ถังเจิ้นหวามองถังซีด้วยรอยยิ้ม เอื้อมมือไปหาเธอ ถังซีกุมมือท่านไว้และยิ้มให้ท่าน ถังเจิ้นหวาตบหลังมือเธอเบาๆ ดวงตาท่านเริ่มแดงเรื่อ “ซีซี ปู่ขอบใจหนูมากนะ” 

 

 

ถังซีนั่งลงข้างๆ ถังเจิ้นหวา กล่าวอย่างตื้นตัน “คุณปู่คะ คุณปู่พูดอะไรคะ ตอนนี้คุณปู่ได้พบคุณป้าแล้ว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือคุณปู่ต้องเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพวกเราตลอดไปค่ะ” 

 

 

“คุณย่าของหนูที่อยู่บนสวรรค์ต้องอวยพรให้เราแน่ๆ” น้ำตาไหลรินจากดวงตาถังเจิ้นหวา น้ำเสียงท่านแหบแห้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะพรจากคุณย่า ปู่ก็คงไม่ได้พบกับหลานของปู่อีกครั้ง แล้วนับประสาอะไรกับการตามหาป้าของหนู ทุกอย่างถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นทำไมหนูถึงได้…” 

 

 

“ใช่ค่ะ” ถังซีรีบบีบมือท่านและพยักหน้า “ทุกสิ่งถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว และคุณย่าก็อวยพรเราอยู่บนสวรรค์ ไม่อย่างนั้นเราคงตามหาคุณป้าไม่เจอ และหนูก็คงไม่ได้กลับมาหาคุณปู่ ตอนนี้ทั้งคุณป้าและหนูก็มาอยู่เคียงข้างคุณปู่แล้ว คุณปู่ได้โปรดหายโดยเร็วที่สุดนะคะ ตกลงไหมคะ” 

 

 

“ปู่อยากโอนหุ้นทั้งหมดของปู่ในเอ็มไพร์กรุปให้หนู” ถังเจิ้นหวาถอนหายใจและมองหน้าถังจง ถังจงส่งเอกสารที่ถืออยู่ในมือให้ถังซี ถังซีรู้สึกประหลาดใจ ถามถังเจิ้นหวาว่า “ทำไมล่ะคะคุณปู่” 

 

 

ถังเจิ้นหวายิ้ม กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “นี่เป็นการจัดการที่ดีที่สุด คุณป้าของหนูก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของปู่ นอกจากนี้ปู่ยังได้เขียนพินัยกรรมและจัดการการโอนหุ้นไว้แล้วเมื่อห้าปีก่อน คนในตระกูลถังจะทำอะไรกับหุ้นนี้ไม่ได้ ตอนนี้หนูคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเอ็มไพร์กรุป” 

 

 

ถังซีมองดูหลักฐานการโอนหุ้นในมือและขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าเธอ… 

 

 

“คุณปู่คะ คุณปู่ก็รู้ว่าหนู…” อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอไม่ใช่ถังซีอีกต่อไปแล้ว แม้เธอจะกลับมาได้ด้วยความช่วยเหลือของหน้ากากผิวหนัง แต่เธอก็ไม่สามารถสลับไปมาระหว่างตัวตนทั้งสองได้บ่อยๆ 

 

 

ถังเจิ้นหวาพยักหน้า “ปู่รู้ว่าเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับหนู แต่ปู่เชื่อมั่นในความสามารถของหนู หนูจะโอนหุ้นของหนูให้เซียวโหรวก็ได้นี่” 

 

 

ถังซีถอนหายใจ เมื่อถึงตอนนี้ถังจงก็กล่าวขึ้นว่า “คุณหนูครับ นายท่านทุ่มเททั้งชีวิตให้กับบริษัทและตัวคุณหนู ถึงอย่างไร แม้จะยังเป็นชื่อของนายท่าน คุณหนูก็ต้องปกป้องเอ็มไพร์กรุปเพื่อท่านอยู่ดีนี่ครับ” 

 

 

ถังซีมองหน้าถังจงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า “เอาละค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกับคุณป้าคุณลุงกันก่อน” ถังซีมองหน้าถังจง ขมวดคิ้ว และกล่าวต่อไป “หนูอยากโอนหุ้นของหนูให้โหรวโหรว อย่างไรก็ตามคุณปู่คงก่อตั้งเอ็มไพร์กรุปไม่ได้หากไม่มีเงินลงทุนของคุณย่าซู่หวา และโหรวโหรวก็เป็นหลานสาวโดยสายเลือดของท่าน เพราะฉะนั้น…” 

 

 

“แต่คุณหนูครับ คุณหนูโหรวโหรวไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการเลยนะครับ” ถังจงมองหน้าถังซี “ตัวคุณหนูมีความสามารถในการดูแลและจัดการหุ้นได้ในแบบที่คุณหนูต้องการ แต่…คุณหนูเซียวโหรวอาจถูกคนอื่นๆ ล่อลวงให้จัดการไปในทางที่ผิดได้นะครับ” 

 

 

ถังซีครุ่นคิด ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ถังจงพูดนั้นสมเหตุสมผล ไม่เหมาะสมที่เธอจะทำแบบนี้ แม้เธอจะระบุไว้ในพินัยกรรมแล้วว่าเซียวโหรวคือผู้สืบทอดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเธอก็ตาม แต่การทำแบบนี้จะสร้างปัญหาให้เซียวโหรว เพราะผู้คนจะสงสัยสาเหตุการตายของถังซี 

 

 

แม้เธอจะทำพินัยกรรมไว้แล้ว แต่จิตใจของผู้คนนั้นซับซ้อนยิ่งนัก 

 

 

ถังซีเดินออกมาจากห้องคนไข้ ถังหย่ากับเซียวหงอี้รอเธออยู่ที่ทางเดิน ถังซีเดินเข้าไปทักทายคนทั้งสอง เมื่อเห็นว่าถังซีดูท่าทางเป็นมิตร ถังหย่าก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนูเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมาก ป้าประทับใจในตัวหนูมานานแล้ว และตอนนี้ป้าก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าหนูเป็นคนเก่งจริงๆ” 

 

 

เมื่อเห็นถังหย่าพยายามสนทนากับเธออย่างเคอะเขิน ถังซีก็ยิ้ม “คุณป้าคะ เรากลับไปที่อุทยานเอ็มไพร์กันเถอะค่ะ หนูอยากคุยเรื่องบางอย่างกับคุณลุงคุณป้า” 

 

 

“แล้วคุณปู่ล่ะจ๊ะ…” ถังหย่าเป็นห่วงถังเจิ้นหวา 

 

 

ถังซีหันไปมองห้องคนไข้แล้วยิ้มให้ถังหย่า “มีคนดูแลคุณปู่อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” 

 

 

… 

 

 

ที่อุทยานเอ็มไพร์ 

 

 

ถึงแม้เซียวหงอี้กับถังหย่าจะได้เห็นข่าวและเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับอุทยานเอ็มไพร์ แต่ทั้งสองก็ยังคงตื่นเต้นเมื่อเข้าไปภายใน ที่นี่เหมือนเป็นหมู่บ้านพักร้อนในฝันอย่างแท้จริง! 

 

 

ถังซีพาทั้งสองเข้าไปข้างใน สั่งคนรับใช้ให้เตรียมน้ำชากับผลไม้ และเตรียมห้องพักให้พวกเขา เมื่อเหลือกันเพียงสามคนในห้องนั่งเล่นเธอก็กล่าวขึ้นว่า “คุณป้าคะ หนูอยากปรึกษาคุณป้าเรื่องหุ้นเอ็มไพร์กรุปค่ะ” 

 

 

ถังหย่ามองหน้าถังซีด้วยความประหลาดใจ หลานสาวของเธอช่างเป็นคนน่ากลัวจริงๆ เธอเพิ่งได้กลับเข้ามาในตระกูล หลานสาวก็จะขอให้เธอสละสิทธิ์ในหุ้นเอ็มไพร์กรุปตั้งแต่แรกเลยอย่างนั้นหรือ 

 

 

แม้เธอจะไม่เคยต้องการหุ้นเหล่านี้ แต่เธอก็ไม่สบายใจที่ได้ยินคำพูดของถังซี 

 

 

ถังหย่าขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเย็นชา “ประธานถัง ป้าแค่อยากมีโอกาสได้อยู่กับคุณพ่อ ป้าไม่เคยต้องการหุ้นของบริษัท ดังนั้นหนูไม่ต้องกังวลเรื่องนี้” 

 

 

ถังซีรู้สึกประหลาดใจที่จู่ๆ คุณแม่ก็เรียกเธอว่า ‘ประธานถัง’ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คิดออกว่าถังหย่าเข้าใจผิด เธอยิ้ม กล่าวกับทั้งสองว่า “คุณลุงคุณป้าเข้าใจหนูผิดแล้วค่ะ หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” 

 

 

เซียวหงอี้มองถังซีอย่างไม่พอใจ เขามาที่นี่กับอาหรูเพราะคุณถังเป็นบิดาของเธอ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเงิน! 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซี เซียวหงอี้ก็ยังคงทำหน้าบึ้ง มองหน้าถังซี “แล้วคุณหมายความว่ายังไง” 

 

 

เมื่อถึงตอนนี้คนรับใช้ก็ยกน้ำชากับผลไม้เข้ามาให้ ถังซีบอกให้พวกเธอวางน้ำชาลงและออกไป เมื่อทั้งสามอยู่ตามลำพังถังซีก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง แล้วหันกลับมามองถังหย่ากับเซียวหงอี้ซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟา และกล่าวอย่างจริงใจว่า “หนูต้องการโอนหุ้น ทั้งของหนูและหุ้นที่คุณปู่มอบให้หนูให้โหรวโหรว ลูกพี่ลูกน้องของหนูค่ะ” 

 

 

“อะไรนะ!” เซียวหงอี้กับถังหย่าผุดลุกขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองจ้องมองถังซีด้วยความตกใจ “หนูล้อเล่นหรือเปล่า” 

 

 

ถังซีส่ายศีรษะ “หนูไม่ชอบการล้อเล่นค่ะ” 

 

 

“ป้าไม่เห็นด้วย” ถังหย่าปฏิเสธทันที “โหรวโหรวเองก็คงไม่เห็นด้วย แล้วอีกอย่างโหรวโหรวยังไม่รู้วิธีบริหารจัดการบริษัทหรอกจ้ะ เธอยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย” 

 

 

“แต่เท่าที่หนูรู้ เธอเป็นนายใหญ่ของบริษัทหนึ่งอยู่แล้ว” ถังซีมองหน้าถังหย่า “และหนูคิดว่าคนที่มีประสบการณ์ชีวิตไม่ธรรมดาอย่างน้องโหรวโหรว จะต้องมีจิตใจมุ่งมั่นอย่างมาก และแน่นอนว่าโหรวโหรวเป็นเด็กผู้หญิงที่เก่งมาก เพราะฉะนั้นหนูคิดว่าเธอจะสามารถรับมือได้ แล้วอีกอย่าง… นี่คือสิ่งที่เธอสมควรได้รับไม่ใช่เหรอคะ” 

 

 

“ไม่ใช่ หุ้นทั้งหมดนี้ควรเป็นของคุณ ไม่ใช่ของเธอ” เซียวหงอี้กล่าว