ตอนที่ 1663 ดักทำร้าย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1663 ดักทำร้าย
ด้วยการเกิดใหม่ของชีวิตและความตาย เย่หยวนจึงสามารถบรรลุตรานี้ได้ในคราเดียว

ชุดตรานี้มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเย่หยวนโดยแท้

เย่หยวนนั้นมีความสามารถในการทำความเข้าใจที่มากเหลืออยู่เป็นทุนเดิม เมื่อได้มารวมกับการเดินและชีวิตอันแปลกประหลาดของเขาแล้ว เย่หยวนจึงมีประสบการณ์ชีวิตที่น้อยคงนักจะเปรียบได้

ตรานิพพานนี้ เย่หยวนจึงสามารถบรรลุมันได้ในคราเดียว

เมื่อหนิงเทียนปิงเห็นว่าเย่หยวนเข้าใจมันได้ในทันทีเช่นนั้น เขาก็ได้แต่พูดขึ้นอย่างดีใจ “ดีใจด้วยนายใหญ่! ท่านอาจารย์ ข้าบอกท่านแล้วใชไหม? นายใหญ่นั้นไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมล่ะ?”

โม่ลี่เฟยเสียหน้าเล็กน้อยจึงยิ้มแห้งๆ ออกมา แต่ในใจของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง

เมื่อสักครู่นี้เขาพยายามจะไล่เย่หยวนไปเพราะคิดว่าเย่หยวนนั้นไม่มีพรสวรรค์มากพอ

แต่เป็นตอนนี้นี่เองที่เขาได้รู้ว่าตัวเขาเข้าใจมันผิดอย่างมหัน!

ความสามารถในการเข้าใจระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าใครๆ

“หึหึ เพื่อนตัวน้อยเย่หยวนนั้นช่างมีความสามารถในการทำความเข้าใจที่ลึกล้ำ การที่อาจารย์คนนี้ได้ศิษย์อย่างเจ้ามานั้นช่างเป็นโชคเสียจริงๆ” โม่ลี่เฟยบอกด้วยอารมณ์ที่อธิบายได้ยาก

เย่หยวนยิ้ม “ข้าแค่บังเอิญเข้าสู่การบรรลุได้โดยบังเอิญจึงสามารถใช้ตรานิพพานได้ พวกท่านต่อกันเถอะ ข้าจะทำความเข้าใจมันเพิ่มอีกหน่อย”

ด้วยการนำของโม่ลี่เฟย หนิงเทียนปิงจึงเปลี่ยนวรยุทธ์บ่มเพาะที่ใช้ได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาเปลี่ยนวรยุทธ์บ่มเพาะที่ใช้ได้เสร็จ เขาก็เริ่มทำการศึกษาวรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีอีกครั้ง ตอนนี้การบ่มเพาะในอนาคตของเขาคงใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวแต่จะส่งผลออกมาดีกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

“อาจารย์ ท่านบอกว่าท่านมีความแค้นฝังลึก แต่ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าใครกันคือศัตรูของท่าน” หนิงเทียนปิงถาม

โม่ลี่เฟยจึงตอบพร้อมด้วยการถอนหายใจ “รอให้เจ้าแข็งแกร่งพอก่อนแล้วอาจารย์คนนี้จะบอกให้”

หนิงเทียนปิงพยักหน้ารับ เขารู้ดีว่าด้วยพลังของเขาเองในตอนนี้มันยังอ่อนแอจนเกินกว่าที่จะมาพูดเรื่องการแก้แค้นใดๆ ทั้งสิ้น

“อาจารย์ ศิษย์และนายใหญ่จะไปยังเขาแห่งถงเทียนต่อจากนี้ทันที ท่านมากับเราด้วยสิ!” หนิงเทียนปิงกล่าวชวน

เพราะหนิงเทียนปิงผู้ใสซื่อนั้นรู้สึกได้ว่าโม่ลี่เฟยนั้นดีกับตัวเองมาก ในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมานี้พวกเขาทั้งสองได้สร้างสายสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว

ตอนนี้โม่ลี่เฟยค่อยๆ ยอมรับในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างที่เย่หยวนว่า ศิษย์คนนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย

แต่ที่สำคัญกว่าคือความเชื่อใจของเขาต่อตัวเย่หยวน!

เมื่อได้ยินคำชวนของหนิงเทียนปิง โม่ลี่เฟยเองก็รู้สึกอยากทำตามไม่น้อย แต่ก็ต้องส่ายหัวออกมาในที่สุด “อาจารย์ของเจ้าคงไปด้วยไม่ได้หรอก พวกเจ้าไปกันเถอะ”

เย่หยวนดูเหมือนจะมองออกถึงเหตุผลของโม่ลี่เฟยเขาจึงยกแหวนวงหนึ่งขึ้นมา “ผู้อาวุโส ข้านั้นมีแหวนวิญญาณโมฆะติดตัวมาพอดี ท่านสามารถอยู่ด้านในนี้ได้ พวกท่านศิษย์อาจารย์เพิ่งจะเริ่มทำการสั่งสอนเรียนรู้กัน การต้องแยกจากกันตรงนี้มันคงโหดร้ายเกินไป ที่สำคัญเทียนปิงยังต้องรับคำแนะนำเรื่องการบ่มเพาะจากท่านอีกมาก”

โม่ลี่เฟยนั้นหรี่ตาลงทันทีที่ได้เห็นมัน “เจ้า… เจ้ายังมีสมบัติประเภทจิตวิญญาณอยู่อีกรึ?”

แหวนนี้แท้จริงแล้วเป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำประเภทวิญญาณเช่นกัน

แม้มันจะไม่สามารถเทียบเคียงกับไข่มุกสยบวิญญาณได้เลยแม้แต่น้อย แต่มันก็ยังดีพอที่จะให้โม่ลี่เฟยใช้เป็นที่พักอาศัย

โม่ลี่เฟยนั้นเป็นแค่เศษดวงจิตที่ไม่เหลือพลังชีวิตมากมาย

ในประตูกดสวรรค์โบราณนี้เขาสามารถรักษาเสี้ยววิญญาณนี้ไว้ได้ แต่หากต้องออกไปด้านนอกพลังชีวิตที่เหลืออันน้อยนิดนี้มันก็จะค่อยๆ จางหายไป

แต่แหวนวิญญาณโมฆะนี้เป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำประเภทวิญญาณจากโถงบัลลังก์ม่วง

ไม่ว่ายังไงเย่หยวนก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้มันแล้ว จึงเหมาะสมที่จะมอบมันให้หนิงเทียนปิงไป

เมื่อหนิงเทียนปิงเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเขาก็โห่ร้องขึ้นมาอย่างดีใจ “ฮ่าฮ่า เยี่ยม! อาจารย์เท่านี้เราก็สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ด้วยกันได้แล้ว! ขอท่านอย่ากังวล! ศิษย์ผู้นี้จะต้องตั้งหน้าฝึกตัวเพื่อช่วยท่านอาจารย์แก้แค้นแน่นอน!”

โม่ลี่เฟยเองก็ดีใจไม่น้อยก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้ งั้นข้าจะเข้าไปอยู่ในแหวนวิญญาณโมฆะนี้เอง!”

เขานั้นตื่นตกใจไม่น้อย ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเด็กน้อยเย่หยวนคนนี้มีความลับอยู่มากมาย

เพราะต่อให้มันจะเป็นแค่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ แต่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำประเภทวิญญาณมันก็ยังคงหายาก

เขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะมีสมบัติประเภทวิญญาณชิ้นที่สองอยู่ติดตัวแบบนี้

ที่ทุ่งร้างทางเหนือด้านนอกประตูกดสวรรค์โบราณ พลังงานอันรุนแรงค่อยๆ เบาบางลงเรื่อยๆ

จิงลู่นั้นดีใจอย่างถึงที่สุด เขานั้นสามารถเอาวรยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แสงชาดเก้าสว่างมาครองได้ หลังจากออกมาได้เขาก็เริ่มเปลี่ยนวรยุทธ์ที่ตัวเองใช้บ่มเพาะและสามารถขึ้นแตะคอขวดของอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวได้ทันที ก่อนที่จะบรรลุได้ในที่สุด

“ช่างสมเป็นนายน้อยจิงลู่จริงๆ พรสวรรค์ระดับนี้มันหายากยิ่งในโลกหล้า!”

“ว่ากันว่าเขาเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวมาได้ไม่ถึงห้าสิบปีเองแต่ตอนนี้กลับสามารถบรรลุสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวได้แล้ว!”

“การได้วรยุทธ์บ่มเพาะระดับห้ามาในครั้งนี้มันคงทำให้เขากลายเป็นยอดฝีมือไร้ค้านในวันข้างหน้าแน่!”

.

ผู้คนต่างชื่นชมจิงลู่ในความสามารถที่เหลือล้นของเขานั้น ความเร็วในการบ่มเพาะของเขามันรวดเร็วมาก มากจนทำให้ผู้คนต้องอดชื่นชมไม่ได้

ตอนนั้นเองที่เกิดแสงสองสายพุ่งออกมาจากประตูกดสวรรค์โบราณและกลับมายังวงแสงสองวง

“เถ้าแก่เย่หยวนล่ะ!”

“ข้าได้ยินว่าเขาเข้าไปถึงส่วนลึกสุดของนภาฤกษ์เลยนี่ สงสัยจริงๆ ว่าเขาจะได้สมบัติระดับหกสักชิ้นติดตัวออกมาไหม!”

“อาจจะไม่! สมบัติระดับหกนั้นเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง ต่อให้เป็นส่วนลึกของนภาฤกษ์ ก็ไม่แน่หรอกว่าจะมีมัน”

ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างกำลังเดากันไปต่างๆ นานาว่าเย่หยวนได้อะไรกลับออกมา

แต่ใบหน้าของจิงลู่นั้นไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก เขาเดินเข้ามาทักทายคนทั้งสอง

“เย่หยวน เจ้าทำวางท่าอวดดีบอกว่าวรยุทธ์บ่มเพาะระดับห้ามันไม่ดี ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วเจ้าได้อะไรออกมา?” จิงลู่ถามไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

เมื่อต้องมาเจอเจ้าคนโง่อวดเก่งคนนี้ เย่หยวนก็ถึงกับไม่รู้ต้องจัดการมันยังไง เขาจึงตอบกลับไป “ข้าได้อะไรมามันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

จิงลู่นั้นไม่ได้โกรธใดๆ เขาแค่ถามพร้อมยิ้มต่อ “เย่หยวน ข้าขอท้าประลองเจ้า! หากเจ้าแพ้เจ้า ข้าจะไม่เอาสมบัติของเจ้าเสียด้วยซ้ำ เจ้าแค่ต้องนำสมบัติที่ได้ออกมาให้ผู้คนดู! เจ้ากล้ารับคำท้าไหม?”

จิงลู่นั้นคาดเดาว่าเย่หยวนต้องได้สมบัติล้ำค่าอะไรออกมาสักอย่างและไม่อยากจะนำมันออกมาแสดงต่อหน้าผู้คน

และสิ่งที่เขาต้องการจะทำตอนนี้คือการให้เย่หยวนนำสมบัติออกมาล่อตาล่อใจทุกผู้คนที่เห็น

เขาไม่เชื่อว่าทุกคนในที่นี้จะเป็นคนดีขนาดที่จะไม่ขยับตัวใดๆ แน่

และแผนการน้อยๆ ของจิงลู่นี้ มีหรือที่เย่หยวนจะมองไม่ออก?

เขาหันไปมองจิงลู่ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น “เจ้านั้นบรรลุสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวแล้วแท้ๆ แต่ยังกลับมาท้าข้า นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าดวล ช่างมีหนังหน้าที่หนาเสียจริงๆ”

ด้วยคำพูดนี้ของเย่หยวน ทำให้ผู้คนรอบๆ เริ่มหันมาด่าจิงลู่กันไม่น้อยจากการกระทำนี้

เพราะดูยังไงนี่มันก็คือการกลั่นแกล้งชัดๆ

แต่ว่าจิงลู่เองก็เตรียมการรับมือมันไว้ก่อนหน้าแล้ว “เจ้าหาใช่แค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เจ้ามีพลังฝีมือที่เหนือกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวทั่วๆ ไปเสียอีก ตอนนี้เมื่อเจ้าได้สมบัติออกมาจากประตูกดสวรรค์โบราณแล้วด้วย การจะต่อสู้ข้ามอีกสักระดับมันคงไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถนัก!”

“นี่มัน… หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”

“ใช่! ต่อให้เราจะสงสัยว่าเย่หยวนได้สมบัติแบบไหนออกมามากแค่ไหน การกระทำนี้มันก็หน้าไม่อายอย่างถึงที่สุดจริงๆ”

“แค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าข้ามขั้นล้มนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้มันก็เก่งกาจจนถึงที่สุดแล้ว แต่การจะล้มนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวนี่ มันจะเป็นไปได้หรือ?”

เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินและถามออกมา “เจ้าอยากรู้จริงๆ ว่าข้าได้อะไร?”

จิงลู่ยิ้ม “แน่นอน! ข้าอยากรู้ ข้าคิดว่าทุกผู้คนเองก็คงอยากรู้เช่นกัน ข้าแค่ช่วยพูดความคิดของพวกเขาออกมาก็เท่านั้น”

เย่หยวนพยักหน้า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะรับคำท้าเจ้าไว้เอง!”

เมื่อจิงลู่ได้ยินเขาก็ยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย

เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังฝีมือของตนเองในตอนนี้ เขาจะยังแพ้ให้เย่หยวนอีก!

“เริ่มได้เลย!” จิงลู่บอกอย่างมั่นใจ

เย่หยวนก็ยิ้มรับก่อนจะค่อยๆ ปล่อยปราณเทวะในกายออกมาจนเกิดเป็นตราที่ดูน่าเกรงขามและลึกลับปรากฏขึ้น!

เมื่อได้เห็นพลังงานอันมากล้นนั้น จิงลู่ก็หน้าถอดสีทันที

“ตรานิพพาน!”

เย่หยวนปล่อยปราณเทวะของตัวเองออกมาจนหมดพร้อมๆ กับตรานั้นที่พุ่งตรงออกมา!