ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข้า ตอนที่ 31 อนาคตของเด็ก

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

การแบ่งชั้นวรรณะของต้าถังเคร่งครัดชัดเจนจนน่าสะพรึงกลัว ต่างโดนตีด้วยกันแต่หลี่เฉิงเฉียนนอนคว่ำอยู่บนเตียงนิ่ม พนักงานตีใจดียังปูเบาะไว้บนสะโพกอีกชั้นหนึ่งเป็นหนังเสือโคร่งหนาราวนิ้วหนึ่ง ไม้ตียาวเชียะกว่ายังหุ้มด้วยผ้าต่วน เวลาตีบนหนังเสือมีเสียงดังผึบๆตีจนหลี่เฉิงเฉียนแทบจะนอนหลับคาเตียง มิน่าที่เจ้านี่ไม่ได้หวาดหวั่นเรื่องถูกตีเลยแม้แต่นิด อวิ๋นเยี่ยนอนคว่ำบนเตียงเสื้อคลุมถูกถอดออก ไม้ตียาวสองเชียะหุ้มด้วยผ้าต่วนเหมือนกันแต่ไม่ได้หนาเท่าของหลี่เฉิงเฉียนอย่างเห็นได้ชัด บนสะโพกไม่ได้ปูอะไรให้ ตีลงไปทีเดียวอวิ๋นเยี่ยร้องอึ๊บเหมือนสะโพกไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป ความเจ็บร้อนแผ่กระจายไปราวกับตาข่ายใยแมงมุม พนักงานตียังบอกว่า “อวิ๋นโหวอดทนหน่อย ไม้แรกๆจะเจ็บหน่อย ไม้หลังๆจะชาหมดไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว”

 

อวิ๋นเยี่ยอยากด่าให้เจ็บแสบ ไม่น่าไปยุ่งอะไรกับพวกคนงานเหมืองคนโรงงานเหล็กเลย เพราะกินอิ่มมากไปถึงได้เที่ยวไปวุ่นเรื่องชาวบ้าน เวลานี้ไม้ตีที่สะโพกตัวเองแต่ละไม้เพิ่งจะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเจ็บจนเข้ากระดูก

 

ที่เริ่มมีก่อนคือเหงื่อ ตามด้วยน้ำมูก ต่อด้วยน้ำตา ราวกับปัสสาวะก็เริ่มมาด้วย ช่างน่าขายหน้านัก ตลอดกระบวนการตีความจริงคือกระบวนการต่อสู้ของอวิ๋นเยี่ยกับกระเพาะปัสสาวะ ความเจ็บปวดกลายเป็นรอง การป้องกันไม่ให้ขายหน้าจึงเป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่ง

 

หลี่เฉิงเฉียนอยู่ข้างๆกัดฟันสูดลมเย็นเกร็งกล้ามเนื้อใบหน้าจนถึงไม้ที่ยี่สิบค่อยผ่อนคลายลง ใบหน้าอวิ๋นเยี่ยดูไม่ได้เลย ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลยาวเป็นทาง เขาสาบานว่าไม่ใช่เพราะทนเจ็บไม่ได้แต่เป็นปฏิกิริยาตอบรับทางธรรมชาติ เป็นทางเลือกของเส้นประสาทเอง

 

“โหวเหยียท่านต้องลุกขึ้นมาขยับเนื้อขยับตัวให้เลือดที่คั่งอยู่กระจายออกไปก็จะดีขึ้น ข้าน้อยลงมือเบารับรองว่าไม่มีผลกระทบกับการเดินของท่าน” พนักงานลงทัณฑ์เร่งให้อวิ๋นเยี่ยลุกขึ้น

 

“จะลุกไหวได้อย่างไร สะโพกข้าแตกเป็นริ้วหมดแล้วยังจะให้ขยับ ขยับอะไรกัน โอย สะโพกข้า!” อวิ๋นเยี่ยร้องโวยวายไม่เป็นภาษาพยายามคลานขึ้นมา พนักงานลงทัณฑ์พูดมีเหตุผล แต่มีเหตุผลแค่ไหนอวิ๋นเยี่ยยังคงด่าแหลก พอคลานลุกขึ้นมาแล้วเดินตุปัดตุเป๋ไปข้างนอก หลี่เฉิงเฉียนถามว่า “เยี่ยจื่อ เดินแถวนี้ก็พอแล้ว ยังจะไปไหนอีก”

 

“ข้าจะไปส้วม ห้ามข้าได้หรือ” อวิ๋นเยี่ยพูดโดยไม่หันกลับ รีบไปหาส้วม ปัสสาวะด้วยความลำบากจนเสร็จ ก็ได้ยินเสียงร้องราวหมูถูกเชือด ทำเอาอวิ๋นเยี่ยแทบจะฉี่ราดกางเกง

 

จนความเจ็บปวดบรรเทาลง ค่อยๆกระย่องกระแย่งกลับไปที่โดนตี พบว่าเหล่าเหอที่น่าสงสารนอนคว่ำหน้าบนม้าไม้ยาวดูเหมือนใกล้สิ้นลมปากกัดไม้ท่อนหนึ่ง สะโพกใหญ่โตเปลือยเปล่าอวดแสงแดด ไม้ที่ตีเป็นกระบองสุ่ยหว่า พนักงานตีสองคนตีกันสุดแรง ฮองเฮาเหนียงเหนียงบอกตีให้หนัก ขอแค่เหลือชีวิตไว้ก็ไม่มีปัญหา

 

อวิ๋นเยี่ยถลึงตามองพนักงานตีทั้งสองคน ก้มลงด้วยความลำบากตรวจชีพจรที่คอเหล่าเหอ ยังดี เต้นได้แรงอยู่ ไม่มีอันตรายถึงชีวิต

 

พนักงานตีทั้งสองโดนอวิ๋นเยี่ยจ้องจนนึกปอด แต่รู้สึกได้ว่าเป็นคำสั่งฮองเฮาไม่ต้องกลัวอวิ๋นเยี่ยจึงยืดหน้าอกขึ้น เหล่าเหอเริ่มมีสติกลับมาร้องไห้เสียงลั่น

 

อวิ๋นเยี่ยได้ยินเสียงเขาร้องไห้ค่อยวางใจ เหล่าเหอครั้งนี้ถูกตัวเองลากมาโดนด้วยทำให้ถูกตีโดยไม่สมควร ตัวเองจึงน่าโดนเพราะไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบก็ปล่อยสิ่งที่ไม่เหมาะกับยุคสมัยออกมา ถือว่าการโดนตีครั้งเป็นการชดเชยให้บรรดาวิญญาณที่ตายอย่างน่าอนาถ

 

พอเหล่าเหอร้องไห้อวิ๋นเยี่ยก็อดไม่ได้น้ำตาร่วงด้วย สังคมที่เลวร้ายนี้เป็นสังคมที่ไม่ได้ให้คนดีอยู่รอดอย่างเหมาะสม ทุกครั้งที่ตัวเองนึกอยากทำความดีบ้างก็ต้องเจอเรื่องเลวร้ายตลอด มาฉางอันแต่ละครั้งเจอเรื่องร้ายทุกครั้ง ครั้งหน้าต่อให้มีเกี้ยวแปดคนหามมาเชิญก็จะไม่ก้าวเท้าเข้าฉางอันแม้เพียงก้าวเดียว

 

หลี่เฉิงเฉียนถูกฮ่องเต้เรียกตัวไปแล้ว ลานที่ว่างอยู่เหลือแค่คนโชคร้ายที่กำลังร่ำไห้อยู่สองคน สะโพกเหล่าเหอโดนตีจนเนื้อแตกยับเยิน อวิ๋นเยี่ยถอดกางเกงเขาออกมา หากเลือดแห้งกรังติดกางเกงต้องแกะออกตอนรักษาแผลจะสาหัสกว่า ก่อนมาได้เตรียมการไว้มียาผงขาวที่ซุนซือเหมี่ยวปรุงไว้ สรรพคุณไม่ได้ดีเหมือนของเดิม เหล่าซุนว่าขาดเถียนชีที่เป็นตัวยาสำคัญ เขาเตรียมเดินทางไกลไปหนานเจาจะไปค้นหาที่เหวินซันตามที่เอวิ๋นเยี่ยบอกไว้ หากหาได้แล้วก็จะได้เตรียมเพาะพันธุ์เพิ่ม

 

เหล่าเหออ้วนมากอวิ๋นเยี่ยใช้แรงมหาศาลกว่าจะลากเขาขึ้นไปบนแคร่ได้ เบาะโดนเก็บไปแล้ว โรยใส่ยาผงบนสะโพกเหล่าเหอแล้วตั้งใจให้เหล่าเหอโรยใส่สะโพกตัวเองบ้างแต่ก็ใช้ไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว สะโพกเจ้านี้ใหญ่กว่าใครๆ ปริมาณยาที่ซุนซือเหมี่ยวให้มาเป็นขนาดใช้ได้สามคน

 

เหล่าเหอหลับอยู่บนแคร่ไม้ไผ่เพราะสูญเสียพลังไปมากเกิน พอความเจ็บที่สะโพกบรรเทาลงก็หลับเป็นตายไปเลย นอกประตูมีแท่นหินใหญ่เดิมทีใช้เป็นที่วางเสา เวลานี้ไม่รู้เสาไปไหนกันหมดเหลือเพียงแค่แท่นหิน เดินเกาะกำแพงจนมาถึงแล้วก็นอนคว่ำหน้าดูน่าสบายดี

 

ระหว่างที่สะลึมสะลือก็ราวกับมีคนมาคลายกางเกงตัวเอง ท่าจะไม่ได้การกำลังจะอ้าปากด่า หันไปพบว่าเป็นหลี่อันหลาน ไม่ได้พบกันสองเดือนกว่านางมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ทรงผมเปลี่ยนเป็นแบบหญิงเต็มวัยสวมชุดผ้าทอดำ ทำให้ใบหน้ายิ่งขาวเนียนมากขึ้น นางคลายกางเกงของอวิ๋นเยี่ยโดยไม่มีความเคอะเขินแม้แต่นิด พอเห็นเป็นนางแล้วอวิ๋นเยี่ยก็นอนคว่ำกลับไปอีก

 

นิ้วมือนางเย็นเฉียบยาผงก็โรยเกลี่ยได้ละเอียด เมื่อครู่เห็นเพียงแวบเดียวอวิ๋นเยี่ยก็รู้เลยว่านางมีครรภ์ จากทรวงอกที่ตั้งชันขึ้นผิวพรรณที่เปล่งปลั่งขึ้น ก็ดูออกแล้วว่านี่คือสิ่งที่ซุนซือเหมี่ยวมอบให้เขา

 

รอจนนางทายาเสร็จกำลังเป่าลมเย็นให้ส่วนที่ซึมออกมาแห้งสนิท เวลานี้เอง อวิ๋นเยี่ยถามนางกะทันหัน “เจ้าจะจัดการเด็กอย่างไร” เป็นคำถามที่ห้วนสั้นมาก

 

“นี่เป็นลูกของข้า ข้าย่อมจะต้องให้คลอดออกมา พอข้าแก่ชราจะได้มีคนไว้ทุกข์ให้ข้าได้ ข้าไม่ยอมเป็นวิญญาณร่อนเร่พเนจรหรอก อวิ๋นโหวถามเรื่องลูกข้าทำไมหรือ”

 

หลี่อันหลานไม่ได้รู้สึกไยดี หันมองเขาด้วยอาการประหลาดใจ ราวกับว่าเด็กคนนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอวิ๋นเยี่ยเลย

 

“เด็กตระกูลอวิ๋นจะถูกกดขี่ไม่ได้เรื่องนี้เจ้าต้องเข้าใจ ข้าจะไม่ยอมให้เขาถูกกดขี่ นี่เป็นลูกชายคนโตของข้า หากเจ้ากล้าทำให้เขากลายเป็นหุ่นเชิดหรือเป็นตัวประกัน ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ”

 

เรื่องอื่นยังพอจะพูดได้ แต่พอเกี่ยวข้องกับลูกอวิ๋นเยี่ยไม่ยอมถอยแม้เพียงก้าวเดียว จ้องหน้าหลี่อันหลานรอคำตอบจากนาง

 

“นี่ก็เป็นลูกของข้าเป็นลูกคนโตของข้าเหมือนกัน ข้าย่อมจะต้องฟูมฟักให้เขามีปัญญาไม่ว่าเป็นหญิงเป็นชายก็ต้องเป็นเจ้าในผืนดินแปดร้อยลี้นั้น ข้าเป็นคนชะตาชีวิตขมขื่นชาตินี้ขอมีชายคนเดียวลูกคนเดียว อวิ๋นเยี่ย หากเจ้ากล้าแย่งชิงเขาจากอกข้า ข้าจะยอมสู้ตายกับเจ้า”

 

หลี่อันหลานลูบท้องเบาๆด้วยอาการแสนนุ่มนวลแต่ใช้คำพูดที่เด็ดขาด ไม่ให้คนดูถูกความตั้งใจที่แน่วแน่ของนาง

 

อวิ๋นเยี่ยผงกศีรษะไม่ได้พูดต่อ เวรกรรมที่ผู้ใหญ่สร้างไว้ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เด็กต้องมารับเคราะห์ด้วย ขอเพียงให้เขาเติบโตแข็งแรง อวิ๋นเยี่ยไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะแซ่อวิ๋นหรือแซ่หลี่

 

เห็นอวิ๋นเยี่ยยอมรับ ความกังวลของหลี่อันหลานที่มีมาตลอดสองเดือนเริ่มวางลงได้ อาศัยฝีมือระดับเทวดาของอวิ๋นเยี่ย นางไม่สงสัยเลยว่าอวิ๋นเยี่ยจะแย่งชิงลูกจากข้างกายนางไปได้ เมื่อเห็นว่ามีการรับปากแล้วนางหมดความกังวล ใบหน้าเริ่มมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา

 

“นี่ฮูหยินเจ้าคงจะคลอดลูกไม่ได้ใช่ไหม นานป่านนี้ยังไม่เห็นมีข่าวคราวอะไรเลย ตระกูลอวิ๋นของเจ้ามีเจ้าคนเดียว หากแต่งงานกับแม่ไก่ที่ไข่ไม่ได้ท่านย่าเจ้าคงต้องโกรธจนไปกระโดดน้ำแน่

 

พูดจบยังตั้งใจวิ่งมาหน้าอวิ๋นเยี่ยแอ่นพุงที่แบนอยู่ให้ดู

 

“ลูกข้าเป็นคนวาสนาดี นอกจากได้สืบทอดที่พระราชทานแปดร้อยลี้ของแม่แล้ว ยังได้สืบทอดสมบัติมากมายที่พ่อผู้ไร้หัวใจของเขาสร้างสมมาด้วยความลำบากลำบนมาทั้งชีวิต ฮ่าๆ นึกถึงนี่แล้วความแค้นของข้าทั้งหมดก็หายไปหมดสิ้นแล้ว”

 

“อาศัยไอคิวของเจ้ามีที่พระราชทานแปดร้อยลี้ได้พักอาศัยก็ถือว่าดีมากแล้ว หลิ่งหนานเป็นพื้นที่แบบไหนเจ้ารู้ไหม อิทธิพลของเฝิงอั้งแม้แต่บิดาเจ้ายังไม่กล้าดูแคลน เขาซั่งหยางซันเวลานี้ยังมีกองทหารหกพันคนประจำการคอยเฝ้าระวังทั้งกลางวันกลางคืนไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย เจ้ามีอะไรหรือ อย่างมากก็พกแค่กระพรวนรถม้าหนึ่งคันทหารสิบกว่าคน ยังจะมาที่แปดร้อยลี้อีก เรื่องกองทัพของชาติใช่สิ่งที่สตรีเช่นเจ้าจะมาทำเล่นได้หรือ”

 

อาการเหิมเกริมของหลี่อันหลานเมื่อครู่นี้หายไปเลยทันที หยิบพัดออกมาพัดที่สะโพกอวิ๋นเยี่ย นางเข้าใจดีว่าหากปราศจากความช่วยเหลือของอวิ๋นเยี่ย การไปอยู่ไกลถึงหลิ่งหนานได้เกินสองปีต้องนับว่าเก่งเกินคน

 

“เจ้าวางใจเถอะข้าจัดการให้แล้ว ต่อให้ไม่ได้ห่วงเจ้าเลยข้าก็ยังต้องคิดถึงความปลอดภัยของลูกข้า ฮึ่ม เฝิงอั้ง หากเจ้ายอมทำตามที่รับปากไว้ดีๆทุกคนจะต่างอยู่ดีกันหมด หากมีความคิดที่ไม่สมควรข้าจะทำให้เจ้าเดือดร้อนไม่ว่าเป็นหรือตาย แม้หลิ่งหนานอยู่ไกลนึกหรือว่าข้าจะไม่มีปัญญาจัดการเจ้าได้”

 

ก่อนนี้หลี่อันหลานชอบที่จะฟังอวิ๋นเยี่ยคุยอวดอยู่แล้ว เวลานี้อวิ๋นเยี่ยก็เริ่มออกอาการเช่นนั้นอีก เป็นสิ่งที่หลี่อันหลานหลงใหลได้ปลื้ม หากครั้งนั้นอวิ๋นเยี่ยมีอาการเช่นนี้ออกมาบ้างหลี่อันหลานก็คงไม่ทอดทิ้งอวิ๋นเยี่ยไปหาคนอื่น

 

“เจ้าฟังไว้ข้าจัดการให้หงเฉิงเป็นหัวหน้าทหารเจ้า เวลานี้เขาทำการผิดพลาดถูกฮ่องเต้ลดยศถอดศักดิ์ ถึงแม้ดวงตกแต่ยังคงเป็นทหารคนสนิทของฮ่องเต้ ฝีมือการรบดีมากมีทหารเก่าชำนาญการรบสามพันให้เขานำทัพ คิดว่าความปลอดภัยของเจ้าก็ไม่มีปัญหา จำไว้ว่าอย่าได้ไปแหย่เฝิงอั้ง ด้านตะวันตกของหลิ่งหนานเป็นพื้นที่เฝิงอั้งอย่าได้ล่วงล้ำแม้แต่นิด เขาเป็นพันธมิตรกับเจ้าได้เท่านั้นให้เป็นศัตรูไม่ได้เด็ดขาด เมื่อไรที่เป็นศัตรูเจ้าทุกสิ่งในหลิ่งหนานของเจ้าจะถึงจุดจบ

 

เจ้าขยายไปทางใต้สุดได้ ด้านนั้นใกล้ทะเลทั้งมีแม่น้ำ เป็นเส้นเลือดการขยายตัวของเจ้า หากเป็นไปได้เจ้าจะต้องควบคุมเส้นทางเหมยหลิ่งกู่เต้า เป็นภารกิจแรกที่จะต้องให้ไปมาสะดวก ข้าเตรียมวัสดุไม้ต่างๆไว้ที่หันโกวพอที่จะให้เจ้าต่อเรือใหญ่ได้สิบกว่าลำ ทหารเก่าสามพันคนนั้นล้วนชำนาญทางน้ำ คนคุมเรือก็หาไว้ให้แล้ว ข้ายังเตรียมคนต่อเรือไว้ให้เจ้าอีก มือไม้คนที่ไปครั้งก่อนน้อยเกินไป พ่อลูกตระกูลเฉาที่กงซูมู่แนะนำยังไปไม่ถึง พวกเขาจึงเป็นผู้ชำนาญการต่อเรือ

 

จำไว้ว่าอย่าได้เอาแต่ใจเป็นอันขาดจงทำดีต่อคนพวกนี้มากๆ อย่างน้อยอย่าได้แสดงออกทางที่เป็นราชวงศ์ ต่อไปแม้จะดวงตกก็ยังมีพวกเขาอยู่ ความสำเร็จในการถอยหนีจะเพิ่มขึ้นมามาก ก่อนเจ้าไปข้ายังจะมีข้อกำหนดมอบให้ หากเจ้าไม่ใช้อารมณ์ข้ารับรองว่าภายในสิบปีเจ้าจะกลายเป็นคนที่มีกำลังกล้าแข็งที่สุดในหลิ่งหนาน” หลี่อันหลานฟังอวิ๋นเยี่ยอยู่อย่างแน่นิ่งจนจบ อยู่ดีๆก็งับก้นของอวิ๋นเยี่ยอย่างแรง