บทที่ 530 โอกาสดีงาม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 530 โอกาสดีงาม

ตกลงว่าคนรักของอาจารย์เขามีสถานะเป็นเจ้าหญิงแห่งท้องทะเลจริงๆ งั้นหรือ?

โอ้โหเฮะ

ทำไมอาจารย์ติงถึงได้มีวาสนาดีเช่นนี้หนอ

จากที่เคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือต๊อกต๋อยในเมืองบ้านนอก ติงซานฉือก็กลับกลายเป็นราชาแห่งท้องทะเลในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน

เมื่อหลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่เกี้ยวทองคำหลังนั้น สีหน้าของเขาก็อดแสดงความอิจฉาออกมาไม่ได้

ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ ท่านอาจารย์

มีเคล็ดลับอะไรทำไมไม่สั่งสอนลูกศิษย์บ้าง

ตัวเขาเองก็อดอยากปากแห้ง ต้องการตกถังข้าวสารเหมือนกัน!

“องค์หญิงได้โปรดใจเย็นก่อน”

เฒ่าทะเลหันกลับไปประสานมือคำนับ

แม่ทัพฉลามพ่นลมผ่านทางจมูก ยิ้มเย้ยหยัน ไม่พูดอะไร

หลินเป่ยเฉินรีบหันหน้าไปประสานมือคำนับและพูดออกมาเสียงดังว่า “อิอิ อาจารย์หญิงจำข้าน้อยไม่ได้หรือขอรับ ข้าน้อยคือลูกศิษย์สุดที่รักของสามีท่านอย่างไรเล่า หลินเป่ยเฉินผู้ที่เป็นเด็กหนุ่มจริงใจจริงจังและมีหน้าตาหล่อเหลาที่สุดในเมืองหยุนเมิ่ง ไม่ทราบว่าอาจารย์หญิงจะลืมเลือนข้าไปได้อย่างไร? ข้าถึงกับเคยเชิญพวกท่านขึ้นไปทานอาหารด้วยกันที่วิหารบนยอดเขาเลยนะขอรับ…”

เฒ่าทะเลพูดอะไรไม่ออก

พวกของคณะอาจารย์อาวุโสก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

แม่ทัพฉลามอู๋หยามีสีหน้างงงวย

แม้แต่ชาวเมืองที่มาร่วมเดินขบวนประท้วงก็ต้องหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ฉู่เหินเมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ก็รีบเอื้อมมือไปปิดปากหลินเป่ยเฉินและลากตัวเด็กหนุ่มออกมาทันที

เจ้าเด็กคนนี้กำลังจะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเสียแล้ว

นี่คือสถานการณ์อะไร ใช่เวลามาพบปะพูดคุยเรื่องราวในวันวานหรือไม่?

หลินเป่ยเฉินสลบไปถึง 3 เดือนเต็ม นิสัยปากเปราะปากไวไม่เปลี่ยนแปลงบ้างเลยหรือไร?

ทุกคนอุตส่าห์เดินขบวนประท้วงกันแทบตาย

แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับทำเสียบรรยากาศซะอย่างนั้น

“หลินเป่ยเฉินอย่างนั้นหรือ?”

ม่านพลังสายน้ำที่หน้าต่างเกี้ยวทองคำเกิดการสั่นไหวเล็กน้อย แล้วเสียงขององค์หญิงแห่งท้องทะเลก็ดังขึ้นบริเวณริมหน้าต่างว่า “ข้าจำเจ้าได้ แต่ข้าต้องการคำอธิบาย เหตุไฉนเจ้าถึงนำชาวเมืองเดินขบวนประท้วงมาบุกรุกจวนผู้ว่า? รู้หรือไม่ว่านี่คือความผิดร้ายแรง”

หลินเป่ยเฉินดึงมือฉู่เหินออกไปจากปากของตนเองและยิ้มแย้มตอบกลับไปว่า “นี่คือเรื่องเข้าใจผิดนะขอรับ อาจารย์หญิงได้โปรดฟังคำอธิบายจากข้าก่อน…”

“ย่อมได้ เจ้าจงอธิบายมา”

องค์หญิงแห่งท้องทะเลกล่าว

อ้าว?

มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ

อาจารย์หญิงควรตอบว่า “ข้าไม่สนใจคำอธิบายของเจ้า” ไม่ใช่หรือ?

แล้วทำไมถึงอยากฟังคำอธิบายขึ้นมาเสียอย่างนั้น?

เขาจะทำยังไงดีนะ?

ในละครทีวีที่เคยดู มันไม่มีฉากแบบนี้เสียด้วยสิ

“เอ่อ… ข้าควรอธิบายอย่างไรดีขอรับ?”

เมื่ออับจนหนทาง หลินเป่ยเฉินก็ต้องหันหน้ากลับมาขอคำปรึกษาจากฉู่เหิน

อาจารย์แขนเหล็กยกมือกุมหน้า ถอนใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ

เจ้าเด็กสมองเสื่อมเอ๊ย

ทำไมถึงได้สร้างเรื่องสร้างราวตลอดเวลาเลยนะ

“เพราะว่าพวกเราถูกกดขี่ข่มเหง…”

ฉู่เหินพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ออกมาดูดีมากที่สุด

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็รีบรับช่วงต่อทันที

“อ้อ ใช่แล้วขอรับอาจารย์หญิง เพราะว่าพวกเราถูกกดขี่ข่มเหง มีทหารของท่านบางส่วนจับตัวสหายของข้ามาด้วยความไม่เป็นธรรม ไม่ใช่ว่าพวกข้าเจตนามาก่อกวนจวนผู้ว่านะขอรับ แต่ว่าข้ามาเพื่อรับตัวสหายกลับบ้านต่างหาก ระหว่างที่เดินมายังจวนผู้ว่า บังเอิญได้พบเจอพ่อแม่พี่น้องชาวเมืองก็ตั้งใจเดินขบวนมาที่นี่เช่นกัน ข้าก็เลยถือโอกาสติดสอยห้อยตามมาด้วยนี่แหละขอรับ…”

หลินเป่ยเฉินพูดประโยคเหล่านี้ออกมาด้วยความคล่องแคล่ว

“เจ้ากำลังโกหก”

ในที่สุด แม่ทัพฉลามอู๋หยาก็ต้องกล่าวแทรกคำพูดของหลินเป่ยเฉินขึ้นมาแล้ว

ต่อจากนั้น นายทหารฉลามทมิฬระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความโกรธแค้น “ข้าเพิ่งจะได้รู้ว่าคำพูดที่ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ้าเล่ห์ที่สุดคือความจริงก็ในวันนี้เอง หลินเป่ยเฉิน เจ้าต่างหากที่เป็นฝ่ายทำร้ายและสังหารหน่วยลาดตระเวนของพวกเราก่อน เจ้าคิดหรือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานศึกษากระบี่ที่สามจะไม่มีผู้ใดรู้เห็น?”

“อ้อ เจ้าหมายถึงเรื่องนั้นเองรึ เฮ้อ”

หลินเป่ยเฉินปรับเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นจริงจังอีกครั้ง “ข้าขออธิบายหน่อยก็แล้วกัน พอดีพวกมันมาพูดจาดูถูกข้าก่อน ข้าก็เลยต่อยหมัดออกไปเพื่อจะสั่งสอนสักหน่อย แต่ใครจะรู้เลยว่าทหารของเจ้าพวกนั้นกลับอ่อนแอถึงเพียงนี้ สู้กับข้าเพียงไม่ทันไร พวกมันก็ตายกันหมดแล้ว”

ทุกคนตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก

แม่ทัพฉลามได้ยินดังนั้นก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

เดิมทีมันคิดว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องยืนกรานปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น

แม่ทัพฉลามอู๋หยาจึงได้เตรียมพยานหลักฐานไว้รอเล่นงานเรียบร้อยแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่า…

หลินเป่ยเฉินกลับยอมรับสารภาพออกมาหน้าตาเฉย

แม่ทัพฉลามคลื่นทมิฬกัดฟันกรอด พูดด้วยความเคียดแค้น “เผ่าพันธุ์ชาวทะเลของพวกเราสูงส่งกว่ามนุษย์อย่างพวกเจ้าไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แค่พูดจาดูถูกเจ้าเพียงไม่กี่คำมันจะเป็นไรไป? ต่อให้พวกเขาฆ่าเจ้า ก็ถือเป็นเกียรติของเจ้าด้วยซ้ำที่ได้ตายด้วยน้ำมือของชาวทะเล เพียงเท่านี้ เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าความผิดของตนเองนั้นมันหนักหนาสาหัสเพียงใด?”

“ว่าไงนะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็อดอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงไม่ได้

ต่อมา เด็กหนุ่มก็ต้องถอนหายใจยาวแรง “ฉลามหัวขี้เลื่อยอย่างพวกเจ้านี่มันจริงๆ เลยนะ เห็นหนังหน้าไม่น่าจะหนาสักเท่าไหร่ แต่ทำไมถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำให้คนสมองเสื่อมอย่างข้า ดูดีขึ้นมาได้ในพริบตาเชียวละ นับว่าข้าเลื่อมใสในความหลงตัวเองของพวกเจ้าเหลือเกิน”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาใบหน้ากระตุกระริก

“เจ้ากำลังดูถูกข้า”

มันมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยดวงตาสีเขียวปัดเป็นประกายอำมหิต “แต่ในเมื่อเจ้าฆ่าคนของพวกเราเพราะโดนดูถูก ข้าก็ย่อมสามารถฆ่าเจ้า เพราะโดนดูถูกได้เช่นกันใช่หรือไม่?”

บรรยากาศกลับมาตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง…

มวลอากาศปั่นป่วน

ฉู่เหินอยากจะเอื้อมมือไปปิดปากหลินเป่ยเฉินแต่ก็สายเกินไป

เด็กหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ถูกต้อง เจ้าจะฆ่าข้าก็ได้ แต่ดูจากหน่วยก้านของเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่มีปัญญาทำได้สำเร็จ อย่าลืมสิว่าข้ามีเคล็ดวิชาพิเศษสามารถยิงลำแสงออกจากฝ่ามือ แม้แต่ผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ ก็ยังต้านทานไม่ได้ด้วยซ้ำ…”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาหัวเราะในลำคอ “จริงหรือ? ข้าอยากจะลองรับมือดูสักที”

พูดจบ ม้าน้ำยักษ์ที่แม่ทัพฉลามนั่งอยู่บนแผ่นหลังก็ค่อยๆ ขยับออกมาข้างหน้า

อู๋หยาตั้งใจแล้วว่าจะต้องสังหารเด็กหนุ่มคนนี้ต่อหน้าสาธารณชนให้ได้

เพราะมันเคยได้ยินชื่อเสียงของหลินเป่ยเฉินมาเนิ่นนาน

วันนี้ อู๋หยาได้พบเจอตัวจริงของหลินเป่ยเฉินด้วยตาของตนเองแล้ว

และมันก็ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นตัวปัญหา

ต้องรีบกำจัดไปให้เร็วไว

นี่คือโอกาสดีที่สุด!