ตอนที่ 889

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลังจากเหลียวมอง หลี่เหว่ยเหว่ยรีบเข้าไปหยุดหลิงฮันและพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมสำนักนภาสีชาดถึงไม่ใช้ความแข็งแกร่งประเมิน แต่ใช้พรสวรรค์ด้านวรยุทธ จิตวิญญาณและทักษะยุทธแทน?”

“โอ้ว แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม เขาไม่คิดที่จะพูดจาไร้สาระุกับคุณหนูสี่ และพูดเข้าประเด็นทันที เพราะตอนแรกเขาวางแผนว่าจะฝึกฝนบ่มเพาะพลังตลอดสิบวันนี้

บางทีสิบวันอาจไม่เพียงพอ แต่ก็ดีกว่าปล่อยเวลาไปอย่างไร้ค่า

หลี่เหว่ยเหว่ยรู้สึกไม่พอใจ ทำไมชายคนนี้ถึงทำตัวไม่สุภาพตลอดเลย? ไม่เหมือนตอนที่อยู่หน้าพ่อของข้า!

ต้องทราบก่อนว่านางเป็นหนึ่งในสามสาวงามแห่งเมืองจักรพรรดิที่ม่หนุ่มหล่อมากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องการแต่งงานกับนาง

หรือมันเป็นเพราะพวกโลกเบื้องล่างสมองผิดปกติเลยไม่เข้าใจความงดงามของนาง!

นางส่งเสียงกระแอมและพูดว่า “เพราะเจ้าอยู่ในระดับทลายมิติเป็นเวลานาน ทำให้เจ้าสามารถยกระดับพลังต่อสู้ได้เสมอ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดจึงเป็นพรสวรรค์ด้านวรยุทธ จิตวิญญาณและทักษะยุทธที่จะเป็นตัวกำหนดความสามารถของเจ้า และระดับพลังพระเจ้านั้นทักษะยุทธเป็นกุญแจสำคัญที่สุดที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน”

“ฟังดูสมเหตุสมผล” หลิงฮันพยักหน้าเห็นด้วย

หลี่เหว่ยเหว่ยอยากจะบีบคอหลิงฮันให้ตาย นางพูดอธิบายตั้งนาน แต่อีกฝ่ายกับพูดตอบกลับมาแค่ “ฟังดูสมเหตุสมผล” นางพูดพึมพำก่อนที่จะพูดต่อว่า “เจ้าโง่ ข้าเห็นเจ้าไม่รู้อะไรเลยพูดอธิบายให้ฟังเท่านั้น! นอกจากนี้ หลังจากนี้อีกสิบวัน ถ้าข้าเป็นฝ่านชนะ เจ้าจะต้องคุกเข่าต่อหน้าข้า!”

หลิงฮันหัวเราะ เขาจะแพ้ได้อย่างไร? เขาพยักหน้าและตอบกลับว่า “ย่อมได้! แล้วถ้าข้าเป็นฝ่ายชนะล่ะ?”

“ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายชนะก็แล้วไป หรือเจ้าต้องการให้ข้าคุกเข่าลงต่อหน้าข้า?” หลี่เหว่ยเหว่ยพูดเหมือนกับว่า แม้นางจะแพ้แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นางเป็นถึงบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แล้วนางจะกลัวหลิงฮันได้อย่างไร?

หลิงฮันยิ้มแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเดินผ่านหลี่เหว่ยเหว่ยเข้าไปในที่พัก

หลี่เหว่ยเหว่ยอยากจะพูดหยุดหลิงฮัน แต่เมื่อฉุดคิดเรื่องบางอย่างได้นางก็ปล่อยเขาไป

นางยังรอให้หลัวป้ามาจัดการหลิงฮันอยู่ และนางยังมีโอกาสแข่งกับหลิงฮันอีกครั้งในอีกสิบวัน และนางไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้หลิงฮันในด้านวรยุทธ จิตวิญญาณและทักษะต่อสู้

หลิงฮันกับไปที่ห้องและเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังแห่งกฎเกณฑ์ทันที ซึ่งพลังแห่งกฎเกณฑ์ในแต่ระดับพลังของจอมยุทธนั้นจะแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งทำให้พลังทำลายล้างที่แสดงออกมานั้นแตกต่างกัน

ถ้าทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง พลังของคนผู้นั้นจะสามารถทำลายดวงดาวได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก และไม่มีใครรู้ว่าจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นต่ำกับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดนั้นจะแตกต่างกันขนาดไหน

ท้ายที่สุด อี้ชวงชวงที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา และเซียงเฉิงหยุนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี ทั้งสองคนยังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งทั้งสี่ขั้นเลย

หลิงฮันหลับตาลงและสงบสติอารมณ์ลงเพื่อทำความเข้าใจพลังแห่งกฎเกณฑ์ ซึ่งจะต้องเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติเสียก่อนถึงจะเริ่มทำความเข้าใจพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังปรับแต่งปราณอสูรของจักรพรรดิจอมอสูรด้วย และมีพลังแห่งกฎเกณธ์ของดินแดนใต้พิภพอยู่บ้าง แม้ว่าทั้งสองจะเป็นพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่ต่างชนิดกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร

หลิงฮันพูดออกมาด้วยความสงสัยว่า “ถ้าข้าสามารถควบคุมพลังแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองชนิดได้พร้อมกันล่ะ?ใครจะสามารถหยุดยั้งมันได้บ้าง?”

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คิดเช่นนั้นหลิงฮันก็ส่ายหัวทันที พลังแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพจะสามารถใช้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?

“เว้นแต่ว่าจะมีโอกาสไปที่ดินแดนใต้พิภพ”

มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีกำแพงสองจุดที่อ่อนแออยู่ ซึ่งดินแดนใต้พิภพสามารถลอบเข้ามาและฆ่าผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากจุดนั้นได้

“คนที่ทำแบบนั้นได้จะต้องทรงพลังมาก ถ้าข้าไปมีแต่จะตาย!” นอกจากนั้น ข้ายังไม่เข้าใจพลังแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย แล้วเขาจะคิดเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้กังวลใจไปทำไม?

และช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะส่งเสียงหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะทำตัวโลภเกินไป

ผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็วโดยที่หลิงฮันไม่รู้ตัว

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลหลัวจะไม่เคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น บางทีพวกเขาอาจรู้ว่าหลิงฮันจะเข้าร่วมการทดสอบสำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือ และอาจวางแผนเคลื่อนไหวในเวลานั้น ในทางตรงกันข้าม หลี่เหว่ยเหว่ยราวกับตัวติดหลิงฮัน นางจะมาหาเขาวันเว้นวันและคอยป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเขา แต่นางก็ไม่ได้รับอะไรและกลับไปพร้อมกับความโกรธทุกครั้ง

สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิงฮันหยุดบ่มเพาะพลัง เขาแบมือขวาและฝ่ามือของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง

นี่คือพลังแห่งกฎเกณฑ์ แต่มันยังอ่อนแอเกินไป

ในแต่ระดับพลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นระดับทลายมิติ ระดับภูผาวารี หรือระดับที่สูงกว่านั้น ล้วนมีขีดจำกัดในการทำความเข้าในพลังแห่งกฎเกณฑ์ ตอนนี้หลิงฮันยังอยู่อีกห่างไกลกว่าจะถึงขีดจำกัดของระดับทลายมิติ และถ้าหากเปรียบเทียบเป็นตัวเลขขีดจำกัดของระดับทลายมิติอยู่ที่หนึ่งร้อย แต่หลิงฮันยังเข้าใจไม่ถึงหนึ่งเลย

“ดูเหมือนข้าจะต้องทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้าซะก่อน และมีหลายอย่างที่เขาต้องปรับปรุงตัวเอง เพื่อทำให้รากฐานวิญญาณมั่นคงที่สุดจะได้ไม่ได้รับผลกระทบหลังจากที่ทะลวงผ่านระดับพลังพระเจ้า”

และเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นได้ว่าคนอย่างเซียวเหมียวเหยียนและอู่เกาหยวนยังไม่บรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้า แต่ก็มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาวแล้ว แต่ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ทะลวงผ่านระดับพลังพระเจ้า?

มันไม่ใช่เพราะพวกเขาทำไม่ได้ แต่ยังไม่ถึงเวลาต่างหาก

ใครจะไม่อยากเป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งดาว สองดาว หรือแม้กระทั่งสามดาว สี่ดาว และระดับห้าดาวในตำนานกันล่ะ

“เจ้าโง่! เจ้าโง่!” หลี่เหว่ยเหว่ยรีบวิ่งไปหาหลิงฮันเพราะการทดสอบเข้าสำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “นำทางไปได้เลย!”

หลี่เหว่ยเหว่ยหันกลอกตาไปมองและพูดว่า “ทำไมข้าที่เป็นถึงคุณหนูจะต้องทำตามให้เจ้าด้วย เจ้าคิดว่าข้าเป็นทาสของเจ้าหรือไง?”

“ก็ข้าไม่รู้ทางนิหน่า” หลิงฮันตอบกลับ

หลี่เหว่ยเหว่ยถึงกับพูดไม่ออก เหตุผลของเขามันชัดเจนมากและนางไม่สามารถพูดแย้งได้ และกัดฟันเดินนำทางหลิงฮันต่อไป

ทั้งที่สถานะของนางไม่ได้ต่ำเลย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮันทีไร มันทำให้นางรู้สึกด้อยกว่าอยู่เสมอ

“ตามข้ามา!” นางนำทางให้หลิงฮันและย้ำเท้าไม่พอใจ “ข้าไม่ได้กำลังนำทางเจ้า แต่เจ้าแค่เดินทางข้ามา เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”

หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มไม่พูดอะไรออกมาและปล่อยให้หลี่เหว่ยเหว่ยรู้สึกไม่พอใจ