บทที่ 1094 อดทนต่อความเจ็บปวด

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1094 อดทนต่อความเจ็บปวด

“ไปตรวจสอบมาว่าในเลือดมีพิษหรือไม่?”

“กราบทูลฝ่าบาท ข้าได้ทำการตรวจสอบเป็นอันเรียบร้อยแล้ว ในเลือดไม่มีพิษ และในร่างกายของท่านเองก็ไม่มีร่องรอยของพิษใด ๆ อยู่”

กู้ชูหน่วนโบกมือบอกให้พวกเขาออกไป

นางเปลี่ยนเสื้อผ้า สั่งให้ทุกคนกลับไป แม้แต่ฝูกวงและลั่วอิ่งนางก็ไม่เว้น

ร่างกายที่คล่องแคล่วว่องไวเคลื่อนไหวราวกับเสือในยามค่ำคืน นางตรงไปยังตำหนักอี้หยุน

ก่อนที่จะหมดสติไป ร่างกายของนางแข็งแรงเป็นปกติ

แต่หลังจากฟื้นขึ้นมา ร่างกายของนางมักจะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งไร้เรี่ยวแรงแม้ปากกายังไม่สามารถยกขึ้นมาได้

สามเดือนที่ผ่านมานี้ มีเพียงอี้หยุนเฟยเท่านั้นที่ดูแลนางอยู่ข้างกาย

หากร่างกายของนางมีอะไรผิดปกติ ทั้งหมดก็ต้องเป็นเพราะฝีมือของอี้หยุนเฟย

ด้วยความอ่อนแอเช่นนี้ แม้ว่าอี้หยุนเฟยจะยอมแลกชีวิตของตนเองเพื่อในนางมีชีวิตรอด แต่มากที่สุดก็ไม่เกินสามปี นางจะต้องไปพบกับยมบาลเป็นแน่

“ฟิ้ว……”

กู้ชูหน่วนเข้ามาในห้องหนังสือของตำหนักอี้หยุน และกำลังคิดอยู่ว่าจะรอดพ้นจากสายตาของพวกท่านปู่เจียงไปได้อย่างไร

แต่เวลานั้น ประตูห้องหนังสือกลับเปิดออกอย่างรุนแรง

“คุณชาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ท่านจะต้องตาย ข้าจะไปตามพวกผู้อาวุโสเจียง”

“อย่า……อย่าไป ท่านปู่เจียงมีทัศนคติไม่ค่อยดีกับน้อยหญิง หากเขารู้ว่าข้า……เขาจะต้องทำให้น้องหญิงลำบากใจเป็นแน่”

“แต่ร่างกายของท่านเย็นถึงขนาดนี้ และยังสั่นไม่ยอมหยุด”

“ท่านปู่อวี๋ก็ทิ้งยารักษาไว้ให้แล้วไม่ใช่หรือ……เจ้า……เจ้าไป……เจ้าไปนำมันมา……”

“คุณชาย มันเหลือเพียงแค่เม็ดเดียว เวลานี้ผู้อาวุโสอวี๋ยังอยู่ที่ชานฉุ่ย ข้าได้ส่งม้าเร็วไปขอยาจากผู้อาวุโสอวี๋แล้ว แต่ระยะทางนั้นไกลมาก เร็วที่สุดต้องใช้เวลา……ต้องใจเวลาถึงสิบวันถึงจะไปถึงที่แห่งนั้น คุณชาย อาการของท่านกำเริบวันละครั้ง หากไม่มียาตัวนี้ เกรงว่า……เกรงว่าท่านน่าจะไม่รอด……”

กู้ชูหน่วนแอบมองเข้าไป พบว่าร่างกายของอี้หยุนเฟยกำลังสั่นเทา เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาหันหลังให้นาง

กู้ชูหน่วนเองก็มองไม่ชัดว่าแท้จริงแล้วอี้หยุนเฟยเป็นอย่างไร แต่จากท่าทางและเสียงครวญครางอันแสนทุกข์ทรมานของเขา ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขารู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด

เขาอดทนต่อความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

มากเสียจนเล็บของเขาฝังลึกลงไปในเนื้อ เลือดไหลออกมาท่วมตัวของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว

อี้หยุนเฟยถือยาเม็ดสุดท้ายอย่างสั่นเทา เห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดนี้มันทรมานถึงชีวิต แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และไม่ยอมใช้ยาเม็ดนั้น

เขากล่าวออกมาด้วยริมฝีปากอันสั่นเทา “ข้า……ข้าจะต้องเก็บมันเอาไว้ เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน……ไม่……ไม่สามารถให้น้องหญิงรับ……รับรู้เรื่องนี้ได้”

หนุ่มรับใช้ของเขาร้องไห้ออกมาราวกับสายฝน โศกเศร้าจนอธิบายไม่ได้

“คุณชาย ได้ยินมาว่าทักษะทางการแพทย์ของฝ่าบาทนั้นเลิศล้ำ บางทีฝ่าบาทอาจมีวิธีรักษาท่าน หากท่านปิดบังทุกคนเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยท่านได้”

“เผ่าเพลิงฟ้ารับมือได้ยากเป็นที่สุด ไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสอวี๋จะสามารถนำแผ่นอักษรสีเหลืองกลับมาได้หรือไม่ แต่นำมันกลับมาไม่ได้……เช่นนั้น……เช่นนั้นท่านจะทำเช่นไร?”

“จะเป็นหรือตายก็แล้วแต่โชคชะตา ช่าง……ช่างมันเถิด ขอเพียงน้องหญิงปลอดภัยก็พอแล้ว”

“อึก……”

อี้หยุนเฟยคร่ำครวญอย่างรุนแรง และปิดปากของตนเองไว้แน่น

กลัวว่าเสียงมันจะดังเกินไป กลัวว่าผู้ที่คอยแอบปกป้องเขาอยู่จะรับรู้ถึงมัน

เขาดิ้นด้วยความเจ็บปวด

ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็ได้เห็นความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานของเขา

สิ่งที่ทำให้นางตกใจมากที่สุดก็คือ ร่างของอี้หยุนเฟยถูกปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดสีดำ

เลือดพวกนี้แพร่กระจายออกไปราวกับใยแมงมุม แพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง แพร่ออกไปทั่วทั้งร่างกายของเขา

“อือ……”

เส้นเลือดของอี้หยุนเฟยบวมขึ้นด้วยความเจ็บปวด

หนุ่มรับใช้วิตกกังวลเป็นอย่างมาก

“คุณชาย ข้าว่าท่านทานยาเข้าไปก่อนดีกว่า หลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นค่อยหาทางออกกันใหม่อีกครั้ง”

“ไม่……ไม่ได้ เหลือเพียงแค่เม็ดเดียว หากอาการของข้ากำเริบต่อหน้าน้องหญิง ข้าจะทำเช่นไร ไม่……จะให้นางเป็นห่วงไม่ได้ เอือก……”

“ปัง……”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บปวดเกินไปหรืออย่างไร อี้หยุนเฟยหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว

กู้ชูหน่วนรีบพุ่งออกไปพยุงร่างของเขาไว้

จากนั้นนางรีบตรวจชีพจรของเขาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของกู้ชูหน่วนเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด

ชีพจรของเขาอ่อนแอมาก

เป็นชีพจรที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

ทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพิษ

และพิษที่รุนแรงนี้เกิดจากการบาดเจ็บจากลำแสงที่เจาะเข้าไปในไขกระดูก

ชั่วพริบตาก็เหมือนว่ากู้ชูหน่วนเข้าใจอะไรขึ้นมา

หนุ่มรับใช้กล่าวออกมาด้วยความกลัว “ฝ่า……ฝ่าบาท ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

“ไปนำอ่างใส่น้ำมา”

“เพคะ…….”

หนุ่มรับใช้รีบวิ่งออกไปนำอ่างน้ำใบหน้าเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกพร้อมกับหยดน้ำตาอันโศกเศร้าบนใบหน้าของนาง

“ฝ่าบาท อ่างใบนี้มันใหญ่เกินไปหรือไม่”

“ไม่เลย”

กู้ชูหน่วนวางร่างของอี้หยุนเฟยไว้บนเก้าอี้ไม้ยาว จากนั้นก็นำเข็มและมืดออกมาจากวงแหวนอวกาศ

เข็มสามเล่มฝั่งลงไปในบนจุดเทียนหลิง

หนุ่มรับใช้ตกใจจนแทบหมดสติ

นางนำมือขึ้นมาปิดปาก “ฝ่า……ฝ่าบาท นั่นมันจุดเทียนหลิง มันคือ……จุดตาย”

กู้ชูหน่วนไม่ได้สนใจเขา เข็มแต่ละเล่มไม่ได้ฝังลงไปถึงจุดจวี้เชวี่ย จุดซานจู และจุดหย่งเฉวียนของเขา และนางก็ใช้กำลังภายในของนางในการขับพิษให้กับเขา

หลังจากฝังเข็มและรมยาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม กู้ชูหน่วนก็หยิบมีดมากรีดที่ข้อมือของเขา

เลือดสีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นแห่งความชั่วร้ายค่อย ๆ ไหลออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นรู้สึกสะอิดสะเอียนจนต้องนำมือขึ้นมาปิดปาก

หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อย ใบหน้าของกู้ชูหน่วนซีดเซียว หมดแรงและแทบจะล้มลง

หนุ่มรับใช้นำเก้าอี้มาให้นางนั่ง

“ฝ่าบาท เชิญดื่มน้ำชา”

“อาการบาดเจ็บจากลำแสงของหวงกุ้ยจวินกำเริบทุกวันเลยอย่างนั้นหรือ?”

ใบหน้าของหนุ่มรับใช้ขาวซีด ร่างกายสั่นเทา ไม่รู้จะตอบออกมาอย่างไร

“ตอบมาตามตรง ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดขอของเจ้าเสีย”

หนุ่มรับใช้รีบคุกเข่าลงทันที “ฝ่าบาทอย่างได้ทรงโกรธ ข้าน้อยไม่มีความตั้งใจที่จะปิดบัง ที่จริงคุณชาย……ไม่ หวงกุ้ยจวินกำชับไว้ ว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด”

“เวลานี้ข้ารู้แล้ว เจ้ายังจะปิดบังมันไว้อีกหรือไม่?”

“ข้าน้อยไม่กล้า ก่อนหน้านี้อาการของหวงกุ้ยจวินจะกำเริบหนึ่งครั้งในทุกสามวัน และหลังจากนั้นก็กำเริบในทุกสองวัน แต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด อาการของหวงกุ้ยจวินกำเริบทุกวัน แต่ทุกครั้งที่อาการกำเริบมันก็ช่างรุนแรงเหลือเกิน……และเจ็บปวดดังที่ท่านเห็นอยู่เวลานี้”

“เหตุใดเขาถึงได้เป็นเช่นนี้?”

“เป็น……เป็นเพราะฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บสาหัส เหล่าหมอหลวงไม่สามารถรักษาอาการป่วยของท่านได้ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสเอง……ก็จนปัญญา พ่อมดกล่าวว่า คุณชาย……ดวงวิญญาณครึ่งหนึ่งบนร่างกายของหวงกุ้ยจวินนั้นเป็นดวงวิญญาณร่างเดียวกับดวงวิญญาณในร่างกายของท่าน หากต้องการช่วยท่าน บางทีอาจจะใช้ดวงวิญญาณของเขาดึงดูดความเจ็บปวดของบาดแผลจากลำแสง และพิษของหนอนกู่มายังร่างกายของเขาได้ แต่โอกาสสำเร็จก็มีเพียงแค่หนึ่งส่วนเท่านั้น”

“หากสำเร็จ ท่านก็สามารถมีชีวิตรอดต่อไป แต่หากหวงกุ้ยจวินไม่ได้แผ่นอักษรสีเหลืองมาไว้ในครอบครอง หรือได้ดวงวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งกลับมา มากที่สุดเขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้หนึ่งเดือน และ……แม้จะได้แผ่นอักษรสีเหลืองมาฟื้นฟูดวงวิญญาณ ชีวิตของเขาก็ยังต้องทุกข์ทรมานกับบาดแผลจากลำแสงและพิษของหนอนกู่ไปตลอดกาล”

“หากไม่สำเร็จ หวงกุ้ยจวินก็จะจบชีวิตลงในทันที”

“เหล่าผู้อาวุโสไม่เห็นด้วย แต่หวงกุ้ยจวินก็ยังยืนยันว่าจะช่วยท่าน เขาต้องการแลกด้วยชีวิตของเขา พวกของผู้อาวุโสเจียงจึงทำได้เพียงหลีกทาง ดังนั้นหวงกุ้ยจวินจึงดูดพิษของหนอนกู่จากร่างกายของท่านออกมาต่อหน้าของพวกผู้อาวุโสเจียง”

“หลังจากดูดพิษของหนอนกู่ออกมา หวงกุ้ยจวินก็ทรมานราวกับตายทั้งเป็น อีกเพียงนิดเดียว……นิดเดียวก็อาจจะเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่พวกผู้อาวุโสเจียงช่วยส่งพลังภายในของพวกเขาให้กับหวงกุ้ยจวิน หวงกุ้ยจวินถึงสามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้”

“หลังจากนั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไรพวกผู้อาวุโสเจียงก็ไม่เห็นด้วยกับการที่หวงกุ้ยจวินจะนำบาดแผลจากลำแสงบนร่างกายของท่านย้ายมายังร่างกายของเขา”

“หวงกุ้ยจวินขอร้องผู้อาวุโสอวี๋และพ่อมด ผุ้อาวุโสอวี๋และพ่อมดไร้หนทาง จึงทำได้เพียงให้ความช่วยเหลือหวงกุ้ยจวิน”

“พ่อมดกล่าวว่า หากสามารถตามหาแผ่นอักษรสีเหลืองจนพบ บางทีหวงกุ้ยจวินอาจจะยังมีโอกาสรอด ดังนั้นพวกเขาผู้อาวุโสอวี๋จึงได้เดินทางไปยังชานฉุ่ยเพื่อตามหาแผ่นอักษรสีเหลือง”

“หวงกุ้ยจวินกลัวว่าหากผู้อาวุโสเจียงรู้เรื่องนี้แล้วจะเห็นห่วง จึงทนทุกข์กับความเจ็บปวดเหล่านี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา”

“และเขาก็กลัวว่าท่านจะเดินทางมายังตำหนักอี้หยุนอย่างกะทันหัน ดังนั้นหวงกุ้ยจวินจึงไม่กล้าอยู่ในห้องในสุสาน และมายังห้องหนังสือในทุกค่ำคืน”

“หลายวันที่ผ่านมาอาการของหวงกุ้ยจวินรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าน้อยเกรงว่า……เกรงว่า……อึก……”