ราชันเร้นลับ 623 : คืนแรก

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 623 : คืนแรก โดย Ink Stone_Fantasy

ขณะใช้มือสัมผัสยันต์กฎหมายที่เก้าในกระเป๋าเสื้อ ไคลน์ปรับส่วนสูงของตน รวมถึงรายละเอียดทางกายภาพด้านอื่นให้สมจริงจนไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นอมิรุส·รีเวลต์ตัวปลอม

ชายหนุ่มเดินออกจากประตูอีกบานหนึ่งของห้องพัสดุ ตรงไปตามทางเดินเงียบงัน ย่างกรายเข้าสู่คฤหาสน์ของนายกเทศมนตรี

ตลอดทาง ทั้งบริกรและสาวใช้ที่เดินสวนไปเป็นระยะ ต่างพากันก้มศีรษะต่ำด้วยอากัปกิริยาพินอบพิเทา ไม่มีใครกล้าจ้องตาไคลน์โดยตรง

เพียงได้เห็นเครื่องแบบทหารเรือสีกรมท่ารีดเรียบจนเนียนกริบ ต่างคนต่างแหวกทางให้เดินพร้อมกับทำท่าคำนับ

ขอแค่สวมเครื่องแบบทหารเรือและมีส่วนสูงประมาณนายพลอมิรุส ไม่ว่าใครก็เดินเข้ามาในงานเลี้ยงได้ทันที… คงต้องบอกว่า การปลอมตัวเป็นคนใหญ่คนโต ง่ายยิ่งกว่าการปลอมตัวเป็นคนธรรมดาเสียอีก…

ไคลน์มองตรง สวมสีหน้าเคร่งขรึมเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐดำ

บทเพลงไพเราะดังคลอเป็นฉากหลัง โคมไฟหรูหราบนผนังทำการเผาแก๊สอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่องแสงขจัดความมืดมิดภายในตัวอาคาร

ขณะไคลน์เดินเข้าใกล้เขตห้องพัก มันเห็นประตูบานหนึ่งเปิดอยู่ ด้านในมีชายวัยกลางคนกำลังยืนรอต้อนรับ

ผมสีดำ ตาสีฟ้า โครงหน้าและบรรยากาศรอบตัวคล้ายกับอมิรุส·รีเวลต์เป็นอย่างมาก เพียงแต่หน้าผากเถิกกว่า ถุงใต้ตาบวมคล้ำ และมุมปากมิได้หย่อนยาน

ไม่ใช่ใครนอกจากน้องชายคนเล็กของอมิรุส

ออสเท่น·รีเวลต์

สุภาพบุรุษวัยกลางคนรายนี้เคยทำงานในกองทัพเรือมาก่อน และมีฝีมือเก่งกาจจนได้รับความดีความชอบในสงครามทวีปใต้ เลื่อนไต่ยศอย่างรวดเร็วกระทั่งถึงพันเอก แต่ในเวลาต่อมา ออสเท่นเบื่อหน่ายชีวิตการในรั้วค่ายทหาร กอปรกับเพื่อรักษาสมดุลทางการเมืองให้ครอบครัว จึงตัดสินใจโอนถ่ายมาทำงานราชการ

ราวห้าหกปีที่อยู่บนเกาะโอลาวี ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ออสเท่นตัดสินใจกว้านซื้อที่ดินจำนวนมากบนเกาะให้เป็นของตระกูลรีเวลต์

ความสำเร็จข้างต้นเกิดขึ้นได้ มิใช่เพราะฝีมือของออสเท่นเพียงคนเดียว เพราะมันทำกระทั่งหยิบยืมเงินของตระกูลมาใช้ รวมถึงการกู้เงินจากธนาคาร

เรื่องนี้มิได้แปลกใหม่ เพราะจักรวรรดิฟุซัคเคยทำกับอาณานิคมในทวีปใต้มาก่อน พวกมันอาศัยกลอุบายกดดัน ซื้อที่ดินต่อจากชนพื้นเมืองในราคาต่ำ

แน่นอน ต่อให้ออสเท่นมิใช่นายกเทศมนตรีของเกาะโอลาวี แต่ลำพังตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดในกองทัพเรือโลเอ็นประจำน่านน้ำทะเลโซเนียของพี่ชาย ก็มากพอจะช่วยกดดันให้ชนพื้นเมืองขายที่ดินในราคาถูก

บททดสอบแรกมาแล้ว…

ไคลน์เดินเข้าไปหาอย่างสุขุม หยุดยืนตรงหน้าออสเท่น·รีเวลต์

ออสเท่นมองซ้ายขวา กล่าวเสียงต่ำ

“ท่านพี่ ตัดสินใจเรื่องนั้นได้หรือยัง”

เรื่องอะไรอีก…

ไคลน์ผงะเล็กน้อย สมองครุ่นคิดถึงวิธีการรับมือกับออสเท่น : หากออสเท่นถามเกี่ยวกับความลับระหว่างตน หรือต้องการคำตอบในบางเรื่อง ให้บอกไปว่า จะมอบคำตอบเมื่อเดินทางออกจากเกาะโอลาวี

อมิรุสคงคำนวณเรื่องนี้ไว้แล้ว… ไม่มีปัญหา แค่เราตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและบุคลิกที่เหมือนกับตัวจริงก็พอ… ดีล่ะ… ต้องเลียนสำเนียงและท่าทางการพูดของพวกขุนนาง…

ไคลน์พยักหน้า กล่าวเสียงขรึม

“รออีกสองสามวัน ฉันจะมอบคำตอบเมื่อออกจากโอลาวี”

ออสเท่นไม่โต้แย้ง เพียงหัวเราะในลำคอ

“นึกแล้วเชียว ท่านพี่กำลังรอปัจจัยที่ช่วยในการตัดสินใจอยู่สินะ”

อำนาจตัดสินใจสูงสุดคงอยู่ที่อมิรุส…

ไคลน์ครุ่นคิด ตอบด้วยสำเนียงขุนนางใหญ่

“เลิกเดาส่งเดชได้แล้ว”

กล่าวจบ ชายหนุ่มหันหลังกลับ เดินเข้าไปในโถงจัดงานเลี้ยง

ออสเท่น·รีเวลต์ยืนจ้องแผ่นหลังพี่ชายที่เดินห่างออกไปทุกขณะ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ตามด้วยการส่ายหน้าแผ่วเบา

เมื่อเข้าเขตโถงใหญ่ ไคลน์มองรอบตัว ก่อนจะตรงไปยังโต๊ะยาวที่มีถาดอาหารวางเรียงราย ระหว่างทางได้แวะทักทายคนรู้จักจำนวนหนึ่ง

มันได้เรียนรู้ว่า ตนไม่จำเป็นต้องเข้าใจหัวข้อสนทนาเลยสักนิด เพียงคอยพยักหน้ารับให้ถูกจังหวะ บทสนทนาก็จะดำเนินไปอย่างลื่นไหลจนอีกฝ่ายพึงพอใจ

นึกแล้วเชียว การปลอมตัวเป็นคนใหญ่คนโตสะดวกสบายในบางมุม แต่ขณะเดียวกัน ในอีกมุมก็จะยากจนต้องปวดหัว…

ไคลน์เอาชนะบททดสอบหนแล้วหนเล่า จนกระทั่งมาถึงโต๊ะยาวสำหรับวางอาหาร

มันหยิบถาด กำชับตัวเองว่านายพลอมิรุสชอบอาหารจานปลา วัว แกะ และล็อบสเตอร์ โดยจะเกลียดไก่และห่าน

ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก ต้องเลี่ยงไก่ย่างและห่านย่างสูตรเด็ดของเบ็คลันด์ รวมถึงอาหารอื่นที่เข้าข่ายดังกล่าว ลงเอยด้วย มันตักล็อบสเตอร์โอลาวีอบครีมชีส และสเต๊กปลาทอด

เนื่องจากภาชนะใส่อาหารส่วนใหญ่ถูกรองก้นด้วยแร่ใยหิน บางส่วนอุ่นด้วยถ่านฟืนสีแดง และบางส่วนนำน้ำร้อนใส่ในภาชนะ อาหารของงานเลี้ยงจึงมีอุณหภูมิพอเหมาะตลอดเวลา

ไคลน์กัดเข้าไปหนึ่งคำ มันรู้สึกซาบซ่านและประทับใจเหนือคำบรรยาย

ชายหนุ่มรักษามาดของนายพลอมิรุสได้อย่างไร้จุดตำหนิ มือข้างหนึ่งถือถาดพลางสนทนากับสมาชิกสภาเมืองท่า ตัวแทนกองทัพเรือ และอีกมากหน้าหลายตา โดยส่วนมากจะทำเพียงรับฟังอย่างตั้งใจ พยักหน้าพอเป็นพิธี นำอาหารใส่ปากในโอกาสเหมาะสม

ขณะเดียวกัน ไคลน์ตระหนักถึงชายสวมทักซิโดคนหนึ่งที่เอาแต่เดินตามติด

อีกฝ่ายมีเส้นผมสีทอง หวีเรียบไปด้านหลัง หน้าผากค่อนข้างเถิก ตาสีฟ้า ใบหน้าสะอาดสะอ้าน กิริยามารยาทสง่างามแต่เรียบง่าย

ตรงตามภาพถ่าย เลขานุการของท่านนายพล พันโทลัวอาน…

ไคลน์ฝืนตัวเองให้ไม่มองอีกฝ่าย เป็นเช่นนี้ไปจนกระทั่งจบงานเลี้ยง

ออกจากคฤหาสน์นายกเทศมนตรี ไคลน์นั่งรถม้าที่ถูกอารักขาด้วยความปลอดภัยระดับสูงสุด

รถม้าใหญ่โตโอ่อ่า ด้านในมีกระทั่งตู้แช่ไวน์

ลัวอาน เลขานุการผมทอง เดินตามหลังเข้ามาข้างใน เมื่อบูทหนังสัมผัสกับพรมหนา มันหมุนตัวเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามไคลน์

ลัวอานหย่อนก้นนั่งลง กินพื้นที่เพียงหนึ่งในสามของเบาะยาว

เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว ลัวอานหยิบเอกสารปึกหนาออกจากกระเป๋าหนังสีดำที่มันถือติดตัว

“ท่านนายพล นี่คือเอกสารบัญชีงบดุลของฐานทัพเรือโอลาวีประจำปี 1349”

ไคลน์เหยียดแขนรับกระดาษ พลิกเปิดส่งเดชพลางก้มหน้ากวาดตามอง

อะไรกัน… กระดาษชำระม้วนละหนึ่งปอนด์? เรือนอาบน้ำของฐานทัพเรือมีการปรับปรุงต่อเติมปีละยี่สิบครั้ง?

ไคลน์คำนวณตัวเลขอย่างคร่าว และพบว่าเป็นงบดุลที่เหลวไหลสิ้นดี

เอกสารบัญชีการเงินทางการขนาดนี้ เหตุใดถึงได้คอร์รัปชันอย่างโฉ่งฉ่างนัก? คิดจะโกงกินก็ให้มันมีชั้นเชิงสักนิดไม่ได้หรือ ไม่มีศิลปะในการหาข้ออ้างเบิกเงินแม้แต่น้อย สอนให้เอาไหม…

ไคลน์ครุ่นคิด แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าตนต้องตอบสนองอย่างไร

ตามความเห็นของมัน ปัญหาใหญ่อันดับหนึ่งในการปลอมตัวเป็นนายพลอมิรุสคือลัวอาน

ไม่ใช่ว่านายกเทศมนตรีออสเท่นกับซินเธียไม่สนิทสนมกับอมิรุส เพียงแต่ว่า ถึงสองคนนั้นจะพบความผิดปรกติเกี่ยวกับพลเรือเอก แต่ก็คงยินยอมช่วยปกปิดความลับ และค่อยถามหาคำอธิบายในภายหลัง แต่กับลัวอานนั้นไม่ใช่ มันมาอยู่ที่นี่เพราะถูกส่งจาก MI9 หน้าที่หลักคือการตรวจสอบนายพลอมิรุส·รีเวลต์

แน่นอน ยังตัดประเด็นที่ซินเธียอาจเป็นสายลับออกไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังอันตรายต่อไคลน์ไม่เท่าลัวอาน

เราจะทำผิดพลาดไม่ได้… นายพลอมิรุสควรมีท่าทีเช่นไรกับเอกสารโกงกินฉบับนี้ จะโกรธจริง หรือแสร้งทำเป็นโกรธเพื่อกลบเกลื่อน?

ไม่สิ เจ้าหน้าที่ฐานทัพเรือโอลาวีไม่น่าจะโง่เขลาขนาดนั้น หากกล้าส่งเอกสารโกงกินหน้าด้านเช่นนี้ถึงมือนายพล หมายความว่าพวกมันกับนายพลควรรู้เห็นเป็นใจในระดับหนึ่ง…

เนื่องจากเรื่องนี้ไม่มีเขียนไว้ในเอกสารที่บิลต์ส่งให้อ่าน ไคลน์จึงทำได้เพียงตัดสินใจไปตามประสบการณ์

อีกทั้ง ไม่ว่ารายงานงบดุลอันเหลวไหลจากกองทัพเรือโอลาวีจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของอมิรุสหรือไม่ แต่ไคลน์เชื่อว่า พลเรือเอกคนนี้จะตอบสนองอย่างสุขุม ไม่โฉ่งฉ่างออกนอกหน้าและเต็มไปด้วยอารมณ์

เราควรแสดงออกอย่างไรให้สมบทบาทของผู้บังคับบัญชาระดับสูง… นอกจากนั้น เราต้องไม่แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ เพราะยังไม่มีข้อมูลว่านายพลคิดอย่างไรเกี่ยวกับการคอร์รัปชัน…

ไคลน์ปิดเอกสาร กล่าวกับลัวอาน เลขานุการผมทอง โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“นำไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของผม”

ความนัยของประโยคดังกล่าวคือ ‘ไว้ค่อยอ่านอย่างละเอียดในภายหลัง’ โดยขณะเดียวกัน พฤติกรรมเมื่อครู่ยังสามารถตีความได้สองทาง

ทางแรก หากฐานทัพเรือโอลาวีกระทำโดยพลการ ลัวอานจะตีความได้ว่า อมิรุสกำลังเก็บซ่อนความโมโหไว้ในใจ และรอฟังคำอธิบายโดยตรงจากฐานทัพเรือในภายหลัง

ทางที่สอง หากอมิรุสรู้เห็นเป็นใจ ท่าทีเมื่อครู่จะตีความได้ว่า มันต้องการส่วนแบ่งเพิ่ม และจะเข้าไปเจรจากับฐานทัพเรือในภายหลัง

ส่วนเรื่องที่ว่า คนอื่นอาจนำไปตีความผิดเพราะตนไม่แสดงออกอย่างชัดเจน ไคลน์ไม่แยแสมากนัก เพราะมันปลอมตัวเป็นอมิรุสเพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้น ค่อยให้มิสเตอร์ครึ่งเทพมาจัดการกับปัญหาของตัวเอง

ช่วยไม่ได้… ก็ไม่ยอมบอกล่วงหน้า…

ขณะเดียวกัน ภายในใจไคลน์กำลังนึกขอบคุณที่อมิรุสมิใช่ครึ่งเทพของโบสถ์วายุสลาตัน ไม่อย่างนั้น มันคงคิดหนักว่า ตนควรหัวเราะอย่างสะใจ หรือเกรี้ยวกราดพร้อมกับปากระดาษใส่หน้าลัวอาน จากนั้นก็จับเจ้าหน้าที่ของฐานทัพเรือโยนลงทะเลสักคนสองคน

“ขอรับ ท่านนายพล” เลขานุการผมทองไม่เปลี่ยนสีหน้า เอกสารงบดุลถูกเก็บเข้ากระเป๋าหนังสีดำอย่างรวดเร็วประหนึ่งคาดเดาไว้แล้ว

ระหว่างทางที่เหลือ ไคลน์ทำตัวตามนิสัยปรกติของอมิรุส หลับตาลงและเอนหลังพิงเบาะของรถม้า สีหน้าคล้ายครุ่นคิดบางสิ่ง แต่ในความเป็นจริง หัวสมองกำลังว่างเปล่า

ลัวอานไม่กล่าวสิ่งใดตลอดทาง ไม่แม้แต่จะอ้าปากเพียงเล็กน้อย

เสาโคมไฟสีดำสูงเท่าคน แล่นผ่านหน้าต่างรถม้าต้นแล้วต้นเล่า จนกระทั่งห้องโดยสารถูกลากจูงเข้ามาในฐานทัพเรือ เลี้ยวตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งที่มีสวนดอกไม้และลานหญ้า

ไคลน์เดินไปหยุดยืนหน้าประตู แม้บ้านรีบเปิดประตูต้อนรับพร้อมกับสาวใช้ที่ยืนเรียงรายสองข้างฝั่ง

ห้องรับแขกของบ้านถูกตกแต่งอย่างหรูหรา บนผนังมีภาพสีน้ำมันแขวนในแนวนอนหลายผืน นอกจากนั้นยังมีรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ แจกันลวดลายงดงาม และข้าวของเครื่องใช้ที่ช่วยจรรโลงใจอีกหลายชิ้น กลิ่นหอมเจือจางแต่ติดทนนาน ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในปอดจนชุ่มฉ่ำ

ไคลน์ที่ควรจะผ่อนคลาย พลันตึงเครียดเมื่อเห็นสาวงามสวมเดรสอยู่บ้านเดินเข้ามาใกล้

อายุราวยี่สิบตอนต้น ผมทองตาฟ้า แววตาคล้ายกำลังเก็บซ่อนบางสิ่ง รูปโฉมงดงามตามแบบฉบับสตรีชนชั้นสูง แต่ยังแฝงกลิ่นอายของเด็กสาวซุกซน

มิใช่ใครนอกจากอนุภรรยาของอมิรุส

มาดามซินเธีย

ไคลน์ฝืนข่มความอึดอัด เปลี่ยนใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมของอมิรุสให้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตามด้วยการก็กางแขนกว้าง

ซินเธียโผเข้ากอด ปลายเท้าเขย่งเหยียด แก้มชนแก้มแนบชิด พลางส่งเสียงกระซิบข้างหู

“ท่านนายพล น้ำร้อนในอ่างพร้อมแล้วค่ะ”

ไม่เลว เธอคงส่งคนคอยจับตาสถานการณ์ของงานเลี้ยง… การเป็นภรรยารองก็ไม่ง่ายเหมือนกัน… อมิรุสนอนชอบแช่น้ำอุ่นในอ่าง พลางครุ่นคิดหลายสิ่งอย่างผ่อนคลาย…

เพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่านขณะสองแก้มแนบชิด ไคลน์บังคับสมองให้ใคร่ครวญเรื่อยเปื่อย

ในฐานะมนุษย์เพศชายที่ชื่นชอบสตรี มันควรมีความสุขเมื่อถูกสาวงามพัวพัน แต่ด้วยฤทธิ์ของพันธสัญญาชั่วคราว เลือดลมกลับไม่แล่นลงไปเลี้ยงอวัยวะเบื้องล่าง หัวใจมิได้เต้นระรัวดังกลองศึก มีเพียงความอึดอัดที่ไม่น่าอภิรมย์นัก

“ทำดีมาก” ไคลน์ชมเชย พลางใช้สองมือดันซินเธียออกไปด้วยความรู้สึกต่อต้าน

ซินเธียที่ทราบว่านายพลอมิรุสไม่ชอบแสดงความรักต่อหน้าบ่าวไพร่ รีบถอยหลังหนึ่งก้าว นำทางไคลน์ขึ้นไปชั้นสอง เปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับยื่นเสื้อคลุมอาบน้ำให้

เมื่อจัดการเสร็จสรรพ ซินเธียกำชับกับคนรับใช้ว่า ห้ามขึ้นมายังชั้นสองโดยเด็ดขาด นอกจากจะได้ยินเสียงกระดิ่งเรียก จากนั้น เธอรีบกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ถอดเดรสอยู่บ้านออก สวมชุดนอนตัวบางเข้าไปแทน

เนินอกถูกเผยมากขึ้น เน้นผิวพรรณสีขาวราวหิมะให้โดดเด่น ใต้คางมีสร้อยคอหนึ่งเส้น ลักษณะคล้ายนอแรดสีดำยาวหนึ่งข้อนิ้ว

ซินเธียถอดสร้อยวางไว้ใต้หมอน เดินออกจากห้องนอนด้วยสีหน้าแดงระเรื่อคล้ายกำลังขวยเขิน ตรงไปทางห้องอาบน้ำของอมิรุส รวบรวมความกล้าบิดกลอนประตูและดันเข้าไป

ครึก.

เธอที่กำลูกบิดค้างไว้ พบว่ากลอนห้องน้ำถูกล็อกตอนไหนก็มิอาจทราบได้

ซินเธียพลันมึนงงเจือสับสน รีบออกแรงบิดอีกสองหนตามสัญชาตญาณ

ครึก. ครึก.

ประตูห้องน้ำแน่นิ่งอยู่เช่นนั้น

……………………