนาง?

กู้ชูหน่วนหันไปมองฝูกวง

ฝูกวงส่ายหน้า

เขาเองก็ไม่รู้ว่าแผ่นอักษรสีเหลืองสามารถใช้งานได้เพียงแค่ครั้งเดียว

“หากฝ่าบาทรับปากว่าจะช่วยนำแผ่นอักษรสีเหลืองมาให้พวกข้า และรอให้พวกข้าใช้มันเสร็จค่อยมอบให้กับกองทัพรัฐอี้ เช่นนั้นพวกข้าก็จะรับปากและยินดีที่จะถอนทัพ”

“แคก แคก แคก……”

กู้ชูหน่วนปิดปากและไอออกมา เมื่อนำฝ่ามือออกก็พบว่ามีเลือดเปื้อนอยู่บนฝ่ามือ

ฝูกวงร้อนรน “นายท่าน……”

กู้ชูหน่วนโบกมือ บอกให้ฝูกวงเงียบปาก

“หากข้าไม่ทำตามที่ผู้อาวุโสสองพูดเล่า”

“หากกองทัพอี้ไม่ยอมคืนตัวรองหัวหน้าเผ่า ไม่ยอมมอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้ เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเราจะสู้จนตัวตาย ไม่มีวันถอยเด็ดขาด”

“ฝ่าบาท หากท่านยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกช่วยฝ่ายไหน ข้าว่าท่านอย่ายื่นมือเข้ามายุ่งจะดีกว่า อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องของพวกข้ากับกองทัพอี้ ท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรอยู่แล้ว”

“ปัง……”

กู้ชูหน่วนตบโต๊ะและกล่าวออกมาด้วยความโกรธ

“ฝ่ายหนึ่งเป็นคนของเฟิงโห้ว อีกฝ่ายเป็นคนของหวงกุ้ยจวิน ตอนนี้พวกเจ้าเองก็เป็นประชาชนของรัฐปิง ข้าไม่มีสิทธิ์ในการสั่งการพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

“ฝ่าบาท เกรงว่าในใจของท่านคงมีแค่หวงกุ้ยจวิน ไม่มีต้าเฟิงโห้วของพวกเราอยู่”

“ผู้อาวุโสลู่ ท่านพูดว่าอย่างไร”

“ฮึ ทันทีที่ฝ่าบาทตื่นขึ้นมาก็เสด็จไปหาหวงกุ้ยจวิน ไปเสวยเป็นเพื่อนเขา เพลิดเพลินและเสพสุข จากนั้นท่านก็เสด็จไปหาเสี่ยวเฟิงโห้ว อยู่กับเขาถึงสามวันสามคืน อย่างน้อยหัวหน้าเผ่าของพวกเราก็เป็นต้าเฟิงโห้ว ผู้นำของวังหลัง หลังจากท่านไปเยี่ยมเสี่ยวเฟิงโห้ว ท่านก็บอกว่าไปจัดการเรื่องในพระราชวัง แต่แท้จริงแล้วท่านไปหาม่อกุ้ยจวิน สุดท้ายถึงได้มาหาหัวหน้าเผ่าของพวกเรา ในใจของท่าน เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรามีสถานะต้อยต่ำที่สุดเลยใช่ไหม?”

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนดูน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ

หมายความว่าอย่างไร?

โทษนางที่ไม่ได้มาดูเหวินเส่าอี๋เป็นคนแรกอย่างนั้นหรือ?

อี้หยุนเฟยยอมแลกชีวิตของตนเองเพื่อรักษานาง เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ แน่นอนว่านางต้องไปหาอี้หยุนเฟยก่อน

เยี่ยจิ่งหาน เหวินเส่าอี๋ ซือม่อเฟย สำหรับพวกเขาทั้งสามคน เยี่ยจิ่งหานเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด นางจึงเดินทางไปพบเยี่ยจิ่งหานก่อน

หากนางไม่พอหาเยี่ยจิ่งหานก่อน เกรงว่าคงไม่อาจรักษาชีวิตของเยี่ยจิ่งหานเอาไว้ได้

ซือม่อเฟยอยู่ใกล้กับเยี่ยจิ่งหาน นางจึงไปหาซือม่อเฟยก่อนแล้วค่อยมาหาเหวินเส่าอี๋ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“ฝ่าบาทเสด็จไปเสวยพระกระยาหารและชมดอกไม้กับหวงกุ้ยจวินเป็นเวลาสองชั่วโมง จากนั้นก็ไปยังตำหนักเสี่ยวเฟิงโห้ว อยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวันสามคืน จากนั้นก็ไปจัดการกับงานในราชสำนักเป็นเวลาสี่ชั่วโมง ไปป้อนยาสองถ้วยให้ม่อกุ้ยจวินทุกสามชั่วโมง สุดท้ายก็มาหาหัวหน้าเผ่าของพวกเราเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ”

กู้ชูหน่วนโกรธและหัวเราไปพร้อมกัน

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

ไม่ว่านางจะไปไหน อยู่ที่นั่นนานเท่าไหร่ พวกเขารับรู้อย่างชัดเจน

นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้าที่สง่างามจะขี้น้อยใจเช่นนั้น

เรื่องที่ไปอยู่กับอี้หยุนเฟยนั้นไม่อยากพูดถึง

แต่เรื่องที่ไปรักษาเยี่ยจิ่งหานมาสามวันสามคืน จนนางแทบจะรักษาชีวิตของตนเองไว้ไม่ได้

อาม่อถูกวางยาพิษ และต้องป้อนยาสองถ้วยทุกสามชั่วโมง

ทำให้สามารถถอนพิษได้

ถอนพิษเสร็จ แม้แต่น้ำนางก็ไม่ได้ดื่ม รีบวิ่งมาหาหวินเส่าอี๋

เกรงว่าชีวิตของเสี่ยวหูเตี๋ยจะตกอยู่ในอันตรายเหมือนกับพวกเขา

โชคดีที่แม้เสี่ยวหูเตี๋ยจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต บาดแผลบนร่างกายเองก็ใกล้จะหายดี ขอแค่พักฟื้นต่อไป อีกไม่นานก็คงจะฟื้นขึ้นมา

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดนางจะต้องอยู่ในตำหนักเพื่อดูแลเสี่ยวหูเตี๋ยเป็นเวลานาน?

ในบรรดาผู้ชายทั้งสี่คน นอกจากอี้หยุนเฟย เมื่อลองคำนวณดูให้ดีแล้ว เสี่ยวหูเตี๋ยเป็นคนที่นางร่วมเตียงด้วยนานที่สุด

เหตุใดพวกเขาจึงไม่นำเรื่องพวกนี้มาคำนวณ?

กู้ชูหน่วนขี้เกียจที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง

แม้อธิบายออกไปก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะรับฟัง

“ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยอมถอนทัพ?”

“ไม่ยอม”

กู้ชูหน่วนกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อของนาง “ดี ดี ดีมาก”

ผู้อาวุโสลู่ก้าวออกมาด้านหน้าสองก้าวด้วยความก้าวร้าว “ฝ่าบาท หวงกุ้ยจวินสั่งให้คนมาทำร้ายรองหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็จับตัวรองหัวหน้าเผ่าของพวกเราไป ฝ่าบาทได้โปรดสั่งให้พวกเขาปล่อยตัวรองหัวหน้าเผ่าของพวกเราออกมาด้วย”

“เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเจ้าเก่งกาจมากไม่ใช่หรือไง เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้เหตุใดต้องให้ข้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง?”

หลังจากกู้ชูหน่วนเดินจากไป ผู้อาวุโสฉื่อก็ขมวดคิ้วและกล่าวออกมาว่า “วันนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา เวลานี้นางกลายเป็นผู้นำของรัฐปิง เมื่อสักครู่พวกเราทำให้นางขุ่นเคืองมากเกินไปหรือไม่? หาก……หากนางนำเรื่องนี้ไปฟ้องหัวหน้าเผ่า เช่นนั้น……”

“ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วมันอย่างไง นางดีกับเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเราตรงไหน? ตั้งแต่สมัยโบราณ หวังหลังไม่เคยมีเฟิงโห้วเกินหนึ่งคน แต่นางกลับไม่ไว้หน้าเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรา เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย นางยอมให้เยี่ยจิ่งหานเข้ามารับตำแหน่งเสี่ยวเฟิงโห้ว นางเคยสนใจเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรางั้นหรือ?”

“แม้จะพูดออกมาเช่นนั้น แต่……เฮ้อ……ที่พวกเราเข้ามาในพระราชวังวันนี้ก็เพื่อต้องการให้ฝ่าบาทช่วยพวกเราตามหารองหัวหน้าเผ่า เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกอย่างก็พังทลาย”

แม้ผู้อาวุโสลู่จะโกรธ แต่เขาก็รู้ว่าการขี้น้อยใจทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่

หาตัวรองหัวหน้าเผ่าไม่พบ และหัวหน้าเผ่ายังไม่ได้สติกลับคืนมา ผู้คนในเผ่าอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

ทันใดนั้นขันทีก็รีบวิ่งเข้ามาถ่ายทอดคำสั่ง “ฝ่าบาททรงมีคำสั่ง หากพวกเจ้ายอมถอนทัพ ฝ่าบาทรับประกันว่าจะพารองหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้ากลับไปยังเผ่าเพลิงฟ้าอย่างปลอดภัย แต่หากเผ่าเพลิงฟ้าไม่ยอมถอนทัพ นั่นแสดงให้เห็นว่าเผ่าเพลิงฟ้าต้องการต่อต้านราชสำนักอย่างเปิดเผย ผลลัพธ์ที่ตามมาพวกเจ้าก็ต้องยอมรับ”

ใบหน้าของผู้อาวุโสลู่และผู้อาวุโสฉื่อซีดขาวทันที

หากไม่ถอนทัพกลับไปจะกลายเป็นศัตรูกับราชสำนักอย่างเปิดเผย?

ฟังจากคำพูดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะยืนอยู่ทางฝั่งของหวงกุ้ยจวินมากกว่าไม่ใช่หรือ?

“จักรพรรดินีแห่งรัฐปิงจะทำเกินไปแล้ว”

อีกด้านหนึ่ง ไม่รู้ว่าอี้หยุนเฟยไปพูดอะไรกับท่านปู่เจียง

ท่านปู่เจียงเดินมาหากู้ชูหน่วนด้วยใบหน้าอันโกรธเคือง

“ฝ่าบาท จะให้พวกข้าถอนทัพก็ได้ แต่ท่านรับปากข้าหนึ่งเรื่องได้หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนยังคงระลึกถึงความทรงจำที่ค้างคา กล่าวออกมาโดยไม่ลืมตา “หากข้าไม่เห็นด้วยเล่า?”

“ฝ่าบาทยังไม่ทันฟังที่ข้าพูดเลยว่าเป็นเรื่องอันใด”

“ท่านผู้อาวุโส ข้าเคารพท่าน ดังนั้นจึงเรียนท่านว่าผู้อาวุโส แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะขออะไรจากข้าก็ได้”

คำพูดนี้ของกู้ชูหน่วนเป็นการแจ้งเตือนอย่างเห็นได้ชัด