บัญชามังกรเดือด บทที่ 879 ไก่ตุ๋นเห็ด
ฉินเทียนยืนอยู่ตรงหน้าต่างชั้นบนสุดในอาคารเล็ก และจ้องมองไกลออกไปยังประตูทางของอุทยานมังกร
ระยะหว่างจากตรงนี้ไปภุงประตู ถึงแม้จะห่างกันมากกว่าพันเมตร แต่ด้วยความสามารถในการมองเห็นของเขา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใด ก็ไม่อาจเล็ดรอดสายตาของเขาไปได้
เขาสามารถมองเห็น เหลิ่งเฟิงนำทีมด้วยตัวเอง คนของทีมหมาป่าเดียวดาย กำลังลาดตระเวนอยู่ที่ประตู และเตรียมพร้อมรับมือ
ทุกวันนี้ เนื่องจากสถานการณ์ของซูซู อารมณ์ของฉินเทียนจึงได้หนักอึ้งมาก เขาคือเทพเจ้าของที่นี่ และเมื่อเขาได้รับผลกระทบ เหล่าพี่น้องทุกคน ต่างก็ราวกับเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ และเหมือนกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูคู่อาฆาต
พวกเขาไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออย่างอื่นได้ จึงทำได้เพียงทำตามหน้าที่ตามปกติอย่างสุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
อุทยานมังกรที่กว้างใหญ่เช่นนี้ นอกจากเสียงลิมและเสียงนกแล้ว เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศอึมครึมมาก
ฉินเทียนกำลังรอ
รอคนที่เขาต้องการที่จะพบ
เวลนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน แต่ยายระกาบอกว่า คนของเธอ อย่างช้าที่สุดจะรีบมารายงานตอนหัวค่ำ
เป็นเวลาหลายชั่วโมง ที่ฉินเทียนยืนตรงอยู่ตรงหน้าต่าง ไม่ขยับไปแม้แต่น้อย จนราวกลับจะกลายเป็นรูปปั้นอยู่แล้ว
เวลาหัวค่ำ
ในที่สุดสายตาของฉินเทียนก็เปลี่ยนไป เนื่องจากเขาเห็นว่า มีไก่ตัวผู้ตัวใหญ่ตัวหนึ่งเดินไปมาอย่างสบาย ไปตามสนามหญ้าข้างถนน ราวกับว่ามันกำลังมองหาอาหารอยู่ แต่ทว่ามันกลับมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเดินไปทางประตูใหญ่ของอุทยานมังกร
ไก่ตัวผู้นี้เมื่อดูไปแล้ว ก็เป็นเหมือนไก่ธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น นอกจากหัวที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย และยังมีการก้าวเดินอย่างมั่นคงอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ทั้งตัวมีขนที่สวยงามเป็นพิเศษเท่านั้น ปีกราวมงกุฏสีแดง ที่เหมือนกับคลุมไหล่ยามแสงอาทิตย์ยามตะวันรอน มองดูแล้วยิ่งโดดเด่นเป็นพิเศษ
ที่ทางเข้าอุทยานมังกร เหลิ่งเฟิงและเหล่าพี่น้องของหมาป่าเดียวดายกำลังเฝ้าอยู่ เมื่อตอนเริ่มต้น ต่างก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะระมัดระวังกันอย่างเพียงพอแล้ว แต่ทว่าใครจะมาสังเกตเห็นไก่ตัวผู้ตัวหนึ่งได้กันล่ะ บางทีมันอาจถูกเลี้ยงโดยชาวบ้านใกล้เคียง และวิ่งออกมาก็เป็นได้
และในอุทยานมังกรก็มีพืชสีเขียวมากมาย อีกทั้งยังมีหนอนและแมลงมากอีกด้วย การที่ไก่ตัวผู้จะมาจับแมลงกิน ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
เมื่อเห็นว่าไก่ตัวใหญ่กำลังจะมุดเข้าประตูมาแล้ว เจ้าหกน้อยที่อยู่ด้านข้างอย่างเบื่อหน่าย ก็เตะเข้าไปทีหนึ่ง ราวกับจะขับไล่มันออกไป
ตามสามัญสำนึกแล้ว ไก่ตัวผู้ควรที่จะต้องตกใจแล้ววิ่งหนีไป
ใครจะรู้ว่า ทันทีที่ไก้ตัวนี้ร้องออกมา ยังไม่ถอยแต่กลับใกล้เข้ามาอีก ทันใดนั้นมันก็กางปีกออก แล้วบินเข้ามาในอุทยาน
เวรเอ้ย!
เจ้าหกน้อยกนด่าออกมา แล้วไล่ตามต่อไปอย่างไม่รู้ตัว
ไม่ใช่ว่าเป็นเพียงแค่ไก่ตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ? เดิมทีแล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ใครจะคิดว่า ไก่ตัวผู้ตัวนั้นดูเหมือนจะวิ่งอย่างตื่นตระหนก แต่ทว่าหลีกเลี่ยงลูกชายหกคนได้อย่างชาญฉลาด
สถานการณ์นี้ ได้ดึงดูดให้พวกคนที่เหลือสังเกตเห็น พวกเราเริ่มให้ความสนใจ และถลกแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะ แล้วปิดล้อมเอาไว้
จากรูปปากของพวกเขา ฉินเทียนมองออกว่า พวกเขาสองสามคนเหล่านั้นคิดที่จะฆ่าไก่ตัวนี้เพื่อเอามาทำกับแกล้ม
มีสามคนล้อมไว้ แต่กลับยังสัมผัสไม่ได้แม้แต่ขนไก่ และไก่ตัวผู้ไม่ทันรู้สึกว่ามีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น แล้วเดินลึกเข้ามาในอุทยานมังกรลึกขึ้นเรื่อย ๆ
พี่น้องเหล่าหมาป่าเดียวดายสองสามคนโดนไก่ดึงดูดไป และออกห่างจากประตูไปไกลมากเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ฉินเทียนอดไม่ที่จะอุทานออกมาไม่ได้ คิดในใจว่าผู้ชายสองสามคนเหล่านี้ ช่างอ่อนแอเสียจริง
ไก่ตัวผู้เพียงตัวเดียว ก็ทำให้การป้องกันของพวกเขาพังไปครึ่งหนึ่ง
เหลิ่งเฟิงนำคนที่เหลืออีกเพียงไม่กี่คน ที่ยังอยู่ที่ประตูทางเข้า เพียงแต่ว่าพวกเขายังมุ่งหน้าไปยังภายในอุทยานมังกร และหัวเราะเสียงดัง
พวกเขาอีกด้านหนึ่งกำลังหัวเราะเจ้าหกน้อยที่ไร้ความสามารถ ส่วนอีกด้านหนึ่งส่งเสียงโห่ดังสะนั่น วันนี้จำเป็นที่จะต้องจับไก่ตัวผู้ เพื่อเอาไปตุ๋นกับเห็ด
และในขณะนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมรองเท้าผ้าลินินดูเรียบง่ายเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาอย่างเงียบเฉียบ
เมื่อมาถึงประตูทางเข้าอุทยานมังกร เขาฉวยโอกาศตอนที่เหลิ่งเฟิงและคนอื่นไม่ทันได้สังเกต เดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ!”ทันใดนั้นเหลิ่งเฟิงก็พบสิ่งผิดปกติ และหันกลับไปจับเอาไว้อย่างไม่ทันได้รู้ตัว
แต่ทว่าเขาใช้มือที่เป็นพิเศษคว้าเอาไว้ เมื่อตอนอยู่ในค่าย วิธีการใช้มืออย่างนี้ ไม่มีสีสันฉูดฉาดใด นี่คือกระบวนท่าที่จะเอาชนะศัตรูได้
ไม่คาดคิดเลยว่า นี่จะเป็นการจับอย่างกะทันหัน ร่างของชายสวมรองเท้าผ้าลินินหายวับไป ไม่คาดคิดว่าจะหนีไปแล้ว
เขามองไปที่เหลิ่งเฟิงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ท่านนี้ ไก่ของผมวิ่งหายไปแล้ว ผมมาหามันสักหน่อย”
“นั่นใช่ไก่ของคุณไหม?”เหลิ่งเฟิงผงะไปครู่หนึ่ง และจ้องมองไปยังผู้ชายคนนั้นอย่างระแวดระวัง
“ใช่แล้ว”
“หากไม่เชื่อผมจะเรียกให้ดู ——อาจง!”
“อาจง!”
ไก่ตัวผู้ตัวหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจะมีชื่อเรียกว่าอาจง เมื่อฟังดูแล้ว ซึ่งมันทำให้คนรู้สึกแปลก ๆ
หลังจากนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง ไก่ตัวตัวผู้ตัวใหญ่วิ่งวนไปรอบ ๆ อย่างเร่งรีบภายใต้การปิดล้อมของเจ้าหกน้อยและคนอื่น ๆ คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะกางปีกออกแล้วส่งเสียงร้องดังสนั่น
มันสามารถเข้าใจคำพูดของมนุษย์ได้จริงหรือ?
ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อเล็กน้อย
ชายที่สวมเสื้อผ่าลินินกล่าวว่า “ดูสิ ผมไม่ได้โกหกพวกคุณใช่ไหม?”
“อาจง ทำไมแกวิ่งวุ่นไปทั่วอย่างนี้ รีบกลับบ้านไปกับฉันเร็วเข้า!”
“ระวังถูกคนไม่ดีจับได้ แล้วเอาแกไปตุ๋นกับเห็ดนะ”
ในขณะที่พูด เขาก็ได้ฉวยโอกาสตอนที่เหลิ่งเฟิงและคนอื่นๆ ไม่ทันได้ป้องกัน รีบวิ่งเข้าไปข้างในอุทยานมังกร และเดินพุ่งเข้าไปหาไก่ตัวผู้นั้น
เหลิ่งเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คิดไปถึงที่เขาลงมืออย่างกะทันหันเมื่อครู่นี้ แต่อีกฝ่ายกลับหลบได้
“หยุดนะ!”
“รีบหยุดเอาไว้เร็ว!”เสียงร้องตะโกนอย่างตกใจ และเขาก็รีบร้อนไล่ตามไป
“พวกนายกล้าดียังไง อย่ามาจับไก่ของฉันนะ”
“อาจง——”
ชายส่วมชุดลินินคนนั้นเพิ่มความเร็วมากขึ้น เขาบิดเท้าของเขาเละน้อย และเดินเป็นวงโค้ง ทันใดนั้นก็ทิ้งระยะห่างจากเหลิ่งเฟิงไปไกลถึงสองเมตร
“เร็วเข้า ขวางเขาเอาไว้!”
“ผู้ชานคนนี้มีปัญหา!”เหลิ่งเฟิงร้องเสียงสูง
และเมื่อเข้าปะทะหน้ากับเจ้าหกน้อยและคนอื่นๆ ก็มีการตอบสนองกลับ และก็รีบพุ่งเข้ามาทันที
“ฉันเป็นคนดีนะ!”
“อย่าฆ่าฉัน!”
ชายสวมชุดลินินอุทานอย่างตกใจ ดูเหมือนหวาดกลัวมาก แต่ทว่าเขาบิดไปบิดมา จนหลุดออกไปขากวงล้อมได้อย่างน่าอัศจรรย์
แม้แต้เหลิ่งเฟิงก็ชะงักงันไปเช่นกัน
บวกกับพวกของเจ้าหกน้อย ปิ้มล้อมไว้สี่คน ไม่คาดคิดว่าจะหลบหลีกไปได้?
นี่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ ท่าทางการเดินของชายที่สวมชุดลินินคนนี้ดูแปลกๆ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค้นพบเรื่องที่ไม่คาดคิดว่า ท่าทางการเดินของเขาเหลือนกับการเดินของไก่ตัวผู้ตัวนั้นเป๊ะ ๆ
วิธีการเดินของไก่?
ช่างเป็นเรื่องที่ทั้งไม่เคยเห็น และไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ
ชายสวมชุดลินินคนนั้นกระโดดใส่ไก่ตัวผู้ แล้วร้องตะโกนว่า “อาจง รีบกลับบ้านได้แล้ว”
ใครจะไปคาดคิดว่า ไม่รู้ว่าไก่ตัวผู้ตัวนั้นตกใจหรือไม่ ไม่คาดคิดว่าจะจำเจ้านายตัวเองไม่ได้แล้ว และร้องออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะสยายปีกอย่างกะทันหัน และปีนออกไปไกล
“อย่านะ!”
“รีบกลับมาเร็วเข้า!”
ชายสวมชุดลินินคนนั้นเพื่อที่จะไล่ตามได่ ก็ทำได้เพียงแต่วิ่งเข้ามาด้านในเท่านั้น
เหลิ่งเฟิงตอบสนองกลับในทันที แล้วร้องตะโกนว่า “ตามไปเร็ว!”
ตอนนี้ คนทั้งทีมหมาป่าเดียวดาย ต่างก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ นอกจากคนที่เหลือเฝ้าประตูไว้สองสามคน ที่เหลือพี่น้องอีกเจ็ดแปดคน พวกเขาทั้งหมดต้องไล่ตามอย่างดุเดือดราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว
“พี่ใหญ่ ผมสามารถจัดการเขาได้ ส่งการลงมาเถอะ!”
เจ้าหกน้อยรู้สึกได้ว่ากำลังถูกแกล้ง จากนั้นจึงเริ่มเล็งปืน และเตรียมที่จะยิงไปที่หลังของชายสวมชุดลินินคนนั้นตามสัญชาตญาณ
เหลิ่งเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “อย่าพึ่งยิงปืน จับเป็นมมาให้ได้!”
อีกประการหนึ่ง ตามประสบการณ์ที่เจอกับศัตรูมาหลานปี เขาสามารถรู้สึกได้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด
อย่างน้อย บนร่างกายของเขาก็ไม่มีจิตสังหาร
นอกจากนี้ เขาก็ยังไม่มั่นใจแล้ว!
ทั้งทีมหมาป่าเดียวดาย จับได่ตัวหนึ่งไม่ได้ และยังขวางคนหนึ่งไว้ไม่ได้ด้วย
ด้วยการโบกมือของเขา ทำให้พี่น้องสองสามคนนั้นเข้าใจ และพวกเขาก็เริ่มกระจายตัวออกไป จากนั้นก็เริ่มยุทธวิธีปิดล้อม
เพียงไม่นาน เมื่อการปิดล้อมหดแคบลง ชายสวมชุดลินินและไก่ของเขา ก็ได้กลายเป็นเหมือนอยู่ในกระเป๋าเสียแล้ว
ในที่สุด เขาก็อุ้มได้เอาไว้ และหยุดอยู่กลางศาลาริมน้ำ และในตอนนี้ เขาก็ไม่มีทางที่จะให้ไปอีกแล้ว
เหลิ่งเฟิงและคนอื่น ๆ ทั้งหมดได้ชัดปืนออกมา และได้หันกระบอกปืนไปที่ผู้ชายคนนั้น พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นนักแม่นปืน ขอเพียงแค่ยิงปืน ชายคนนี้จะต้องกลายเป็นตะแกรงอย่างแน่นอน
“ตอนนี้นายไม่มีทางนี้แล้ว คุกเข่าลง เอาสองมือไว้บนหัว”
“อย่าขยับโดยไม่จำเป็ม ไม่อย่างนั้น ฉันยิงแน่!”
เหลิ่งเฟิงนำทีมหมาป่าเดียวดาย ค่อยๆเข้าไปใกล้ และกล่าวคำเตือนออกมาเป็นครั้งสุดท้าย