ตอนที่ 112-2 คนที่ทำให้เขาเจ็บ สับมันเป็นชิ้นๆ

จำนนรักชายาตัวร้าย

“ส่วนยาที่จะใช้กำจัดหนูและเหา ข้าน้อยจะรีบคิดค้นขึ้นมาให้เร็วที่สุด และจะต้องแจกจ่ายให้ถึงมือทุกบ้าน กาฬโรคระบาดในคราวนี้เราพบได้เร็ว ดังนั้นจึงยังไม่เป็นปัญหาหนักหนาอะไร ขอฝ่าบาททรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรปลุกขวัญชาวประชาด้วยเถิดเพคะ!”

 

 

ได้รับข้อมูลเป็นกระดาษปึกใหญ่ จากนั้นซย่าโหวจวินอวี่จึงสุ่มหยิบออกมาสองสามแผ่น

 

 

“แล้วยารักษากาฬโรคเจ้าคิดว่าจะเผยแพร่ออกมาได้เมื่อไหร่กัน”

 

 

ในตอนนี้ นอกเหนือจากประหลาดใจแล้ว ยังมีอาการตกตะลึงพรึงเพริดอีกด้วย

 

 

เพราะในยุคสมัยนี้ เหล่าแพทย์ทั้งหลายล้วนแต่มีเคล็ดวิชาความรู้เป็นของตัวเอง จึงไม่มีแพทย์คนไหนจะยินยอมป่าวประกาศสูตรยาของตนเองให้สาธารณชนได้รับรู้ได้

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สูตรยารักษากาฬโรคนี้ ที่ล้ำค่าอย่างยิ่งยวด!

 

 

ซึ่งสามารถพูดได้เลยว่ามูลค่ามากมายมหาศาลที่ไม่ว่าเงินทองมากมายเท่าไหร่ก็มิอาจหาซื้อหรือเรียกร้องมาได้!

 

 

“เพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวเท่านั้นเอง หากว่าในเวลาแบบนี้ข้าน้อยยังปกปิดหมกเม็ดเอาไว้ก็มิเท่ากับเห็นชีวิตคนเป็นของเล่นหรอกหรือ!”

 

 

“หากว่าประชาชนทุกคนได้เรียนรู้ว่าจะป้องกันกาฬโรคนี้ได้อย่างไร รักษาโรคนี้ได้อย่างไร ก็จะเข้าใจเองว่าแท้ที่จริงแล้วกาฬโรคไม่ได้น่าหวาดกลัวอย่างที่คิด! ภายหน้าหากพบเจอเหตุการณ์ในลักษณะที่คล้ายกันนี้อีก ทุกคนก็จะรู้เองว่าควรจะจัดการกับมันอย่างไร!”

 

 

“ดีๆ ลำบากเจ้าแล้ว!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ซาบซึ้งใจเป็นอันมาก มือที่หยิบสูตรยาขึ้นมานั้นกำลังสั่นระริก

 

 

ลูกชายสายตาแหลมคมเสียจริงๆ หาผู้หญิงที่ดีจิตใจงดงามมาเป็นคู่ครอง!

 

 

เหล่าขุนนางที่เมื่อครู่ยังคิดคิดเล็กคิดน้อย ได้ฟังในสิ่งที่อวี้เฟยเยียนกล่าวมาก็รู้สึกผิดยิ่งนัก

 

 

เปรียบเทียบกับอวี้เฟยเยียนแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกผิดยิ่งขึ้นไปอีก!

 

 

อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว แต่ความคิดและจิตใจยังเทียบอะไรกับแม่นางน้อยผู้นี้ไม่ได้เลย!

 

 

ชื่อเสียงภาพลักษณ์ของอวี้เฟยเยียนเดิมทีก็สูงส่งอยู่แล้ว ซึ่งบัดนี้ในใจของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ยิ่งเทิดทูนนางมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่ากลายเป็นสัญลักษณ์ของศรัทธาที่แก่กล้าของใครหลายคน

 

 

ใต้เท้าอวี้หลัวซ่ามิใช่มีเพียงความสามารถที่แก่กล้าเหนือใคร ทั้งยังมีจิตใจที่สูงส่งกล้าหาญ

 

 

มีปรมาจารย์เช่นนี้ นับเป็นวาสนาของต้าโจวยิ่งนัก!

 

 

เมื่อเห็นสายตาที่เคารพนับถือของทุกคนที่จ้องมองมายังอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกภาคภูมิใจยิ่งนัก

 

 

แมวน้อยของพี่!

 

 

นางเป็นของข้า!

 

 

มองดูสีหน้าปลื้มปริ่มได้ใจของซย่าโหวฉิงเทียนนั้นแล้ว ก็ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่อารมณ์ดียิ่งนัก

 

 

รอให้กาฬโรคที่กำลังระบาดนี้สงบลงเสียก่อน จะได้จัดงานแต่งให้พวกเขาเสียที!

 

 

จะต้องรีบแต่งลูกสะใภ้เสียแล้ว!

 

 

มิควรจะให้ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นโสดเช่นนี้นาน!

 

 

คิดไปคิดมาซย่าโหวจวินอวี่ก็ด่าทอแคว้นเสวี่ยอยู่ในใจอีกชุดใหญ่

 

 

หากไม่ใช่พวกมันสร้างเรื่องขึ้น ในตอนนี้เขาก็คงกำลังตั้งใจตระเตรียมจัดงานแต่งงานแต่งงานของซย่าโหวฉิงเทียนไปแล้ว

 

 

แคว้นเสวี่ยสมควรตาย!

 

 

บัญชีนี้ข้าจะทดไว้ก่อน!

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่รีบจัดแบ่งหน้าที่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากหอคืนชีพยังรับผู้ป่วยที่ติดกาฬโรคเอาไว้อีกส่วนหนึ่ง เขาจึงมีคำสั่งให้ปิดล้อมหอคืนชีพ จัดให้เป็นสถานที่กักกันของผู้ป่วยกาฬโรค เพื่อกักบริเวณแยกคนป่วยออกจากคนปกติ

 

 

ส่วนในวังหลวง ซย่าโหวจวินอวี่ก็จัดการตามคำแนะนำของอวี้เฟยเยียนอย่างเคร่งครัด อีกด้านหนึ่ง พวกของตี้อู่เฉินกลับถึงที่พักของคณะทูต

 

 

“ท่านราชครู ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี”

 

 

องค์หญิงถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้นอนเจ็บอยู่บนเตียงไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

 

 

พวกเขาเดินทางมาตั้งไกลเพื่อมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี นึกไม่ถึงว่าเรื่องดีกลับกลายเป็นเรื่องร้าย ฮ่องเต้แห่งต้าโจวก็ขับไล่พวกเขาออกจากวังอย่างโหดเ**้ยม แล้วต่อไปควรจะกระทำอย่างไรต่อไปดี

 

 

หรือว่าจะรีบเดินทางกลับให้เร็วที่สุด

 

 

“รอให้องค์หญิงฟื้นเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”

 

 

เห็นชาวคณะทูตเอาแต่จ้องมองมาที่ตนเอง ตี้อู่เฉินจึงเอ่ยปากออกไปปลอบใจทุกคน

 

 

“ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรีบรักษาอาการบาดเจ็บขององค์หญิง!”

 

 

ปลุกปลอบให้กำลังใจชาวเสวี่ย จนพวกเขายอมแยกย้ายกันออกไปแล้ว ตี้อู่เฉินก็พาเฉินเจินลักลอบหลบหนี้ออกจากเรือนราชทูตไปอย่างลับๆ

 

 

ตอนนี้พวกเขาได้ล่วงเกินถึงต้าโจวแล้ว ใครจะไปรู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะเกิดบ้าคลั่ง มาฆ่าพวกเขาทั้งหมดทิ้งอีกเมื่อเมื่อไหร่ ดังนั้นรีบหนีออกไปก่อนจะปลอดภัยที่สุด

 

 

หลังจากที่คนทั้งสองผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็หลบหนีออกจากจวนราชทูตไป

 

 

ขณะที่เพิ่งจะเลี้ยวออกจากมุมถนน ก็เห็นกองทัพทหารของต้าโจวปิดล้อมจวนราชทูตเอาไว้

 

 

ตี้อู่เฉินคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดยิ่งนัก คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำราวกับเทพเซียน!

 

 

“ผู้เฒ่าเฉิน วรยุทธ์ของซย่าโหวฉิงเทียนล้ำเลิศกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้มาก!”

 

 

มีตี้อู่เฉินรักษาบาดแผลให้ ในตอนนี้มือขวาของเฉินฉู่นี้ไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป

 

 

เมื่อคิดถึงว่ามือขวาของตนถูกคนผู้นั้นบีบจนแหลกเหลวได้อย่างง่ายดาย เฉินฉู่ก็เจ็บแค้นจนกัดฟันกรอด

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนทำลายมือขวาของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับทำลายชีวิตของเขา!

 

 

แค้นนี้ ต้องชำระ!

 

 

 “เฉินเจินจะต้องตายด้วยน้ำมือเขาเป็นแน่! มันทำลายมือของข้า ข้าจะต้องตัดหัวมันล้างแค้น!”

 

 

เห็นเฉินฉู่เป็นเช่นนี้ ตี้อู่เฉินก็ทอดถอนใจยาว

 

 

“เจ้าอย่าเพิ่งใช้อารมณ์ จะไม่ดีต่อการรักษาบาดแผล! ข้าวางแผนผิดพลาด ข้านึกไม่ถึงว่าบนแผ่นดินหลัวอวี่จะมีคนที่ร้ายกาจเพียงนี้ได้! ในเมื่อวรยุทธ์พวกเราสู้มันไม่ได้ เช่นนั้นก็เหลือเพียงใช้พิษแล้ว!”

 

 

เมื่อเอ่ยถึงพิษ ตี้อู่เฉินก็ยิ้มชั่วร้ายออกมา

 

 

“เจ้าวางใจเถอะ! ข้าได้ทายาพิษชนิดออกฤทธิ์อย่างช้าๆเอาไว้บนธนูผ่านเมฆาแล้ว!”

 

 

พวกคนชั้นต่ำพวกนั้นจะต้องไม่เคยพบเห็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมเท่านี้มาก่อนอย่างแน่นอน!

 

 

ถึงแม้ว่าธนูนั้นจะเป็นของเลียนแบบ แต่พวกมันไหนเลยจะล่วงรู้ได้ ธนูผ่านเมฆาจะต้องถูกประทานให้กับซย่าโหวฉิงเทียนเป็นแน่ ขอเพียงเขาสัมผัสมัน ภายในสิบวัน เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

“จริงหรือ”

 

 

ได้ยินดังนั้น สีหน้าหมองหม่นของเฉินฉู่ก็ดีขึ้นมาก

 

 

“หากว่าซย่าโหวฉิงเทียนตายเสียได้ เท่ากับข้า เฉินฉู่ติดข้างน้ำใจท่านหนึ่งครั้ง! ภายหน้าหากว่าท่านต้องการความช่วยเหลือ ขอเพียงแค่ท่านเอ่ยปากเรียกใช้ข้าเท่านั้น!”

 

 

คำสัญญาของเฉินฉู่มีประโยชน์อย่างที่สุดกับตี้อู่เฉิน

 

 

คนทั้งสองตกลงผลประโยชน์ร่วมกันเนื่องด้วยเรื่องของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

ดวงจิตที่ส่งไปส่งสารกลับมาเป็นบทสนทนาระหว่างตี้อู่เฉินและเฉินเจิน ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนที่ยังคงอยู่ในวังได้รับรู้ สีหน้าของเขาเข้มขึ้นทันตา

 

 

เป็นพวกมันจริงๆ!

 

 

มั่นใจในตัวเองเกินไปมักจะต้องตายอย่างน่าอนาถ!

 

 

หากมิใช่อวี้เฟยเยียนห้ามปรามเขาเอาไว้ว่าอย่าไป ซย่าโหวฉิงเทียนคงจะไปเด็ดหัวไอ้เลวสองคนตั้งนานแล้ว

 

 

“เร็วเข้า แช่ได้แล้ว!”

 

 

อวี้เฟยเยียนให้คนต้มยาเทลงไปในถังน้ำใบใหญ่ แล้วสั่งการให้ซย่าโหวฉิงเทียนลงไปแช่

 

 

ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนมิได้จับหนูตัวนั้นด้วยมือเปล่า แต่ร่างของหนูตัวนั้นเต็มไปด้วยพิษที่ราชครูปรุงขึ้น ทำให้อวี้เฟยเยียนตื่นตระหนกไม่น้อย!

 

 

“เหม็นจังเลย…”

 

 

เพียงแค่ได้กลิ่นยาสมุนไพรจีนเข้มข้นจากถังอาบน้ำ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ขมวดคิ้วแล้วหลบหลีกไปอีกทาง

 

 

“ลงไป!”

 

 

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมลงไปท่าเดียว อวี้เฟยเยียนก็ยกเท้าขึ้นตวัดถีบจนเขาตกลงไปอย่างไม่เกรงใจ