บทที่ 1245 ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะรอดกลับมาได้

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1245 ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะรอดกลับมาได้ โดย Ink Stone_Fantasy

พอสัตว์พาหนะตัวนี้โผล่มา แต่ละคนที่เข้ามาล้อมก็เรียกได้ว่าจดจำได้อย่างลึกซึ้ง สัตว์เทพที่สามารถสวมเกราะรบผลึกแดงได้เหมือนจะมีไม่เยอะ บวกกับหน้าตาที่เหมือนกับตัวที่ติดอยู่ในภาพความทรงจำของพวกเขาทุกอย่าง แต่ละคนจึงผ่อนความเร็วในการพุ่งเข้ามาพร้อมเบิกตากว้างมองมัน

เกราะรบสีทองบนตัวชายชราหายไป แทนที่ด้วยเกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูง พอโบกมือชี้ ทวนเกล็ดย้อนที่มีเสียงมังกรคำรามก็ปรากฏอยู่ในมือ ปั้ง! หน้ากากปลอมบนใบหน้าระเบิดปลิวกระจาย โฉมหน้าที่แท้จริงของเหมียวอี้ปรากฏออกมาแล้ว

คนที่สามารถขี่เฮยทั่นได้ นอกจากเหมียวอี้ก็ย่อมไม่มีใครแล้ว บนทางที่มาเขาไม่อยากเกิดความเข้าใจผิดกับโจรกบฏ จึงไม่เผยโฉมหน้าที่แท้จริง แต่พอเข้าใกล้บริเวณนี้ก็ไม่อยากให้คนของตำหนักสวรรค์ที่เก็บกวาดสนามเข้าใจผิดเช่นกัน จึงสวมเกราะรบเครื่องแบบของตำหนักสวรรค์อีก ใครจะไปคิดว่าจะเจอกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ดักซุ่มอยู่ที่นี่ เจอศัตรูบนทางแคบจริงๆ

เหมียวอี้อยากจะถามมากว่า ทำไมเจ้าหมีควายนี่ถึงยังไม่ตายอีก?

“กรร…” เฮยทั่นเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมคำรามอย่างเกรี้ยวกราด อยู่ว่างๆ มาหลายปีแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายจัดกระบวนทัพพุ่งโจมตี เจ้าสัตว์ตัวนี้ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกแล้ว

“หนิวโหย่วเต๋อ…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เบิกตากว้างทำสีหน้าไม่ถูก ทำไมซวยแบบนี้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะดักได้สักคน นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับเจ้าคนโหดคนนี้

ทุกคนในที่นี้จดจำภาพความห้าวหาญที่ผู้บัญชาการใหญ่หนิวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกอยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้านได้อย่างลืมไม่ลง ทุกคนหยุดทันที ไม่มีใครกล้าไปรับศึกกับเหมียวอี้

“น้องหนิว ทำไมเจ้าถึงปลอมตัวแล้ววล่ะ? เหอะๆ เข้าใจผิดแล้ว! ไปดีๆ นะ ส่งตรงนี้!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะแห้งๆ แล้วโบกมือตะโกนบอกพวกลูกน้อง “ถอย!”

เหมียวอี้เก็บทวนเกล็ดย้อน แล้วพลิกฝ่ามือช้อนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมา นำลูกธนูดาวตกมาง้างไว้บนสายธนู แล้วเล็งไปที่เซี่ยโห้วหลงเฉิง “หมีควาย จะหนีไปไหน!”

เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่หันกลับมามองเป็นระยะ พอเห็นฉากแบบนี้ ก็กล่าวอย่างลนลานทันทีว่า “น้องหนิว พวกเราไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน เจ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

ทุกคนล้วนได้เห็นความร้ายกาจของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาแล้ว สิ่งนี้รับมือได้ยากมาก

ไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน? เจ้าพูดออกมาได้อย่างไม่ละอาย! เหมียวอี้พูดไม่ออกมา เคยเจอคนไร้ยางอายมาก่อน แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายขนาดนี้ ช้างกล้าพูดเหลวไหลแบบตาไม่กะพริบจริงๆ

“หมีควาย ความแค้นระหว่างเราควรจะแก้ไขได้แล้ว เป็นศัตรูหรือมิตร จะเป็นหรือตายเจ้าก็เลือกเอาเองแล้วกัน!” เหมียวอี้ถือธนูขู่เตือน

ฝานอวี้เฟยรีบถือดาบมาขวางตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิง แล้วกล่าวเสียงดังว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าอย่าทำซี้ซั้ว เจ้าเองก็รู้ภูมิหลังของเขา?”

“ข้าล่วงเกินคนไว้มากพอแล้ว ล่วงเกินผู้มีอำนาจไว้ทั่ว จะกลัวทำไมล่ะ!” เหมียวอี้กล่าว

“…” ฝานอวี้เฟยพูดไม่ออก อีกสี่คนที่มาล้อมเหมียวอี้เป็นมุมแหลมก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามเช่นกัน เป็นเพราะผู้บัญชาการใหญ่หนิวโหดเกินไป ภาพที่ใช้ทวนเดียวจัดการจนจ้านหรูอี้สาหัสยังติดตาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นใหม่

เซี่ยโห้วหลงเฉิงช่างรู้จักยืดรู้จักหดจริงๆ รีบบนว่า “น้องหนิว พวกเราเป็นสหายกันมาตลอด สนิทกันตั้งแต่อยู่ดาวเทียนหยวนแล้ว จะเป็นศัตรูกันได้ยังไง สัญญาที่พวกเราลงนามกันก่อนหน้านี้ ก็เป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น” เขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมาโยนใส่เหมียวอี้

แผ่นหยกที่ลอยเข้ามาโดนพลังอิทธิฤทธิ์กั้นไว้ตรงหน้าเหมียวอี้ หลังจากเหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์อ่านดูกลางอากาศ ก็พบว่าเป็นสัญญาท้าสู้ที่บอกว่าต่อให้ตนโดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงโจมตีจนตายก็จะไม่ถามหาความรับผิดชอบใดๆ

สิ่งที่เขาต้องการก็คืออันนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าออกจากแดนอเวจีแล้วอาจจะโดนเจ้าเวรนี่เกาะแกะพัวพัน อาศัยภูมิหลังของเจ้าเวรนี่ ถ้าไปอยู่ในอาณาเจตของตำหนักสวรรค์ก็จะทำให้คนปวดหัวมาก อีกฝ่ายมองสัญญานี้เป็นจริงเป็นจังได้ แต่เขากลับไม่มีทางเอาจริงได้ ตอนนั้นทำสัญญานี้เพื่อจะให้เจ้าโง่นี่สงบลงเฉยๆ

พลังอิทธิฤทธิ์โจมตีกลางอากาศ ปั้ง! แผ่นหยกกลายเป็นฝุ่นผง

แสงบนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์และลูกธนูดาวตกเลือนรางไป เหมียวอี้คลายสายธนู พลิกฝ่ามือเก็บธนู แล้วขี่เฮยทั่นพุ่งเข้าไปโดยตรง

เซี่ยโห้วหลงเฉิงวู่วามอยากจะหนี แต่ไม่เห็นว่าบนมือเหมียวอี้จะถืออาวุธอะไร บวกกับมีฝานอวี้เฟยขวางอยู่ข้างหน้า ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นความเร็วของลูกธนูดาวตก ทำได้เพียงแข็งใจอดทนไว้

พอเข้ามาใกล้ตรงหน้า เหมียวอี้ก็ถามว่า “หมีควาย การทดสอบจบลงแล้ว ทำไมเจ้าไม่กลับไปแต่กลับมาหลบปล้นอยู่ตรงนี้?”

เซี่ยโห้วหลงเฉิงกลัวว่าเหมียวอี้จะปล้นตัวเอง เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าที่มือตัวเองไม่มีของอะไร เขารีบตอบอย่างซื่อสัตย์ว่า “ข้ามาหลบที่นี่ร้อยปีแล้ว แทบจะไม่ได้ไปไหนเลย ในมือไม่มีผลงาน ถ้ากลับไปมือเปล่าจะเสียหน้าเกินไป ก็เลยคิดจะรอโอกาสอยู่ตรงนี้ นึกไม่ถึงว่าจะได้น้องหนิว…น้องหนิว ไม่ทราบว่าคะแนนของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

“ยังไม่ได้เห็นการเรียงคะแนน เลยไม่รู้ว่าคะแนนตัวเองเป็นยังไง” เหมียวอี้:

“งั้นก็ขออวยพรให้น้องหนิวโชคดีแล้วกัน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะรออยู่ตรงนี้ต่อไป ขออภัยที่ส่งได้แค่ตรงนี้” เซี่ยโห้วหลงเฉิงรีบกุมหมัดอำลา ถ้าผู้บัญชาการใหญ่หนิวอยู่ข้างกายเขาก็ไม่วางใจจริงๆ

เหมียวอี้ไม่รีบไป แต่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วหยิบแผ่นหยกออกมา นี่ก็คือ ‘ผลงาน’ ที่นำกลับไปครั้งนี้เช่นกัน คัดลอกหนึ่งฉบับโยนให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงต่อหน้าทุกคน “ในเมื่อเป็นสหายกัน ก็ทนเห็นเจ้าเสี่ยงอันตรายอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ข้าแบ่งปันผลงานกับพี่เซี่ยโห้วแล้วกัน จะได้กลับไปรายงานผลงานด้วยกัน”

เขาไม่สนใจว่าครั้งนี้คะแนนของตัวเองจะดีหรือแย่ แค่รักษาตำแหน่งไว้ได้ก็พอแล้ว กลับกังวลด้วยซ้ำว่าถ้าออกไปแล้วคะแนนทดสอบโดดเด่นเกินไปจะทำให้คนสงสัย ถ้าไม่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโจรกบฏก็ย่อมไม่มีความกังวลนี้ ตอนนี้กลับต้องระวังสักหน่อย เซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็นโล่กำบังที่ไม่เลว เพียงแต่ต้องยกผลประโยชน์ให้เจ้าหมีควายนี่ก็เท่านั้นเอง

จุดที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ถ้าอยากจะทำมาหากินอยู่ที่ตลาดสวรรค์ต่อไป การสร้างสัมพันธ์อันดับกับคนตระกูลเซี่ยโห้วก็คือสิ่งที่จำเป็นมาก ถึงอย่างไรตอนนี้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ราชินีสวรรค์ก็เป็นคนควบคุมระบบตลาดสวรรค์

เซี่ยโห้วหลงเฉิงอ่านดูสิ่งที่อยู่ข้างใน พบว่าสถานที่และอาณาเขตที่อยู่ในนั้นล้วนทำเครื่องหมายและบรรยายไว้ชัดเจนมาก ไม่เหมือนของปลอม จึงเงยหน้าถามอย่างดีใจเหนือความคาดหมายว่า “น้องหนิว มอบให้ข้าจริงเหรอ?”

เหมียวอี้สงบนิ่งมาก หลังจากเจอเรื่องที่ห้าปราชญ์ร่วมมือกันทรยศ สภาพจิตใจก็เปลี่ยนไปบ้างแล้ว ยิ้มเรียบๆ พร้อมตอบว่า “ภูมิหลังของพี่เซี่ยโห้วก็เห็นๆ กันอยู่ ย่อมไม่ปั่นหัวเล่นอยู่แล้ว” พูดจาได้สั้นกระชับตรงประเด็น

“ดีๆๆๆ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงพยักหน้าไม่หยุด เอามือลูบคางยิ้มโง่ๆ อยู่อย่างนั้น แล้วยื่นมือเชิญ “ไปๆๆ! กลับด้วยกันๆ”

ทั้งสองฝ่ายกลับมาด้วยกัน ระหว่างทางเซี่ยโห้วหลงเฉิงยังประจบสอพลอไม่หยุดด้วย “น้องหนิวก็ยังคงเป็นน้องหนิว ขนาดลุยเดี่ยวในนรกก็ยังได้ผลงาน ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”

เหมียวอี้ตอบว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผลงานนี้คือสิ่งที่พวกเราทำมาด้วยกัน”

“เหอะๆ! เตือนได้ดี เตือนได้ดี ใช่ๆๆๆ พวกเราทำด้วยกัน” เซี่ยโห้วหลงเฉิงพยักหน้ายิ้มโง่ๆ เขาย่อมไม่บอกกับคนนอกว่านี่คือสิ่งที่เหมียวอี้หามาได้คนเดียว ไม่อย่างนั้นสิ่งที่อยู่ในมือเขาจะเอามาจากไหนล่ะ? แบบนั้นไม่ใช่การตบปากตัวเองหรอกเหรอ

จู่ๆ ฝานอวี้เฟยที่อยู่ข้างหลังก็บอกว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิง ผลงานนี้จะทำสำเนาห้าชุดแบ่งให้พวกเราคนละชุดใช่มั้ย?” คำพูดนี้ตรงไปตรงมามาก เป็นการเอ่ยปากแทนอีกห้าคน เมื่อมีโอกาสเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ที่ร่ำรวย ก็ย่อมไม่อยากพลาดอยู่แล้ว

ใครจะคิดว่าพอเซี่ยโห้วหลงเฉิงได้ยินแบบนั้น ก็หันกลับมามองด้วยสีหน้าระแวดระวังทันที เขาไม่เคยมีคุณธรรมกับลูกน้องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ให้แต่ลูกน้องทุ่มเทชีวิตทำงานให้ ไม่ได้มีนิสัยชอบแบ่งปันให้ลูกน้อง แต่ไหนแต่ไรมาก็มีแต่เข้าไม่มีออก ของที่มาอยู่ในมือเขาแล้ว จะให้เขานำออกมาแบ่งกับคนอื่นงั้นเหรอ เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ เขาตอบอย่างชัดเจนว่าไม่กล้าแบ่งให้ “นี่คือของที่น้องหนิวมอบให้ ให้พวกเจ้าเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนะ?”

ห้าคนที่อยู่ข้างหลังได้ยินแล้วแค้นจนกัดฟันกรอด ปกป้องเจ้ามาหลายปีขนาดนี้ ถ้ามีอันตรายก็ให้พวกเราลุยก่อน แต่พอมีผลประโยชน์ก็ฮุบไว้คนเดียว เจ้านี่มันเป็นตัวอะไรกัน!

แต่จนใจที่บีบบังคับให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงมอบให้ไม่ได้ ทำได้เพียงด่าบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขาอยู่ในใจ!

เหมียวอี้เหลือบมองปฏิกิริยาของเซี่ยโห้วหลงเฉิง พบว่าเจ้าหมีควายนี่มีสันดานเห็นแก่ตัวที่แก้ไม่หาย ยามมีผลประโยชน์ก็เอาไว้ไม่ยอมปล่อย ถ้าไม่ใช่เพราะมีฐานะภูมิหลังแบบนั้น คาดว่าคงโดนฆ่าตายไปนานแล้ว เขาหันกลับมามองปฏิกิริยาของพวกฝานอวี้เฟยอีก แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “พี่เซี่ยโห้ว ตลาดสวรรค์มีตั้งแปดพันกว่าตำแหน่ง พวกเราแบ่งกันก็ได้นั่งแค่สองตำแหน่งเท่านั้น แบบนั้นจะทำให้คนอื่นได้ผลประโยชน์ไปนะ ไม่สู้ยกประโยชน์ให้คนของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ?”

พวกฝานอวี้เฟยทำสีหน้าซาบซึ่งใจทันที

เซี่ยโห้วหลงเฉิงกลับไม่สมัครใจเลยแม้แต่น้อย “เรื่องนี้พูดให้ชัดเจนลำบากนะ! ก็เหมือนอย่างที่เจ้าบอก ตอนนี้พวกเราไม่รู้ชัดว่าผลงานที่อยู่ในมือคนอื่นเป็นยังไงบ้าง จะรู้ได้ยังไงว่าคะแนนในมือตัวเองดีหรือแย่”

เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวได้ถึงขั้นนี้ เหมียวอี้ยอมแพ้เจ้าเวรนี่แล้วจริงๆ จึงอธิบายอีกครั้งว่า “เพิ่มมาอีกห้าคนไม่ส่งผลกระทบต่อแปดพันรายชื่อมากนักหรอก ถ้าส่งผลกระทบจริงๆ คาดว่าพวกเขาก็คงถอยไปเอง ไม่มาแย่งกับพี่เซี่ยโห้วหรอก”

หนึ่งในห้าคนนั้นบอกทันทีว่า “หลักการนี้แหละ ไม่กล้าแย่งกับพี่เซี่ยโห้วหรอก”

เมื่อเห็นเหมียวอี้เป็นแบบนี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงทำได้เพียงปล่อยของรักอย่างไม่เต็มใจ ประเด็นสำคัญคือตอนนี้ยังกลัวเหมียวอี้อยู่นิดหน่อย แต่กลับแอบเล่นไม่ซื่อไปบ้าง แม้แต่เหมียวอี้เองก็ไม่รู้ เหมียวอี้ให้จุดที่ทำเครื่องหมายไว้สามที่ แต่เขาคัดลอกไปแค่สองที่ แล้วโยนแผ่นหยกแผ่นนั้นให้ฝานอวี้เฟย ให้พวกเขาไปคัดลอกกันเองอีกที

เมื่อคัดลอกเสร็จแล้ว ห้าคนที่ได้ของมาไว้ในมือก็กล่าวขอบคุณเซี่ยโห้วหลงเฉิงก่อน แล้วก็กุมหมัดคารวะให้เหมียวอี้

ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ทั้งว่างทั้งรวย ถ้าครั้งนี้สามารถอาศัยคะแนนส่วนนี้เพื่อรับตำแหน่งได้จริงๆ เช่นนั้นก็แปลว่าติดหนี้น้ำใจเหมียวอี้อย่างใหญ่หลวงแล้ว อย่างไรเสียเมื่อกลับไปแล้ว เซี่ยโห้วหู่เฉิงก็ไม่มีความสามารถที่จะดันพวกเขาขึ้นนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ได้อยู่ดี เพราะตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ในตอนนี้ ต้องมีคะแนนทดสอบที่ผ่านเกณฑ์เท่านั้นถึงจะขึ้นนั่งตำแหน่งนั้นได้

ตามหลักการแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีความสนิทสนอะไรกับเหมียวอี้ โดยเฉพาะฝานอวี้เฟยกับเหมียวอี้ที่เคยมีเรื่องกันนิดหน่อย อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเขาเลย

“หลัวชิ่งจื่อ หมานซ่าน หลู่ต๋าไค เจี่ยงจ้งเซิน”

นอกจากฝานอวี้เฟย อีกสี่คนที่เหลือรายงานชื่อตัวเองให้เหมียวอี้รู้ แสดงเจตนาอยากคบหา แต่ละคนทำสายตาซาบซึ้ง ไม่สะดวกจะกล่าวขอบคุณเหมียวอี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิง ความซาบซึ้งได้แสดงออกทางแววตาหมดแล้ว

ฝานอวี้เฟยก็ยิ้มให้เหมียวอี้อย่างเช่นกัน พอมีเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว ความขัดแย้งเล็กน้อยในปีนั้นก็ถือว่าผ่านไปแล้ว เมื่อไม่มีปมความแค้นในใจ คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าฉายา ‘สามงามผมแหว่ง’ สง่างามดีเหมือนกัน ถึงอย่างไรในปีนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายกันแกล้งก่อน

เหมียวอี้มองดูสัญลักษณ์อิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้วพวกเขา พบว่ามีแต่ระดับบงกชทองขั้นแปดและขั้นเก้า คนที่สามารถถูกส่งมาปกป้องเซี่ยโห้วหลงเฉิงได้ คาดว่าคงจะมีพลังไม่ธรรมดาในหมู่นักพรตบงกชทอง

ทุกคนดีใจมาก พวกเขาย่อมกลับไปอย่างดีอกดีใจ

ระหว่างทางเจอดักปล้นสองรอบ แต่พอเห็นเหมียวอี้ ก็หันหน้าเลี้ยวหนีทันที อานุภาพศึกเลือดของเหมียวอี้เมื่อร้อยปีก่อนยังคงอยู่จนถึงวันนี้ ทำให้คนไม่กล้าท้าทายบารมีเสือ ทำให้ระหว่างทางกลับราบรื่นไร้อุปสรรค การได้ร่วมเดินทางกลับพร้อมเหมียวอี้ พวกเซี่ยโห้วก็รู้สึกเป็นเกียรติอยู่บ้าง

ฝานอวี้เฟยกลับแอบทอดถอนใจ เหมียวอี้สู้ศึกเดียวก็โด่งดังแล้ว ตัวเองวรยุทธ์สูงกว่าเขา แต่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว

ค่านิยมในสังคมก็เป็นแบบนี้ คนบางคนรุดหน้าไปตลอดทางจนทำให้คนอิจฉา แต่บางคนกลับมีแค่จิตใจที่ทะเยอะทะยาน แต่จนใจที่ความสามารถมีจำกัด ทำได้เพียงอยู่อย่างธรรมดาไปตลอดชีวิต

“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะรอดกลับมาได้!”

จอมพลเถิงเฟยที่ยืนอยู่บนดาวเคราะห์อันรกร้างกล่าวอย่างดีใจมาก สังเกตเห็นกลุ่มของเหมียวอี้ตั้งแต่ไกลๆ ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ ในดวงตาฉายแววประหลาดใจ

…………………………