ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างมึนงง “แปลกยังไง?”
“อืม…แปลกมาก แปลกไปจากชีพจรของคนปกติ” สวี่อี้หรานพูด
“นี่คุณอย่าขู่ฉันให้กลัวนะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ชอบหาเรื่องทำให้ฉันตกใจอยู่ได้”
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณตกใจเสียหน่อย ผมเป็นคนดี ไม่เหมือนกับจ่านมู่ฮวานั่นที่ชอบพูดจาเสแสร้งน่าฟังหลอกล่อให้คุณดีใจ!” สีหน้าสวี่อี้หรานค่อนข้างผิดปกติ
ซีเหมินจินเหลียนขี้เกียจจะสนใจเขา เธอเตรียมตัวยืนขึ้นเพื่อที่จะจัดเก็บของอีกครั้งและถามด้วยความจริงจัง “เอาเถอะ คุณเป็นคนดี คุณพูดจาเสแสร้งไม่เป็น คุณแค่แกล้งทำเป็นใสซื่อประจบประแจง…” จริงสิ ช่วงนี้ก็มีคำพูดฮิตติดปากในอินเทอร์เน็ตว่าอะไรแล้วนะ? หน้าตาไม่ดีแล้วจิตใจยังไม่ดีตามอีก?
สวี่อี้หรานทำหน้าทำตาน่าสงสาร มองไปทางซีเหมินจินเหลียน “คุณอย่าเอาแต่เก็บของสิ?”
“คุณอยากจะจับชีพจร ฉันก็ให้คุณจับไปแล้ว แล้วตอนนี้ฉันยังไปไม่ได้อีกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นยิ้มๆ “คุณสวี่ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันนะ และฉันยังต้องการความช่วยเหลือคุณอีกมาก แต่ฉันก็ไม่สามารถพักที่บ้านคุณได้ตลอด มันไม่สะดวก” สิ่งที่เธอพูดคือความจริง เพื่อนก็คือเพื่อน ส่วนเรื่องอื่นเธอไม่ได้คิดอะไรให้มาก
สวี่อี้หรานใช้สองมือขยี้หัวอยู่นานถึงพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ไปไม่ได้!”
“นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องเหรอไง?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืนออกมา “ทำไมฉันถึงไปไม่ได้?”
“เพราะว่า…เพราะว่า…” สวี่อี้หรานพูดคำว่าเพราะว่าอยู่นาน ถึงได้แบกหน้าหนาๆ พูดขึ้น “การเต้นของชีพจรของคุณแปลกมากจริงๆ”
“แปลกยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนถาม “คุณเลิกพูดจาเหลวไหลสักที คนที่รู้เรื่องแพทย์แผนจีนไม่ใช่มีแค่คุณคนเดียวนะ ถ้าวันนี้คุณไม่อธิบายให้ฉันเข้าใจ พอฉันกลับไปเมืองเซียงไฮ้แล้ว ฉันจะไปหาคุณลุงจินให้จับชีพจรให้เลย หึ!” คุณพ่อของจินอ้ายหัวก็เป็นเซียนในการจับชีพจร เธอถึงไม่กลัวเรื่องที่เขาพูดพล่ามขึ้นมา
“ไม่ได้!” สวี่อี้หรานพูดสีหน้าจริงจัง “หลังจากนี้ไปคุณไม่สามารถให้คนที่รู้เรื่องในการจับชีพจรมาจับชีพจรของคุณเป็นเด็ดขาด”
ซีเหมินจินเหลียนเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา “ทำไมล่ะ?”
“คุณจะถูกคนอื่นมองว่าเป็นปีศาจได้ คุณ…” สวี่อี้หรานขยี้หัวของตัวเองและวุ่นวายอยู่ภายในห้อง ในเวลานั้นไม่สามารถหาคำมานิยามได้ เดิมทีใบหน้าก็ซีดขาวอยู่แล้ว แต่เพราะว่าการจับชีพจรเมื่อสักครู่ เสริมกับความร้อนรุ่มในใจ ทำให้ตอนนี้จึงยิ่งซีดอย่างเห็นได้ชัด
“คุณต่างหากที่เป็นปีศาจ!” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์ที่จะพูดต่อ ถึงเธอจะมีพลังในการมองทะลุผ่าน ถึงเธอจะมีชีพจรที่แตกต่างไปจากคนอื่นอยู่บ้าง แต่…ก็ไม่อาจกล่าวหาว่าเธอเป็นปีศาจได้นี่นา?
“แน่นอนผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ปีศาจ คุณเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่แพทย์แผนจีนคนอื่นคงไม่คิดอย่างนี้แน่ ชีพจรของคุณก็แปลกจริงๆ” สวี่อี้หรานดึงสีหน้าจริงจังพูดอีกครั้ง
“เอาเถอะ!” ซีเหมินจินเหลียนนั่งบนโซฟาและสื่อเป็นนัยไปทางโซฟาตรงข้ามพร้อมพูด “คุณลองอธิบายดูสิว่าชีพจรของฉันมันแปลกยังไง?”
สวี่อี้หรานนั่งลงไปที่โซฟาฝั่งตรงข้ามตามคำสั่ง เริ่มหาคำนิยามมาบรรยายอยู่นาน ท้ายที่สุดจึงขมวดคิ้วพูด “อย่างแรกคือชีพจรของคุณแตกต่างจากคนทั่วไป…ส่อแววให้เห็นว่าแข็งแรงกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก”
“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ร่างกายฉันแข็งแรงก็มีปัญหาด้วยเหรอ?”
“ไม่ๆๆ…” สวี่อี้หรานส่ายศีรษะพูด “แน่นอนว่าไม่ใช่แข็งแรงแบบนั้น เรื่องนี้มีข้อแตกต่าง ผมจะพูดอย่างไรดีล่ะ จะอธิบายยังไงดี ถ้าหากคุณกับผู้หญิงคนหนึ่งเดินช้อปปิ้งอยู่ด้วยกัน เวลานี้ข้างหน้ามีรถแทรกเตอร์คันใหญ่ขับเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเพื่อพุ่งมาชนทางพวกคุณทั้งสอง…”
“ฉันจะโชคร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดหมดอารมณ์
สวี่อี้หรานขยี้ผมพันกันอุตลุด “ผมแค่เปรียบเปรยเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย”
“โอเคๆๆ คุณพูดต่อเถอะ ถ้ามีรถแทรกเตอร์ขับเข้ามา พวกเราคงต้องดวงถึงฆาตแน่ จากนั้นหมอมองโกลอย่างคุณก็เลยปรากฏตัวมาช่วยชีวิตฉันไว้?” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างไร้อารมณ์
“ผมไม่ใช่สัตวแพทย์!” สวี่อี้หรานอธิบายด้วยคำพูดจริงจัง “แน่นอนว่าไม่ใช่อย่างนั้น…รถแทรกเตอร์ขับมาชนพวกคุณทั้งสอง พวกคุณโดนจุดรับแรงโน้มถ่วงเท่ากัน แรงกระแทกเท่ากัน แน่นอนว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น…”
“ฉันรู้ว่านี่มันเป็นไปไม่ได้!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างหมดอารมณ์ “คุณพูดต่อเถอะ ทำไมถึงจู้จี้จุกจิกอยู่ได้”
“ผมก็กลัวว่าคุณจะฟังไม่เข้าใจ” สวี่อี้หรานยิ้มแหะๆ “เมื่อกี้พวกเราพูดถึงไหนแล้วนะ? คุณกับเพื่อนของคุณ ยกตัวอย่างเพื่อนคนนั้นก็คือคุณจิน รถแทรกเตอร์เข้ามาพุ่งชนพวกคุณทั้งสองคน ได้รับแรงโน้มถ่วงและแรงกระแทกเท่ากัน เวลานี้…คุณจินอาจจะตายคาที่ ส่วนคุณ…ดูจากร่างกายที่แข็งแรงทนทานนี่ ไม่มีอะไรมาทำคุณได้แน่”
“ถ้าฉันเชื่อคุณก็บ้าแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์ที่จะพูด “คุณคงไม่ใช่ยุยงให้ฉันวิ่งไปกลางถนนใหญ่ให้รถชนเล่นใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่!” สวี่อี้หรานรีบยืนกรานปฏิเสธ “หวงแหนชีวิต ห่างไกลจากอุบัติเหตุ ผมก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้น เพื่อจะบรรยายว่าร่างกายของคุณแข็งแรงกว่าคนธรรมดาทั่วไปแค่ไหนต่างหาก!”
รู้ทั้งรู้ว่าหมอมองโกลคนนั้นพูดจาอะไรเชื่อถือไม่ได้…แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ฉงนคิดถึงคืนนั้นที่เธอกับหลินเสวียนหลานเคยพบกันครั้งแรก หลินเสวียนหลานบอกว่ารถเบนซ์ของเขาไปชนเข้ากับของบางอย่างเข้าอย่างจัง ไฟหน้ากับกันชนถูกบดอย่างละเอียดยิบ แต่เธอกลับปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลย ตอนนั้นหลินเสวียนหลานอธิบายว่าตนเองดื่มเหล้ามากไปหน่อยเลยไปชนเข้ากับที่กั้นไหล่ทาง แล้วทำให้เธอตกใจจนเป็นล้มลงพับไป…
หลังจากนั้นหลินเสวียนหลานเคยบอกว่า รถเบนซ์ของเขาคงไม่มีโอกาสได้ชนผู้หญิงสวยมั้ง
ตอนนั้นรถเบนซ์ของหลินเสวียนหลานได้ชนเธอหรือเปล่านะ? ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงโซฟาและย้อนกลับไปคิดอย่างละเอียด ตอนนั้นเธอไม่ได้ตกใจจนเป็นลมแน่ แต่เธอคงเป็นลมที่ถูกของหนักกระแทกเข้า…
ตอนนั้นไฟหน้ารถเบนซ์สว่างจ้า ถูกชนอย่างรุนแรงเลยทำให้เธอสติเลือนราง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ หลินเสวียนหลานพูดกับเธอว่าตัวเองตกใจเป็นลมล้มพับไป เพราะว่าร่างกายไม่มีบาดแผลภายนอกปรากฏให้เห็น เธอเลยเชื่อคำพูดของเขาว่า…รถเบนซ์นำเข้าจากเยอรมันไม่ได้คร่าชีวิต พูดออกไป คงไม่มีใครเชื่อ
สวี่อี้หรานไม่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนกำลังคิดอะไรอยู่ ได้แต่ยิ้มและพูดไปว่า “แน่นอน ถ้าคุณไม่ชอบให้เปรียบเปรยแบบนี้ ผมเปลี่ยนก็ได้นะ…”
“คุณจะแช่งอะไรฉันอีกล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่างเช่นแผ่นดินไหว คุณถูกสิ่งก่อสร้างถล่มล้มทับอยู่ใต้พื้นดิน ผมรับรองว่าถึงคุณจะโชคร้ายอยู่ใต้ดินไปปีหนึ่ง แต่คุณก็ยังไม่ตาย” สวี่อี้หรานพูด
“หุบปากของคุณเดี๋ยวนี้นะ!” ซีเหมินจินเหลียนโกรธจนแทบจะพ่นควันออกมาได้ ร้ายแรงขนาดเขาพูดเลยเหรอ?
“จริงสิ ผมก็คิดอะไรได้ขึ้นมา…” สวี่อี้หรานปรบมือพูดขึ้นกะทันหัน “ไม่น่าล่ะ ผมถึงว่าคุ้นๆ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”
“อะไร?” ซีเหมินจินเหลียนจ้องมองไปที่เขาแล้วพูด “ฉันขอเตือนคุณไว้เลยนะ ถ้าคุณยังกล้าพูดอะไรที่ไม่เข้าหูหรือแช่งฉันอีก ระวังตัวให้ดี!”
สวี่อี้หรานรีบสงบปากสงบคำ ทำหน้าใสซื่อไม่กล้าเปล่งวาจา
“คุณคิดอะไรได้?” ซีเหมินจินเหลียนยืนขึ้น สองมือจับไปที่โซฟาพนักพิงตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ สวี่อี้หราน
“ผมไม่พูดหรอก” สวี่อี้หรานส่ายหน้าติดต่อกัน “ไม่ใช่ประโยคอะไรที่น่าฟังนัก ผมบอกแล้ว คุณอยากเล่น sm กับผมจริงๆ แน่!”
“ถึงคุณไม่พูด ฉันก็อยากจะ sm คุณ!” ซีเหมินจินเหลียนด่า “คุณแช่งฉันให้แผ่นดินไหวบ้าง ถูกรถชนบ้าง แล้วยังจะสาปแช่งอะไรฉันอีก?”
“มันก็แค่การเปรียบเปรยเฉยๆ” สวี่อี่หรานหดคอเล็กลง ท่าทางหวาดกลัวและบ่นพึมพำ “แต่นี่ก็ไม่เรียกว่าเปรียบเปรย มันเหมือนกันจริงๆ”
“อะไรที่เหมือนกัน?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ชีพจรของคุณกับเอ่อ…เหมือนกับ…” สวี่อวี่หรานพูดได้เท่านี้ สีหน้าแปลกประหลาดกวาดไล่สายตามองไปที่ซีเหมินจินเหลียน
“เหมือนอะไรกันแน่?” ซีเหมินจินเหลียนยังคงสงสัย
“ถ้าผมพูดแล้ว คุณอย่าทำร้ายผมนะ” สวี่อี้หรานหดหัวอย่างหวาดกลัว
“คุณเก่งกาจขนาดนี้ ฉันจะทำอะไรคุณได้” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด นักฆ่าจ่อปืนอย่างเ**้ยมโหดยังถูกเขาฝังเข็มใส่เลย และยังไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร อยากจะหาเรื่องเขามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ชีพจรของคุณกับชีพจรของหยกราชางูมัน…เหมือนกัน!” สวี่อี้หรานพูดพลาง และรีบกุลีกุจรกระโดดลงจากโซฟา เห็นสีหน้าของซีเหมินจินเหลียนผิดปกติจึงเตรียมตัวจะเร่งฝีเท้าหนี “คุณบอกว่าจะไม่ตีผม…”
“คุณอำฉันเล่นใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนด่า “ทำไมฉันถึงเป็นงูไปได้?” ทั้งที่รู้ว่าเขาคนนี้คงพูดอะไรไม่เข้าหู แต่ประโยคนี้อย่างไรเธอก็ไม่เชื่อถึงที่สุด ดูจากท่าทางของเขาแล้วต้องเป็นนักต้มตุ๋นแน่
“คุณซีเหมิน ผมพูดเรื่องจริงนะ!” สวี่อี้หรานถอยหลังไปสองก้าวและหยุดฝีเท้ายืนนิ่ง “เรื่องจริง ไม่ได้ล้อเล่น! ชีพจรของคุณก็แปลกมาก ตอนแรกที่ผมจับชีพจรก็แค่รู้สึกคุ้นๆ อึดอัดใจไปหมด ถ้าหากเมื่อก่อนผมเจอคนที่มีลักษณะเช่นนี้ ผมคงไม่มีทางลืมแน่ แต่ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออก แต่เมื่อสักครู่เพิ่งคิดได้ว่า ชีพจรของคุณ…เป็นประเภทเดียวกับหยกราชางู แต่ก็ยังแตกต่างกับมันนิดหน่อย…”
“ฉันคือคน มันคืองู โอเคไหม?” ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทีจริงจังของเขาแล้วโกรธเกรี้ยว
“โอเคๆ!” สวี่อี้หรานพยักหน้าไม่หยุด “ผมเคยบอกกับคุณ หยกราชางูมีเค้าลางของการมีชีวิต มีชีพจรเหมือนกับคน แต่ไม่เหมือนกับคนทั้งหมด ถูกไหม?”
“ใช่ คุณเคยพูดแบบนั้น!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด ทฤษฎีเหลวไหลพวกนี้ โลกยิ่งใหญ่ไม่มีความมหัศจรรย์ที่ไหนไม่เกิดขึ้น ถึงจะเป็นของที่ไม่มีจริง แต่เธอก็ยังยอมรับได้ เธอไม่ใช่นักนักวิทยาศาสตร์เชิงทฤษฎี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีอะไร เธอก็รับได้ทั้งนั้น
“ชีพจรของหยกราชางูเหมือนกับชีพจรของคุณเกือบทุกอย่าง แต่ก็ยังมีความต่าง…” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง “แต่ผมยังแยกแยะไม่ออกว่าตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน คุณซีเหมิน คุณพอจะให้เลือดของคุณมาเพื่อให้ผมวิจัยได้ไหม”
“ไม่ได้!” ซีเหมินจินเหลียนปฏิเสธตัดหน้า ล้อเล่นอะไรกัน? เริ่มจากจับชีพจร จากนั้นตอนนี้เริ่มขยับเข้ามาอยากจะขอเจาะเลือดเธอไปวิจัยอีก? เธอไม่ใช่หนูสีขาวที่อยู่ในห้องทดลองของเขานะ?