ตอนที่ 891

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“การทดสอบจะเริ่มแล้ว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเอ่ยขึ้น ที่ข้างหลังของเขามีดวงตะวันและดวงจันทร์ลอยอยู่ แสดงให้เห็นว่าเขามีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทรา ถึงแม้จะเป็นเพียงขั้นต่ำแต่ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในการทดสอบ

ผู้ทดสอบทุกคนสูดหายใจลึก แม้แต่ลมหายใจพวกเขาก็ไม่กล้าปล่อยออกมา แม้ผู้เข้าสมัครมากมายจะมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์เช่นนี้พวกเขาก็ไม่กล้าทำตัวยิ่งยโส

“หอคอยดาราขาวสามารถบรรจุคนได้พร้อมกันทีเดียวหมื่นคน พวกเจ้าเรียงแถวกันเข้าไป เมื่อจำนวนคนเต็มแล้วหอคอยจะปิดทางเข้าเอง” ผู้อาวุโสกล่าว “จงรีบๆทดสอบให้เสร็จทุกคนภายในวันนี้”

“ขอรับ!”

ทุกคนพยักหน้า ภายใต้อำนาจของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งพวกเขาก็ไม่กล้าแสดงท่าทีใดๆออกมา

ทุกคนเรียงแถวกันเข้าไปในหอคอยสีขาวเก้าชั้น เห็นได้ชัดว่าหอคอยสีขาวนี้เป็นอาวุธวิญญาณประเภทมิติ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่สามารถบรรจุคนขนาดนั้นพร้อมๆกันได้

เมื่อใดที่มีคนผ่านการทดสอบชั้นแรก หอคอยชั้นแรงจะส่องสว่างและผลลัพธ์การทดสอบจะถูกบันทึกเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถใช้วิธีขี้โกงได้ การที่จะสามารถโกงผลลัพธ์ของหอคอยนี้ได้ยากกว่าการผ่านการทดสอบเก้าชั้นเสียอีก

“เจ้าโง่หลิง หลัวป้ามาที่นี่แล้ว ไปทักทายเข้าเสียสิ!” หลี่เหว่ยเหว่ยกล่าว

หลิงฮันส่ายหัวและหัวเราะ ดูเหมือนคุณหนูคนนี้จะรังเกียจเขาจริงๆ นางพยายามจะหาเรื่องให้เขาพ่ายแพ้ให้ได้

แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะไปทักทายอีกฝ่าย แต่พี่น้องตระกูลหลัวกลับเป็นฝ่ายสังเกตเห็นเขาเอง หลัวหลี่ที่เห็นเขาก็แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดทันที พี่น้องสองคนกระซิบคุยกันสักพักก่อนที่จะเดินเข้ามาหาหลี่เหว่ยเหว่ย

รุ่นเยาว์อีกคนต้องเป็นหลัวป้าไม่ผิดแน่ เขาเป็นชายร่างกำยำที่มีกลิ่นอายอันทรงพลังราวกับเป็นบุตรแห่งพระเจ้า

“คารวะคุณหนูสี่!” พี่น้องตระกูลหลัวแสดงความเคารพต่อหลี่เหว่ยเหว่ย

หลี่เหว่ยเหว่ยพยักหน้าตอบรับ นางคือบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้มีน้อยคนนักที่จะมีสถานะทัดเทียมนาง

หลัวป้าจ้องหลิงฮันก่อนจะกล่าว “หรือนี่จะเป็นน้องชายหลิงฮันจากโลกใบเล็ก?”

“ข้าคือหลิงฮัน” หลิงฮันกล่าวอย่างเยือกเย็น

“ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าคืนแน่!” หลัวป้ากล่าว ในแววตาของเขาส่องประกายความโกรธแค้น ถึงแม้ตระกูลหลัวจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ที่สุดของเมืองจักรพรรดิ แต่ตระกูลพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยถึงขนาดจะถูกจอมยุทธจากโลกใบเล็กมาทำให้อัปยศ

หลิงฮันยิ้ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องตอบแทนใดๆก็ได้”

ฮึ่ม!

พี่น้องตระกูลหลัวโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม พวกเขาไม่ได้หมายถึงตอบแทนอย่างนั้นเสียหน่อย หลัวป้าทนไม่ไหวและขึ้นเสียงกล่าวออกมา “ตระกูลหลัวไม่อาจถูกใครทำให้อัปยศ!”

“โอ้ หรือเจ้าต้องการปะทะ?” หลิงฮันหัวเราะ ในหมู่จอมยุทธระดับทลายมิติด้วยกันเขาไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด ต่อให้จักรพรรดินีของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะลดพลังลงมาเหลือระดับทลายมิติ เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะนางได้

“เอาเลย สู้กันเลย!” หลี่เหว่ยเหว่ยราวกับกลัวว่าโลกจะสงบสุข นางรีบเหวี่ยงหมัดไปมาเพื่อยั่วยุทั้งสองฝ่าย

หลัวป้าแสยะยิ้มและกล่าว “เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ที่นี่คือสำนักนภาสีชาดใครกันจะกล้าต่อสู้กันที่นี่? แต่ไม่ว่าอย่างไรต่อให้เจ้าเข้าร่วมกับสำนักสำเร็จข้าก็จะท้าประลองเจ้า ส่วนถ้าเจ้าไม่สามารถเข้าร่วมกับสำนักได้… ข้าจะสังหารเจ้าซะ!”

หลิงฮันนำมือลูบคางและยิ้ม “จะดีรึที่ข่มขู่ข้าเช่นนี้? เจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วต้องร้องขอชีวิตจากข้ารึ?”

“น่าขัน!” หลัวป้าแสยะยิ้มอีกครั้ง ล้อเล่นรึไง? เขาคือผู้นำของรุ่นเยาว์แห่งตระกูลหลัว เขาคือความหวังที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล เจ้าที่มาจากโลกใบเล็กจะสามารถชนะข้าได้อย่างไร?

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการขัดเกลาพลังต่อสู้ของตนเองให้ถึงขีดจำกัดยี่สิบดาว ด้วยทรัพยากรของตระกูลหลัว เขาคงบรรลุระดับพระเจ้าไปแล้ว

“รอ ก่อน เถอะ!” เขาจงใจกล่าวเว้นคำ

“เจ้าคงไม่ได้พูดติดอ่างหรอกนะ?” หลิงฮันแสร้งกล่าวยด้วยนำเสียงเป็นกังวล “ช่างน่าสงสัยจริงๆ!”

พี่น้องตระกูลหลัวแทบจะระเบิดโทสะออกมา ถ้าที่นี่ไม่ใช่สำนักเขาพวกเขาคงจะลงมือไปแล้ว เพราะถึงแม้ตระกูลหลัวจะพอมีอำนาจ แต่หากถูกขับไล่ออกจากสำนักไปแม้แต่อำนาจของตระกูลหลัวก็ไม่สามารถช่วยให้พวกเขากลับเข้ามาในสำนักได้อีกครั้ง

“ไปกันเถอะ พวกเราไปทดสอบกันก่อน!” หลัวป้าพาน้องชายของเขาเดินจากไปเพราะกลัวว่าหากยังอยู่พวกเขาอาจจะพลั้งมือก่อปัญหาขึ้นก็ได้

พลังคือทุกสิ่ง เขาจะผ่านการทดสอบไปให้ถึงหอคอยชั้นห้าและแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเขาเนี่ยแหละคือราชันในหมู่รุ่นเยาว์ของยุคสมัยนี้

………………………

การทดสอบผ่านไปได้สักพัก

“อะไรกัน หอคอยชั้นสี่เปล่งแสงสว่างแล้ว!”

“ถ้าคนผู้นั้นสามารถขึ้นไปได้ยังชั้นห้าได้ ก็จะมีความหวังที่จะได้เป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว!”

“หืม มีเรื่องเช่นนั้นด้วยรึ?”

“แน่นอน เจ้าคิดว่าการทดนี้มีไว้เพื่ออะไรล่ะ? มันมีไว้เพื่อทดสอบศักยภาพในอนาคตของผู้เข้าทดสอบ หากขึ้นไปยังหอคอยชั้นห้าได้ก็จะนับว่าเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว หอคอยชั้นหกคืออัจฉริยะสองดาว ชั้นที่เจ็ดคืออัจฉริยะสามดาว ชั้นที่แปดคืออัจฉริยะสี่ดาว ส่วนชั้นที่เก้าคือ… ฉัจริยะห้าดาว!”

“แน่นอนว่าถึงแม้นั่นจะศักยภาพของแต่ละคน แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความพยายามของตนเอง”

“ที่เหล่าคนที่ไม่ผ่านการทดสอบครั้งที่แล้วสามารถเข้าร่วมการทดสอบใหม่ได้หากยังอายุไม่เกินหนึ่งร้อยปีก็เพราะศักยภาพนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้หากมีความพยายาม หรือไม่ก็อาจจะพบเจอกับวาสนาบางอย่าง”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

ผู้เข้าทดสอบหน้าใหม่พยักหน้าและหันกลับไปมองที่หอคอยดาราขาวเก้าชั้น ถึงแม้ก่อนหน้านี้หอคอยชั้นสามจะมีส่องสว่างอยู่บ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หอคอยชั้นที่สี่ส่องแสงสว่าง

“ใครกันที่ไปถึงชั้นนั้นได้?”

“จะเป็นใครไปได้อีก พวกเจ้าไม่เห็นรึไงว่าหลัวป้าเข้าไปเมื่อก่อนหน้านี้?”

“โอ้ ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง ถ้าเป็นเขาก็ไม่แปลกที่จะผ่านขึ้นไปยังชั้นสี่ได้ แต่ข้าสงสัยจริงๆว่าเขาจะขึ้นไปยังชั้นห้าได้หรือไม่”

“แม้จะยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน หอคอยชั้นที่ห้าก็ส่องสว่าง

ทันใดนั้นฝูงชนก็ส่งเสียงส่งเสียงฮือฮาทันที