ตอนที่ 342 บุกถึงถิ่น / ตอนที่ 343 แอบฟัง

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 342 บุกถึงถิ่น 

 

 

ระยะนี้นางเห็นหวังหลงเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เวลานี้จึงนับว่ารู้สาเหตุแล้ว นางยังมีคนในครอบครัวแต่ไม่สามารถพบกันได้ ย่อมเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ดี ตอนนี้เห็นหวังหลงเป็นเช่นนี้จึงอยากช่วยเขาอย่างเต็มที่ 

 

 

ได้ยินว่าบ้านหวังหลงอยู่ไม่ไกลจากนี่ พวกเขาอยู่ที่นี่ ระยะนี้จะไปข้างหน้าต่อหรือถอยหลังก็ล้วนแต่ลำบากทั้งาน เถ้าช่นนั้นตามฉู่จิ่งเหยากับหวังหลงไปเยี่ยมบ้านเขาดีกว่า บางทีอาจจะพบวิธี จะอย่างไรเสียอ๋องอุดรก็คงไม่คิดว่าพวกเขาซึ่งไม่กล้าทำอะไร จะบังอาจบุกมาถึงถิ่นเข้ามาเคลื่อนไหวใต้จมูกเช่นนี้ 

 

 

หวังหลงเข้าเป็นทหารตอนอายุสิบสี่ บัดนี้ผ่านไปสิบปีแล้ว เกรงว่าเวลานี้ที่บ้านคงเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว พวกเขาขี่ม้าไป ออกเดินทางแต่เช้า มาถึงตอนเที่ยง ไม่ไกลอย่างที่ว่าจริง 

 

 

“ท่านอ๋อง ท่านหมอ บ้านเราไม่มีอะไรทั้งสิ้น ท่านอ๋องอย่ารังเกียจนะขอรับ” 

 

 

หมู่บ้านของหวังหลงมีชื่อเรียกว่าหมู่บ้านสกุลหวัง เป็นชื่อที่ตรงมาก ได้ยินว่าทุกคนที่นี้ล้วนแซ่หวังทั้งสิ้น นับย้อนขึ้นไปสามรุ่นต้องนับญาติได้ ถือได้ว่าทุกคนในหมู่บ้านล้วนเป็นญาติกัน 

 

 

ถังเฉียนเห็นที่นี่แล้วรู้สึกใกล้ชิดมาก แต่หวังหลงกลับรู้สึกเขิน นางคิดดูแล้วคงเพราะเขารู้สึกกลัวเมื่อเข้าใกล้บ้าน ฉู่จิ่งเหยาที่มากับพวกเขามีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า จึงผละไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงถังเฉียนกับหวังหลง 

 

 

นางเปลี่ยนใส่ชุดอย่างหญิงสาวชาวบ้าน นั่งบนเกวียนเทียมวัวไปกับหวังหลง นางไม่เคยนั่งเกวียนเช่นนี้มาก่อน จึงยิ้มอย่างเบิกบาน 

 

 

“ถ้าพวกเขาถามว่าข้าไปหาเมียแสนดีอย่างนี้มาจากไหน ข้าควรจะตอบอย่างไร” 

 

 

ถังเฉียนคิดแล้วบอกว่า 

 

 

“เจ้าก็บอกไปว่าเป็นสะใภ้ที่เถ้าแก่เจ้าช่วยหาให้” 

 

 

หวังหลงลูบศีรษะตัวเอง แล้วพูดว่า 

 

 

“มีอย่างที่ไหน หาสะใภ้ที่ผิวละเอียดอ่อนนุ่มเช่นนี้ให้คนที่หยาบกร้านอย่างข้า เกรงว่าพวกเขาคงคิดว่าเจ้าเป็นคุณหนูสกุลใหญ่” 

 

 

ถังเฉียนหัวเราะร่า แล้วพูดว่า 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเป็นคุณหนูก็แล้วกัน แต่ไม่รู้ว่าไฉนถึงชอบคนเซ่อซ่าอย่างเจ้า” 

 

 

หวังหลงฟาดแส้ ขับเกวียนพาถังเฉียนเข้าไปในหมู่บ้าน บรรดาผู้หญิงทั้งสาวและแก่พากันมามุงดู จนทำให้ถังเฉียนเขินอาย 

 

 

“ต้าเฮย น้องชายเจ้าเล่า แล้วไยเมียเจ้าถึงได้สวยนัก” 

 

 

ถังเฉียนยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“อาสะใภ้สาม คงไม่รู้ว่าเอ้อเฮยฉลาดสู้ต้าเฮยไม่ได้ ตอนนี้เขายังทำงานแบกหามให้เถ้าแก่อยู่เลย ต้าเฮยเราทำงานเก่ง เป็นคนดูแลบ้านให้เถ้าแก่แล้ว ออกไปค้าขายด้วย หาเงินได้แยะ” 

 

 

นางเองก็ไม่รู้ว่าเอาคำพูดมากมายพวกนี้มาจากไหน พอเปิดปากก็กุเรื่องขึ้น พูดอยู่นานก็ยังไม่เผยพิรุธออกมา ชาวบ้านเรียกหวังหลงว่าต้าเฮย แต่เขากลับหัวเราะแฮ่ๆ 

 

 

ถังเฉียนกับหวังหลงถูกคนห้อมล้อมอยู่นาน ต้าเฮยอดไม่อยู่ ออกไปช่วยญาติๆ ขนข้าวโพด ขณะนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ปีนี้นับว่าฟ้าฝนไม่เลวเลย เก็บเกี่ยวได้ดี พอรู้ว่าต้าเฮยซึ่งจากไปหลายปีกลับมาแล้ว ญาติมิตรก็รีบมาเยี่ยม มาทักทาย 

 

 

ความสนิทชิดเชื้อเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี นางคิดเสมอว่าสักวันนางต้องกลับไปบ้านอย่างนี้บ้าง 

 

 

“ยัยหนู เจ้าทำครัวเป็นหรือไม่” 

 

 

ถังเฉียนยังไม่ทันพูด หวังหลงก็มายืนขวางหน้านางไว้ แล้วพูดว่า 

 

 

“ยายห้า นางทำกับข้าวไม่เป็นหรอก คนเขาเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ไม่เหมือนครอบครัวชาวบ้านอย่างเรา ไม่เคยแตะงานบ้านเลย ที่เถ้าแก่ยอมยกคุณหนูให้ข้า ถือว่าเป็นการสนับสนุนข้าให้สูงขึ้น ข้าจะให้นางลำบากไม่ได้เด็ดขาด” 

 

 

ถังเฉียนจึงไม่ต้องเข้าครัว แล้วเอาขนมที่ติดมาแจกจ่ายให้เด็กๆ อย่างสนุกสนาน 

 

 

พอตกค่ำก็ค่อนข้างกระอักกระอ่วน หวังหลงกับถังเฉียนถูกส่งเข้าห้องๆ หนึ่ง ข้างนอกมีคนมาแอบดูไม่น้อย 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 343 แอบฟัง 

 

 

“พวกเขาทำอะไรกัน” 

 

 

“เป็นธรรมเนียมของบ้านเกิด คอยแอบฟังบ่าวสาวเข้าเรือนหอ” 

 

 

ถังเฉียนหัวเราะ จากนั้นก็ดูบ้านเก่าของครอบครัวเขา แล้วพูดว่า 

 

 

“บ้านเจ้าไม่เลวเลย สองสามวันนี้ซ่อมแซมสักหน่อย หน้าหนาวอุ่นหน้าร้อนเย็นสบาย น่าอยู่หรอก” 

 

 

หวังหลงได้ยินเช่นนี้ก็พูดด้วยความภูมิใจว่า 

 

 

“บ้านเราเป็นบ้านที่ดีที่สุดหลังหนึ่งในหมู่บ้านสกุลหวัง เดิมบ้านเราก็เป็นบ้านที่มีฐานะดีของที่นี่” 

 

 

นางได้ฟังก็ยิ้มร่า ท่าทางหวังหลงทำให้นางชอบมาก นางเปิดหน้าต่างออก แล้วเห็นเด็กหลายคนกำลังหมอบแอบฟังอยู่ ถังเฉียนจุดประทัดที่เตรียมไว้แล้วโยนใส่พวกเขา 

 

 

เด็กๆ พากันตกใจ ร้องเอะอะ แล้ววิ่งเตลิดไป หลังจากนั้นนางจึงเอาประทัดที่เหลือแขวนไว้นอกบ้าน พอพวกเขามาเอา ถังเฉียนจะได้ยิน 

 

 

“ท่านทำอะไร” 

 

 

หวังหลงไม่รู้เหตุผลที่ถังเฉียนทำเช่นนี้ สายตาเขาจับจ้องบนตัวนาง แล้วเบนออกอย่างรวดเร็ว  

 

 

“วันนี้ข้าถามเด็กหลายคน พวกเขาบอกว่าด้านหลังของหมู่บ้านมีเขาลูกหนึ่ง ทางบนเขาเป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อมต่อกองทัพซิ่วลี่กับเสิ้งจิง” 

 

 

หวังหลงคิดทบทวนแล้วพูดว่า 

 

 

“ช่วงที่ข้าใช้ชีวิตที่นี่ยังไม่มีทางเส้นนี้ น่าจะสร้างขึ้นหลังจากที่ข้าจากไปแล้ว” 

 

 

ถังเฉียนพยักหน้าแล้วว่า 

 

 

“ตอนที่เรามาท่านอ๋องก็บอกแล้วว่า ให้เราหาวิธียับยั้งทัพซิ่วลี่ไว้ ข้าคิดว่าเราสามารถใช้ดินระเบิดบวกกับสภาพอากาศที่ฝนฟ้าคะนองระเบิดทำลายเส้นทางนี้ ถึงเวลานั้นพวกนั้นอยากส่งข่าวหรือโยกย้ายกำลังหนุนก็จะทำไม่ได้แล้ว ดูแล้วข่าวของเถิงเฟิงนั้นแม่นยำ ที่นี่เป็นจุดเชื่อมที่สำคัญ” 

 

 

พอหวังหลงได้ยินชื่อเถิงเฟิง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป 

 

 

“คุณชายเถิงเฟิงกลับมาแล้วหรือ ผู้น้อยไม่ได้พบเขาเลย” 

 

 

หวังหลงมองออกไปนอกหน้าต่าง เวลานี้เขาเข้าใจแล้วว่าที่ถังเฉียนกับเขามาที่นี่ที่จริงเพื่อหาวิธีให้เผ่ากุ้ยลี่จากไป ที่ว่าช่วยเขามาหาญาตินั้นเป็นเพียงข้ออ้างต่อภายนอก เขาน่าจะคิดออกนานแล้ว 

 

 

“เขาแค่พบกับข้าที่นอกค่ายพักครั้งเดียวเท่านั้น ข้าบอกเขาว่าจะพาเจ้ากลับบ้านมาตามหาน้องสาวเจ้า เถิงเฟิงจึงบอกว่าหมู่บ้านสกุลหวังมีที่ตั้งดีเยี่ยม ไม่เพียงภูมิประเทศจะดี ยังเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ เวลานี้ข้าแน่ใจแล้ว หวังหลง คราวนี้เจ้าไม่เพียงจะตามน้องสาวเจอ ยังสร้างความชอบด้วย” 

 

 

ถังเฉียนหาบริเวณที่อ่อนนุ่มนอนลงไป นางนอนทั้งเสื้อผ้าเดิม ปกตินางคุ้นเคยกับการที่มีหวังหลงคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก ขณะนี้ก็ไม่มีอะไรที่ไม่สะดวก นางหลับตาลงแล้วพูดว่า 

 

 

“นอนเถอะ ข้าสืบรู้ว่าน้องสาวเจ้าอยู่ไหนแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปพบนาง ถึงตอนนั้นพวกเจ้าพี่น้องจะได้เจอหน้ากันแล้ว” 

 

 

ถังเฉียนพูดจบก็นอนหลับไป ถ้าในใจนางไม่มีความลับอะไรให้คิดมาก พอหัวถึงหมอนก็หลับทันที หวังหลงคิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีความคิดคับแคบเช่นนี้ เขามองดูถังเฉียนนอนหลับแล้ว จึงออกมานอกห้อง นั่งเฝ้าประตู หลับๆ ตื่นๆ  

 

 

พอฟ้าสว่างเขาก็ตื่นขึ้นก่อไฟทำอาหารเช้าให้ถังเฉียน นางนั่งเกวียนเทียมวัวอีกครั้ง เกวียนแล่นขโยกเขยกตรงไปยังตำบลหย่งหนิง เป็นที่ที่น้องสาวหวังหลงอยู่ นางชื่อหวังเจียว ชื่อนี้ฟังแล้วชวนให้สงสาร 

 

 

ถังเฉียนสอบถามแน่ชัดแล้ว น้องสาวหวังหลงทำงานอยู่ที่บ้านของเสมียนอำเภอแซ่หลี่ เดิมนางถูกขายมายังที่ทำการอำเภอ หลังจากนายอำเภอคนก่อนถูกปลด นางถูกย้ายมารับใช้เสมียนหลี่ 

 

 

สมัยนั้นสาวใช้มักถูกซื้อขายไปมา คิดว่าขณะนี้นางน่าจะอายุยี่สิบแล้ว ถึงวัยที่ต้องออกเรือน ถ้าสามารถรับนางกลับมาได้ ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับนาง