ตอนที่ 454 เล่นงานเขาให้ย่อยยับ
ที่เขาพูดเป็นความจริง ถ้าอีลั่วเสวี่ยไม่มา ไม่เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ พวกเขาย่อมไม่รู้ว่านอกจากโลกนี้แล้วยังมีโลกอื่นดำรงอยู่
ด้วยเงื่อนไขที่แน่นอนคนของสองโลกนี้ยังสามารถไปมาหาสู่กันได้ เรื่องนี้แม้แต่ผู้ที่ค้นคว้าเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คงไม่รู้ พวกเขาโชคดีกว่า
เฟิงฉี่พยักหน้าหงึกๆ “นั่นสิ เจ๊ ตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกว่าคุณยอดเยี่ยมจริงๆ มิน่าตอนที่เจอคุณครั้งแรกก็รูกสึกว่าคุณเก่งมาก อย่าว่าไป ตอนนั้นเจ๊เห็นผมใส่ชุดแบบโบราณ ยังคิดว่าผมเป็นคนบ้านเดียวกันกับเจ๊ใช่ไหม?”
“ไม่งั้นคุณจะคิดยังไง?” อีลั่วเสวี่ยไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ยังดีที่ตอนนั้นเธอไม่ได้แสดงตัวชัดเจนเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจถูกหาว่าเป็นคนบ้า ถ้าเจอคนที่มีเจตนาร้าย ฐานะอาจถูกเปิดเผยแล้ว
ที่เธอเป็นห่วงก็คือไอปีศาจที่ยังมีอยู่ในโลกนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่อาจยุ่งมากมายได้ เธอไม่ใช่ผู้กอบกู้โลก ขอเพียงไม่เป็นภัยคุกคามเธอ ก็คงไม่เป็นไร
“ไม่พูดแล้ว เดี๋ยวฉันจะเอาสมุนไพรทิพย์ที่ต้องใช้ในการหลอมยาครั้งนี้ออกมา ส่วนคุณเอาไปค้นคว้าวิจัยได้ รอให้ฉันเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้แล้ว เรามาเริ่มหลอมยากัน” ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์ ให้เจ้าลูกบอลเงินเอาตัวยาสำคัญจากอีกโลกหนึ่งมาก่อนจึงจะเริ่มได้
พอมั่วเวิ่นได้ยินก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว “ดี ดี ไม่มีปัญหา ลั่วเสวี่ย ให้เฟิงฉี่สอนคุณ ฉันจะตรวจดูสมุนไพรทิพย์พวกนี้ก่อน” พูดจบก็หยิบกล่องออกมาเปิดดู
สมุนไพรทิพย์เหล่านี้สะสมไอทิพย์ไว้เข้มข้นมาก มั่วเวิ่นดูแล้วรู้สึกตื่นเต้น ชีวิตนี้เขาได้เข้าร่วมการหลอมยาครั้งยิ่งใหญ่นี้เขาถือว่าคุ้มค่าแล้ว ยังสามารถวิเคราะห์ฤทธิ์ยาที่ใช้ วันหลังลองดูว่าจะใช้ตัวยาอื่นแทนได้หรือไม่
“จริงสิ ลั่วเสวี่ย คุณมีเมล็ดพันธ์สมุนไพรทิพย์เหล่านี้ไหม จะสามารถ…” มั่วเวิ่นเลียริมฝีปากแล้วพูด เขาอยากเอามาเพาะ
อีลั่วเสวี่ยสั่นหัวทันทีโดยไม่ต้องคิด “โลกนี้มีกฎเกณฑ์การพัฒนาของตัวเอง ฉันไม่อาจก้าวก่ายได้ จะเป็นการฝืนกฎธรรมชาติ เมื่อสิ่งที่ไม่สังกัดโลกนี้ปรากฏขึ้น อาจจะก่อให้เกิดสิ่งอื่นขึ้น”
“สิ่งอื่น คืออะไรหรือ?” มั่วเวิ่นหลุดปากถาม
สุดท้ายอีลั่วเสวี่ยจำเป็นต้องพูดเลี่ยง “มติสวรรค์ไม่อาจแพร่งพรายได้” เธอใช้คำพูดนี้เพื่อปิดปากมั่วเวิ่น
”งั้นก็ไม่เป็นไร” มั่วเวิ่นรู้สึกเสียดาย ที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาเช่นกัน ของที่ไม่สังกัดโลกนี้ ทั้งยังเป็นยาที่มีสรรพคุณดีมาก ถ้าเขาเพาะขึ้นได้ ถึงตอนนั้นย่อมมีคนถามว่าเอามาจากไหน ย่อมตอบได้ยาก บางทีอาจทำให้เธอถูกเปิดเผยได้
ดังนั้นอีลั่วเสวี่ยจึงพักอยู่ที่สำนักแพทย์โบราณอย่างเป็นทางการ ทุกวันศึกษาการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ขณะที่มั่วเวิ่นและเฟิงฉี่ทำการวิเคราะห์สมุนไพรทิพย์เหล่านั้น ดูว่าจะสกัดตัวยาอย่างไร
ถ้าเป็นการหลอมยาตามแบบฉบับของอีลั่วเสวี่ย เธอจะใช้พลังทิพย์ควบคู่กับไฟทิพย์เพื่อสกัดฤทธิ์ยาออกมา เวลานี้ปรับเปลี่ยนวิธีการ พวกเขาอาศัยเครื่องมือทันสมัยแทน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ทำลายฤทธิ์ยา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
ทางนี้เรื่องราวพัฒนาไปตามที่อีลั่วเสวี่ยคาดหวังไว้ แต่ทางเมืองเอฟนั้นต่างออกไป ขณะนี้สถานการณ์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แผนการที่พุ่งเป้าไปที่เฉวียนหมิงกำลังก่อตัวขึ้นลับๆ
“เจ้านายครับ ข้างนอกมีคนส่งบัตรเชิญมา เชิญให้ท่านไปพบครับ” บอดี้การ์ดยื่นบัตรเชิญให้ซีเหมินหลงเซี่ยว
“เอ๊ะ? คนของเขตทหารที่สิบสองมามาพบฉันหรือ น่าสนใจ!” พอเห็นว่าคนที่เชิญเป็นใคร มีแววอำมหิตวาบขึ้นในดวงตาเขา น้ำเสียงเหมือนพูดเล่น ราวกับเจอเรื่องที่น่าสนใจแล้ว
บอดี้การ์ดสวมแว่นดำจึงไม่เห็นแววตาเขา แต่ยังพออกว่าเขาแปลกใจมาก “งั้นเจ้านายครับ เราจะไปพบไหม?” พวกเขารู้ดีว่าทำไมจึงต้องตั้งเขตทหารที่สิบสองขึ้น
ตอนที่ 455 น่าสนใจมาก
ไม่รู้ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามจึงเชิญตนเอง แต่นี่ก็เหมือนจู่ๆ ข้าศึกบอกว่าอยากเชิญคุณไปดื่มชา ทำให้นึกสงสัยว่าจะมีจุดมุ่งหมายอื่น
ซีเหมินหลงเซี่ยวโบกมือ “พบ ทำไมจะไม่พบล่ะ?” เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องแต่งตัว ฐานะของอีกฝ่ายไม่นับว่าเล็ก อย่างไรก็ต้องแต่งตัวให้ดีหน่อย
อีกอย่างที่ฝ่ายนั้นเชิญไม่ใช่ตัวเขาซีเหมินหลงเซี่ยว แต่เป็นอีกฐานะหนึ่งภายใต้ชื่อนี้
บอดี้การ์ดเห็นเช่นนั้นจึงเดินออกมารอที่ห้องด้านนอก พร้อมกับใช้วิทยุเรียกให้คนถอยรถออกมาจากโรงรถ มารออยู่ที่หน้าประตู
ครึ่งชั่วโมงต่อมาซีเหมินหลงเซี่ยวเดินออกมาจากห้องด้านใน ท่าทางเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทุกย่างก้าวดูสง่างามและสูงศักดิ์ดุจเจ้าชาย
รถหรูจอดที่ภัตตาคารชั้นสูงข้างโรงแรมระดับสูงแห่งหนึ่ง ซีเหมินหลงเซี่ยวเดินตรงเข้าไปข้างใน มีบอดี้การ์ดสองคนติดตาม
ขณะที่ด้านหลังรถของพวกเขายังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนคนทั่วไปที่มากินอาหาร แต่ที่จริงเป็นบอดี้การ์ด การมาพบกับคนของเขตทหารที่สิบสอง ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะมีจุดมุ่งหมายอะไร ก็ต้องระวังไว้ก่อน
“คุณครับ รอบกวนสอบถามว่าคุณจองไว้แล้วหรือมีแขกท่านอื่นรออยู่ก่อนแล้วครับ” พอเข้ามาก็มีพนักงานที่รูปร่างหน้าตาดีเดินมาสอบถามทันที ภัตตาคารชั้นสูงแบบนี้ทั่วไปจะจองล่วงหน้าจึงจะมา ไม่เช่นนั้นอาจต้องสมัครเป็นสมาชิก ถ้ามาเองเลยอาจจะเข้าไปไม่ได้
“แขกที่ห้องเบญจมาศ” ซีเหมินหลงเซี่ยวบอก ในบัตรเชิญเขียนที่อยู่นี้ไว้ ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งชื่อห้องพิเศษตามชื่อดอกไม้
“ได้ครับ โปรดตามผมมาทางนี้” ส่วนคนที่ตามเขามาได้โทรจองห้องก่อนออกมาแล้ว ด้วยความสามารถของซีเหมินหลงเซี่ยว เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
พอมาถึงหน้าห้อง พนักงานก้าวไปข้างหน้าก่อน ยืนขวางประตูไว้แล้วกดกริ่งประตู
มีคนเดินมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้ซีเหมินหลงเซี่ยวเดินออกมาจากด้านข้าง
พอบอดี้การ์ดเห็นคนที่คุณหนูของตนรออยู่ก็ไม่กล้าชักช้า “เชิญข้างในครับท่าน คุณหนูเรารอท่านนานแล้ว”
“อืม” ซีเหมินหลงเซี่ยวขานรับเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง บอดี้การ์ดสองคนที่ตามมา คนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง อีกคนเดินตามเขาเข้าไป ต่างมีความรับผิดชอบและรู้หน้าที่ของตัวเองดี
พอเข้ามาในห้อง ภาพที่เข้าสู่สายตาเป็นหญิงในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินกระชับตัวยืนหันหลังให้ ประกอบกับบรรยากาศโดยรอบ ทำให้เธอดูสง่างามดุจดอกหลานฮัว
“คุณฝาน” ซีเหมินหลงเซี่ยวร้องเรียก ฝานเจียวเจียวหันมาช้าๆ ใบหน้าที่แต่งอย่างละเอียดประณีตปรากฏเบื้องหน้าทุกคน ดวงตาซีเหมินหลงเซี่ยวทอประกาย มองจนตาค้าง
ต้องบอกว่าฝานเจียวเจียวเป็นลูกหลานตระกูลแม่ทัพ เติบโตในเขตทหารที่สิบสอง บุคลิกจึงโดดเด่น บวกกับพื้นฐานเธอเองที่ดี ผ่านการปรับแต่งเล็กน้อยย่อมดูดีขึ้น
แต่สำหรับซีเหมินหลงเซี่ยวแล้วก็แค่แปลกใจบ้างเท่านั้นเอง เมื่อเทียบความละเอียดประณีตของฝานเจียวเจียวแล้ว เขากลับรู้สึกว่าความสวยอย่างเรียบง่ายของอีลั่วเสวี่ยดูรื่นตากว่า เหมือนชาเขียวถ้วยหนึ่ง ค่อยๆ ชิมจะทำให้รสชาติดีขึ้น
“คุณซีเหมิน ไม่สิ ฉันควรเรียกท่านว่าองค์ชายซีเหมินจึงจะถูก “ ฝานเจียวเจียวเดินมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับซีเหมินหลงเซี่ยว
ตัวจริงเขาหล่อกว่าในรูปมาก น่าเสียดายที่เมื่อเทียบกับเฉวียนหมิงแล้ว ดูเหมือนจะไม่สะดุดตาเท่า แต่ฐานะของเขาก็ทำให้สาวๆ หัวใจหวั่นไหวได้
“ไม่ทราบว่าคุณฝานเชิญผมมามีจุดประสงค์อะไร เราน่าจะเป็นศัตรูกันมากกว่า” ที่ผ่านมาประเทศซ๊โจวคอยคุกคามประเทศนี้ เขตทหารที่สิบสองเป็นกองทัพหลักที่คอยจัดการปัญหาด้านนี้