ตอนที่ 1693 ชูฝู่

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1693 ชูฝู่

“สมแล้วที่เป็นครูบาอาจารย์ของโลก…” หวู่เฉินตั้งข้อสังเกตด้วยความยำเกรง

“ปรมาจารย์ขงไม่ได้ขึ้นชื่อเพียงแค่ประสิทธิภาพการต่อสู้อันไร้เทียมทาน แต่ยังมีภูมิปัญญาอันน่าทึ่งด้วย เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบการสืบทอดวิชาชีพมากมาย ในบรรดาอาชีพของเก้าสถานะระดับล่าง ระดับกลาง และระดับบน เขาได้จัดระเบียบไว้ไม่น้อยกว่า 20 อาชีพเลยทีเดียว” เซียนดาบชิงอธิบายด้วยนัยน์ตาที่เปล่งประกายของความตื่นเต้น

เส้นทางของเหล่าปรมาจารย์นั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากปรมาจารย์ขง จึงไม่มีปรมาจารย์คนไหนในโลกที่จะไม่ยำเกรงและเคารพเขา

จางเซวียนไม่ได้ร่วมวงสนทนากับคนอื่นๆที่เหลือ เขาจ้องมองวิหารขนาดมหึมาที่ถูกปกปิดไว้ภายใต้ ‘แสงอาทิตย์’ ด้วยสายตางงงัน ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนมีอะไรอย่างหนึ่งกำลังร้องเรียกเขาอยู่

ราวกับจะตอบสนองการร้องเรียกนั้น หอสมุดเทียบฟ้าสั่นสะท้านเบาๆ หนังสือมากมายนับไม่ถ้วนที่ถูกเก็บไว้ในนั้นก็พลอยสั่นสะเทือนไปด้วย

ในวิหารแห่งขงจื๊อมีของล้ำค่าที่สามารถยกระดับหอสมุดเทียบฟ้าได้หรือเปล่า*?* จางเซวียนครุ่นคิดด้วยความสงสัย

หอสมุดเทียบฟ้ามักไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว น้อยครั้งที่มันจะเคลื่อนไหวเพื่ออะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้มันกำลังสั่นสะท้านไม่หยุด

มันยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลยแม้เมื่อตอนที่เขาไปเยือนสมาคมผู้หยั่งรู้

หรือว่ามีบางอย่างในวิหารแห่งขงจื๊อที่หอสมุดเทียบฟ้าปรารถนา?

ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็จะต้องนำมันมาให้ได้

เหตุผลที่จางเซวียนพัฒนาตัวเองจากคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไม่มีใครรู้จักมาเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงเกียรติที่ทุกคนรู้จักกันทั่ว ก็ไม่ใช่เพราะความปราดเปรื่องอันน่าทึ่ง คุณงามความดี หรือความขยันหมั่นเพียรเป็นพิเศษของเขา แต่เป็นเพราะความสามารถของหอสมุดเทียบฟ้า!

ถ้าไม่ใช่เพราะหอสมุดเทียบฟ้า ป่านนี้จางเซวียนก็คงยังต้องดิ้นรนอยู่ในอาณาจักรเทียนเซวียน พยายามจะฝ่าด่านวรยุทธเพื่อเป็นปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวต่อไป

แน่นอนว่าหอสมุดเทียบฟ้าเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าสูงสุดและไม้ตายของเขา ต่อให้ต้องเผชิญอันตรายขนาดไหน ก็คุ้มค่าหากจะทำให้เขายกระดับมันได้

จางเซวียนเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้เพื่อพยายามจ้องมองดวงอาทิตย์นั้น แต่แม้จะบินมาหลายร้อยลี้จนเข้าอาณาเขตชูฝู่ ก็ยังไม่อาจมองลึกเข้าไปในวิหารแห่งขงจื๊อได้ ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างปกปิดมันไว้จากสายตาของทุกคน

“วิหารแห่งขงจื๊ออยู่ในมิติลี้ลับ จนกว่ามันจะเปิดอย่างสมบูรณ์ ต่อให้นักปราชญ์โบราณก็เข้าถึงมันไม่ได้ ต่อให้บินไปเป็นทศวรรษก็เถอะ” หลัวลั่วชิงอธิบาย

จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ

ในอีกแง่หนึ่ง ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ในชีวิตเก่าของเขา มันดูเหมือนแขวนอยู่เหนือพื้นโลก เกิดเป็นภาพลวงตาที่ทำให้ใครๆรู้สึกว่าหากบินขึ้นสู่ท้องฟ้าก็จะสามารถแตะต้องมันได้ แต่อันที่จริง ต่อให้บินด้วยความเร็วแสง ก็ยังต้องใช้เวลาถึง 8 นาทีกว่าจะถึงดวงอาทิตย์

“ด้วยระยะไกลขนาดนี้ การที่เรายังมองเห็นมันอยู่ ก็แปลว่าวิหารแห่งขงจื๊อจะต้องมีขนาดใหญ่มาก?” จางเซวียนอดตั้งคำถามในใจไม่ได้

เหตุผลที่ดวงอาทิตย์มีสภาวะแบบนั้นก็เป็นเพราะความใหญ่โตของมัน

ซึ่งถ้าข้อสันนิษฐานนี้ใช้กับวิหารแห่งขงจื๊อได้ ก็แปลว่ามันจะต้องเป็นโลกใบใหญ่อีกใบใช่ไหม?

“วิหารแห่งขงจื้อไม่ใหญ่โตนักหรอก มันเป็นการควบคุมมิติชนิดหนึ่ง และอันที่จริง มันก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเรามากนัก” หลัวลั่วชิงอธิบาย

ดูเหมือนเธอจะมีความเข้าใจอย่างล้ำลึกเกี่ยวกับวิหารแห่งขงจื๊อ

ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน เมืองโบราณเมืองหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา ทุกคนรีบมุ่งหน้าไป

ดินแดนนั้นคือดินแดนที่วิหารแห่งขงจื๊อตั้งอยู่, ชูฝู่!

เมืองนี้ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองหรือใหญ่โตอย่างสมาพันธ์นานาจักรวรรดิ ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ก็เป็นแบบโบร่ำโบราณและเก่าคร่ำ แต่มันมีรังสีของความเงียบและสงบสุข ก่อเกิดเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นน่าสบาย หากจะต้องพรรณนา ก็คงเหมือนกับเด็กทารกที่ได้กลับเข้าสู่อ้อมกอดของมารดา

“นี่คือ…รังสีพิเศษของปรมาจารย์ฟ้าประทาน?” จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น

รังสีที่อบอวลอยู่ในเมืองนั้นเหมือนกับรังสีที่ซึมซาบอยู่ในร่างของเขาระหว่างที่ได้การยอมรับเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน ความแตกต่างเดียวก็คือความเข้มข้นของมันต่ำกว่ามาก

“มีพละกำลังบางอย่างที่จับต้องไม่ได้ซึ่งควบคุมโลกใบนี้ด้วยวิถีทางที่ลึกลับ มีรังสีแห่งภูมิปัญญา สำหรับความรู้ทางวิชาการ และรังสีแห่งการต่อสู้สำหรับศิลปะการต่อสู้ พลังทั้งสองแบบนี้มีต้นตอมาจากวัฒนธรรมเฉพาะของการศึกษาและการสร้างความสัมพันธ์ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ซึ่งพวกเราเรียกมันว่า ‘สภาวะครูบาอาจารย์’ หากใครคนหนึ่งเข้าถึงสภาวะครูบาอาจารย์ สภาพจิตของเขาจะมั่นคงและมีวุฒิภาวะขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ความคิดอ่านของพวกเขาจะเปิดกว้างและเต็มไปด้วยความใส่ใจ ทำให้แทบไม่มีพื้นที่หลงเหลือสำหรับปีศาจใต้สำนึกและความไร้เหตุผล!” เซียนดาบชิงอธิบาย

“สภาวะครูบาอาจารย์?” จางเซวียนทวนคำก่อนจะพยักหน้า

อันที่จริง รังสีพิเศษนี้ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากมายกับปรมาจารย์ฟ้าประทาน เพราะเมื่อปรมาจารย์คนหนึ่งคารวะเหล่าบรรพบุรุษในห้องรับรองอาจารย์ เขาก็จะได้รับรังสีนี้เช่นกัน ในอีกแง่หนึ่ง มันจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของขนบธรรมเนียมประเพณี

ก็เพราะสภาวะครูบาอาจารย์ที่ทำให้เหล่าปรมาจารย์สามารถเอาชนะใจผู้คนในโลกนี้และกลายเป็นผู้นำของโลก

“สถานที่นี้…เป็นแบบนั้นหรือ?” จางเซวียนถาม

เขาเพ่งความสนใจไปที่สภาวะครูบาอาจารย์ซึ่งอยู่รอบตัว และก็เหมือนอย่างที่เซียนดาบชิงพูด รังสีที่แผ่ออกมานั้นนำความเฉียบแหลมและแม่นยำมาสู่สมองของเขา แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้จางเซวียนเกิดความสงสัยบางอย่าง

อานุภาพของสภาวะครูบาอาจารย์นั้นน่าทึ่งมากจนถึงระดับที่แม้แต่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ก็ไม่อาจเทียบชั้นกับมันได้!

เห็นความสงสัยของจางเซวียน เซียนดาบชิงอธิบาย “ก่อนที่วิหารแห่งขงจื๊อจะเปิดออก ขณะที่สภาวะครูบาอาจารย์ยังคงอบอวลอยู่ในชูฝู่ มันมีอานุภาพรุนแรงกว่าที่ลูกรู้สึกอยู่ในเวลานี้ แต่ก็แน่นอนว่าความสามารถในการยกระดับสภาวะจิตของมันถือว่าใช้การได้ดีทีเดียวหากใครสักคนอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้เป็นระยะเวลานานๆ”

“ด้วยเหตุนี้ ชูฝู่จึงเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นดินแดนแห่งบรรพบุรุษของเหล่าปรมาจารย์ ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวส่วนใหญ่จะมาพักอาศัยอยู่ในชูฝู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อฝึกฝนวรยุทธหรือปลีกวิเวก แต่เพื่อเปิดรับประสบการณ์ชีวิตและบ่มเพาะสภาวะจิตของพวกเขา”

“ดูช่างไม้ที่อยู่ตรงนั้นสิ ลูกรู้สึกถึงความผิดปกติของเขาหรือเปล่า?”

จางเซวียนหันไปมอง

ที่ริมถนน มีช่างไม้คนหนึ่งกำลังแกะสลักเครื่องเรือนหนึ่งชิ้น มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำมาก ราวกับได้รับการวัดมาอย่างดีด้วยไม้บรรทัด ขุยไม้ปลิวว่อนไปทั่ว และไม่ช้า ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ก็ตั้งอยู่ตรงหน้าเขา

“เขาเป็น…ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว!” จางเซวียนอัศจรรย์ใจกับภาพที่เห็น

ช่างไม้ที่ขัดเกลาไม้ด้วยพละกำลังเพียงน้อยนิดและดูเหมือนจะไม่มีความแข็งแกร่งอะไร แถมยังไม่มีร่องรอยของพลังปราณที่ไหลเวียนในร่างกายของเขาแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น การสะสมของพลังงานที่เชี่ยวกรากราวกับมหาสมุทรที่จางเซวียนมองเห็นว่ามันอยู่ในส่วนลึกของจุดตันเถียนของเขาโดยการใช้ดวงตาหยั่งรู้ ก็บ่งบอกว่าทุกอย่างแตกต่างออกไป

ช่างไม้คนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว แต่น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมากด้วย

“ใช่แล้ว เขาเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อ 300 ปีก่อน ในครั้งนั้น เขาเป็นนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็คงพัฒนาขึ้นได้อีกมาก” เซียนดาบชิงตอบ

“นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติมาทำงานช่างไม้?” จางเซวียนแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ที่ผ่านมา เขาเคยคิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คงมีอยู่ไม่มากนักในบรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ใครจะไปคิดว่าแม้แต่ช่างไม้คนหนึ่งที่เขาพบอยู่ข้างถนนในชูฝู่ก็สำเร็จวรยุทธขั้นนั้นเช่นกัน?

“ดูคนขายปลาและคนขายเนื้อที่อยู่ตรงนั้นสิ พวกเขาเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวผู้โด่งดังในยุคสมัยของตัวเอง ในตอนนั้น ทั้งคู่ยังไม่ทรงพลังมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี พวกเขาก็สำเร็จวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ แบบเดียวกับพ่อ” เซียนดาบชิงอธิบาย

“ถ้าในครั้งนั้นไม่เกิดอะไรขึ้นกับลูก ท่านแม่ของลูกและพ่อก็คงจะมาอยู่ที่ชูฝู่เพื่อใช้ชีวิตแบบธรรมดาสามัญเช่นกัน ด้วยการเปิดรับประสบการณ์ของชีวิตแบบคนธรรมดาที่มีความยากลำบาก พวกเราจะสามารถยกระดับสภาวะจิตและเตรียมพร้อมสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นที่สูงกว่าเดิมได้”

จางเซวียนพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ

เป็นอย่างที่เซียนดาบชิงพูด บุคคลที่ดูธรรมดาสามัญจำนวนมากมายที่อยู่รอบตัวพวกเขานั้นล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่

พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่หาตัวแทบไม่พบแม้แต่ในตระกูลใหญ่ๆ แต่ที่ชูฝู่มีคนระดับนี้อยู่มากมายเกลื่อนกลาดราวกับกะหล่ำปลีในตลาดสด

ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ชูฝู่จะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งบรรพบุรุษของเหล่าปรมาจารย์ เพราะเท่าที่เห็น ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

เซียนดาบชิงหันขวับมาถามจางเซวียนด้วยความอยากรู้ “อ้อ เซวียนเอ๋อ, ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของลูกในตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่? ถ้าลูกอยากยกระดับวรยุทธในฐานะปรมาจารย์ล่ะก็ การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณถือว่ามีความสำคัญสูงสุด เพราะถ้าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณมีไม่มากพอ หัวใจของลูกก็จะไม่สงบ เจตจำนงก็จะไม่บริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้การผลักดันระดับวรยุทธยากขึ้นเรื่อยๆ”

หากใครสักคนมีความถนัดมากพอ มีทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธในจำนวนที่เหมาะสม และมีครูบาอาจารย์ที่ดี ก็จะสามารถยกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว แต่การบ่มเพาะสภาวะจิตนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องเดินหน้าไปทีละขั้น ไม่อาจรีบร้อนได้ ไม่มีวิธีเร่งรัดกระบวนการนี้ และความพยายามใดๆก็ตามที่จะทำแบบนั้นก็จะต้องลงเอยด้วยความเสียหาย

ลูกชายของเขาเป็นผู้ปราดเปรื่องอย่างน่าทึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่ว่าปีนี้เขาเพิ่งอายุ 20 เท่านั้น การที่ได้เป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวตั้งแต่อายุเท่านี้ เซียนดาบชิงอดห่วงไม่ได้ว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของลูกชายของเขาจะสูงแค่ไหน และจะสามารถยกระดับมันขึ้นได้อย่างรวดเร็วหรือเปล่า

“ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของผม?”

จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตามตรง “29.1!”