บทที่ 1248 ปลอมแปลงผลงาน โดย Ink Stone_Fantasy
ไม่ใช่แค่เหมียวอี้เท่านั้น สมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบทุกคน ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีฐานะหรือภูมิหลังอย่างไร แต่เมื่ออยู่ที่นี่ล้วนเท่าเทียม ทุกคนล้วนอยู่ในที่เปิดโล่ง ถูกจับตามองจากรอบข้างอยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่คำสั่งมังกรประกาศว่าการทดสอบจบลง ก็กำหนดให้สมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบกลับมาภายในสามเดือน คนที่ไม่กลับมาตามเวลาที่กำหนด ก็จะถูกทำโทษเหมือนคนที่ไม่มีผลงานการทดสอบ ถ้ารอจนสมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบออกจากแดนอเวจีแล้วยังไม่กลับมา เช่นนั้นทั้งชีวิตนี้ก็อย่าได้คิดเลยว่าจะได้กลับออกมาอีก อยู่ในนรกไปทั้งชีวิตเถอะ!
บนดาวเคราะห์ที่รกร้าง เถิงเฟยยืนเอามือไขว้หลัง กวาดสายตามองดาราจักรพร้อมบอกว่า “ใกล้จะจบแล้ว คนที่ควรจะกลับก็คงกลับมาหมดแล้ว คนที่ยังไม่กลับก็คงจะไม่ได้กลับมาอีกตลอดไป ทางเจ้ารวบรวมจำนวนรึยัง มีคนกลับมาเท่าไรแล้ว?”
เกาก้วนกวาดสายตามองในดาราจักร “สามแสนกว่า ไม่ถึงสี่แสน”
เถิงเฟยถอนหายใจเบาๆ “ก็หมายความว่า มีกำลังพลประมาณหนึ่งล้านห้าแสนที่กระดูกกองรวมกันในแดนอเวจี ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป จะต้องสะเทือนใจคนแน่!”
“ฝ่าบาทมีคำสั่ง ว่าถ้ามีความเสียหายจากการรบสูงเกินไป ก็ห้ามประกาศความเสียหายต่อภายนอกอย่างเด็ดขาด ถ้าหากจับได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็จะโดนลงโทษอย่างรุนแรง!” เกาก้วนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
เถิงเฟยจึงบอกว่า “มีสายตามากมายดูอยู่ จะปิดบังไหวเหรอ? นอกเสียจากจะฆ่าทุกคนให้ตายหมด! เกาก้วน ทัพใหญ่ตำหนักสวรรค์ของข้าที่มีมาหลายปี มาล้มตายสูญเสียอยู่ที่นี่เยอะเกินไปแล้ว ทำไมยังต้องเอาชีวิตคนมาเติมที่นี่อีก? ข้ายังคงยืนยันคำเดิม สถานการณ์ของใต้หล้ามีแนวโน้มมาฝั่งพวกเรา ตราบใดที่พวกเดียวกันไม่ก่อความวุ่นวายเอง โจรกบฏกลุ่มนี้ก็พลิกฟ้าไม่ได้หรอก เจ้าเป็นขุนนางข้างกายฝ่าบาท โน้มน้าวฝ่าบาทหน่อยเถอะ!”
เกาก้วนกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ข้างเตียงนอนของตัวเอง จะยอมให้คนอื่นมานอนกรนได้อย่างไร!”
ประโยคเดียวทะลุถึงความคิดของราชันสวรรค์ เถิงเฟยพูดไม่ออกเพราะสิ่งนี้ ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ไม่พูดเรื่องนี้อีก รู้ว่าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ ในสายตาของท่านนั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรที่อาจจะส่งผลต่อการปกครองของเขา ก็ล้วนถูกมองเป็นอุทกภัยและสัตว์ร้ายทั้งหมด เจตจำนงสวรรค์ถูกกำหนดแล้ว!
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม เถิงเฟยถึงได้บอกอีกว่า “ถึงเวลาแล้ว!”
เกาก้วนโบกมือสะบัดผ้าคลุมสีดำ ขยุ้มนิ้วทั้งห้าไปยังคำสั่งมังกรที่เลื้อยอยู่ไกลๆ คำสั่งมังกรสีรุ้งสั่นหัวส่ายหางทันที ส่งเสียงมังกรครางแว่วๆ หนึ่งครั้ง แล้วบินกลับมาอย่างรวดเร็ว เอียงหัวไปพุ่งชนไปทางเกาก้วน ชั่วพริบตาที่พุ่งชน ตั้งแต่หัวถึงหางก็กลายเป็นลำแสงกลุ่มหนึ่งทันที แล้วก่อตัวกลายเป็นป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งตกลงในมือของเกาก้วน เกาก้วนพลิกฝ่ามือเก็บ แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “จบแล้ว ถอนกำลัง!”
เถิงเฟยหันกลับมาตะโกนว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ถอนกำลัง!”
“รับทราบ!” แม่ทัพที่รอรับคำสั่งอยู่ข้างหลังถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันที
รอเพียงไม่นาน ก็เห็นทัพใหญ่หนึ่งแสนที่ไปเก็บกวาดสนามทยอยกลับมาจากทั่วสารทิศ
เกาก้วนไม่อยู่ด้วยอีก หันตัวไปนำกำลังพลของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาเหาะจากไปอย่างรวดเร็ว เหาะไปยังดาวเคราะห์ที่เป็นจุดรวมตัวของสมาชิกผู้เข้าร่วมการทดสอบ
พอเหาะจากฟ้าลงมาเหยียบที่นอกตำหนักบนยอดเขา ก็หันมองกลุ่มคนที่หนาแน่นยั้วเยี้ยในแอ่งกระทะ ข้างล่างก็มีสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองเขาอยู่เหมือนกัน
เกาก้วนหันกลับมา เดินก้าวยาวเข้าไปในตำหนัก ขณะเดียวกันก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เริ่มตรวจสอบได้ ใครกล้าช่วยกันโกง ประหาร!”
“รับทราบ!” จุยหย่วนเอ่ยรับคำสั่ง แล้วนำกำลังพลจากไปอย่างรวดเร็ว
ผลงานการทดสอบทั้งหมดไปรวมอยู่ในมือจุยหย่วนอย่างรวดเร็ว มีผู้ช่วยสองคนจับตาดูอยู่ เรียกได้ว่ามีคนสามคนเฝ้าจับตาดูอยู่ด้วยกัน ป้องกันไม่ให้มีคนช่วยสมาชิกผู้เข้ารวมทดสอบโกง ป้องกันอย่างเข้มงวดมาก
กำลังพลหน่วยตรวจการฝ่ายขวาของตำหนักสวรรค์นับพันถูกค้นตัว ตรวจซ้ำหลายด่าน ถูกค้นตัวต่อเนื่องกันจากคนไม่ซ้ำหน้า ส่งมอบของทุกอย่างบนตัวออกไปแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ผลงานการทดสอบทั้งหมดก็ถูกทยอยแจกจ่ายไปยังมือของเจ้าหน้าที่นับพัน สามร้อยคนแรกแบ่งแยกประเภทคร่าวๆ โดยอิงจากเขตพื้นที่นรกที่ผู้ทดสอบสำรวจมา แล้วค่อยให้เจ้าหน้าที่อีกสามร้อยคนแบ่งประเภทอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วเจ้าหน้าที่สามร้อยคนสุดท้ายก็จะดำเนินการตรวจสอบยืนยัน ส่วนเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งร้อยคนที่เหลือก็จัดการผลงานที่เป็นการสำรวจข้ามเขต หรือพูดได้อีกอย่างว่า บนผลงานส่วนหนึ่งของการทดสอบจะไม่ได้ตรวจสอบแค่เขตพื้นที่เดียวเท่านั้น ถึงขั้นมีแบบตรวจสอบอีกเขตพื้นที่หนึ่งด้วย
ใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน แผ่นหยกหลายแสนก็แยกประเภทเสร็จแล้ว
วันต่อมา เถิงเฟย จอมพลเถิงสายชวดที่รักษาการณ์ที่นี่ก็รวบรวมยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ เพื่อมารวมตัวกับยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ที่ตำหนักสวรรค์ส่งมาก่อนหน้านี้ รวมเป็นทั้งหมดหนึ่งแสนคน พวกเขาเหาะขึ้นฟ้าไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่หนึ่งพันคนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวา ทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่หนึ่งพันคนนั้นเช่นกัน กำลังไปสถานที่จริงเพื่อตรวจสอบผลการทดสอบ โดยมีจุยหย่วนเป็นคนนำกลุ่มด้วยตัวเอง!
ผู้เข้าร่วมทดสอบทดสอบกลุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในแอ่งกระทะเงยหน้ามองฟ้า มองดูกำลังพลกลุ่มใหญ่เหาะไป
“น้องหนิว ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มไปตรวจสอบสถานที่จริงแล้ว ช่างมีประสิทธิภาพสูงจริงๆ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงเดาะลิ้น แล้วหันกลับมากล่าวอย่างกังวลว่า “ไม่รู้ว่าคะแนนทดสอบของพวกเราจะเป็นยังไง”
เหมียวอี้ตอบอย่างสบายๆ ว่า “จะดีจะร้ายก็แล้วแต่โชคชะตา ช่างมันเถอะ!” ขณะที่พูดก็พบว่าจ้านหรูอี้ที่อยู่ข้างๆ กำลังเอียงหน้ามองมาทางนี้ ทั้งสองสบตากัน จ้านหรูอี้ทำสายตาเหยียดหยามใส่เขาทันที
เหมียวอี้ทั้งโมโหทั้งอยากขำ ต่อสู้แพ้พ่อแท้ๆ ยังกล้ามาดูถูกพ่ออีก นี่มันเรียกว่าสภาพสังคมแบบไหนกัน มีอำนาจอิทธิพลหนุนหลังแล้วเจ๋งนักรึไง?
แต่จะว่าไปแล้ว การที่อีกฝ่ายมีอำนาจอิทธิพลหนุนหลังก็นับว่าเจ๋งจริงๆ ในสายตาของตระกูลอิ๋ง ตนก็เป็นแค่ทหารเล็กๆ คนหนึ่ง…
หลังจากนั้นสามเดือน จู่ๆ นอกตำหนักบนยอดเขาก็มีเสียงกลองรบดัง “ตุ้งๆ” พักหนึ่ง เป็นเสียงกลองที่สะเทือนขวัญคนจริงๆ ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามต่างกับกลองสะท้านฟ้า
“เป็นกลองรบยามออกศึก!”
“เสียงกลองรบดังแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“โจรกบฏบุกโจมตีเข้ามารึเปล่า?”
ในแอ่งกระทะด้านล่าง เสียงของคนที่มีประสบการณ์ดังต่อเนื่องเป็นระลอก มีคนไม่น้อยยืนขึ้นและใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์ดูว่าเกิดอะไรกันแน่
เหมียวอี้เองก็ลุกขึ้นดูตั้งแต่ได้ยินเสียงกลองรบครั้งแรกเช่นกัน เห็นเพียงกลองใหญ่สีแดงสดบนยอดเขากำลังถูกตีอย่างหนักหน่วง
บนยอดเขามีกำลังพลกลุ่มใหญ่ที่เฝ้าแดนอเวจีกำลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เถิงเฟยกับเกาก้วนรีบเดินก้าวยาวออกมาจากประตูใหญ่ของตำหนัก เกาก้วนสีหน้าเย็นเยียบดุร้าย เถิงเฟยหน้าดำคร่ำเครียด กวาดสายตามองรอบๆ ราวกับเหยี่ยวดุร้าย
เถิงเฟยที่ยืนอยู่บนบันไดพลันหันตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเกาก้วนพูดอะไร ทั้งสองกุมหมัดคารวะกัน จากนั้นเถิงเฟยก็โบกมือ นำยอดฝีมือพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพสิบกว่าคนพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างฉับพลัน ชั่วพริบตาเดียวก็ฝ่าขึ้นท้องฟ้าไป เดินทางนำไปก่อนหนึ่งก้าว
จากนั้นถึงได้เห็นกำลังพลกลุ่มใหญ่ที่รวมตัวกันพุ่งขึ้นฟ้าไป
หลังจากมองคล้อยหลังคนกลุ่มนั้นออกไปแล้ว เกาก้วนที่สวมหมวดทรงสูงสีดำและชุดคลุมสีดำก็กวาดสายตาเย็นเยียบมองแอ่งกระทะข้างล่าง เมื่อเห็นกลุ่มคนที่อยู่ข้างล่างทำท่ากระสับกระส่ายร้อนรน ก็เอียงหน้าพูดอะไรบางอย่างกับลูกน้อง
ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นที่ปรึกษากลุ่มใหญ่เหาะลงมาที่แอ่งกระทะ แล้วอธิบายกับคนข้างล่างไม่หยุด บอกว่าไม่ใช่ข้าศึกโจมตี แค่พบสถานการณ์ของศัตรูเท่านั้น จอมพลเถิงเฟยจึงออกรบด้วยตัวเอง
มีคนไม่น้อยที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สามารถทำให้จอมพลเถิงที่รักษาการณ์ที่นี่ออกรบด้วยตัวเองได้ เกรงว่าคงไม่ใช่สถานการณ์ของศัตรูธรรมดา
เมื่อเห็นโค่วเหวินชิงตั้งใจมาทางนี้ เหมียวอี้ก็ถ่ายทอดเสียงถามทันทีว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?”
โค่วเหวินชิงถ่ายทอดเสียงตอบว่า “มีผลงานการทดสอบของบางคนเป็นของปลอม ทำเครื่องหมายไว้มั่วๆ นำทางให้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบสถานที่จริงเข้าไปในเขตอันตราย โจรกบฏอาศัยสภาพภูมิประเทศที่เลวร้ายล้อมโจมตี ไม่เป็นผลดีกับพวกเรา โชคดีที่ตำหนักสวรรค์ส่งยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ไปช่วยล่วงหน้า โชคดีที่ไม่ได้แพ้ย่อยยับ แต่กำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก พร้อมทั้งส่งข่าวมาขอความช่วยเหลือเร่งด่วน สถานการณ์คับขัน จอมพลเถิงที่นั่งรักษาการณ์ที่นี่รีบนำคนไปช่วยแล้ว อาศัยวรยุทธ์ของพวกจอมพลเถิง เดาว่าคงจะถึงอย่างรวดเร็ว คาดว่าคงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่มาก!”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เหมียวอี้เช้าใจทันที แต่อดไม่ได้ที่จะถามอีกว่า “ผลงานของใครเกิดปัญหาเหรอ?”
เขากังวลนิดหน่อยว่าทางจินม่านจะวางกับดักเขาหรือเปล่า คาดว่าคงจะไม่ทำถึงขั้นนั้น
โค่วเหวินชิงส่ายหน้าเบาๆ “เรื่องนี้ข้าไม่รู้แล้ว รอผลออกมาตอนจบเรื่องแล้วกัน”
นางบอกข่าวเหมียวอี้เงียบๆ มีที่ปรึกษาคนอื่นเผยข่าวนี้กับคนอื่นเช่นกัน เหมือนจะมีคนไม่น้อยที่อยู่ตรงนั้นหน้าซีดไปชั่วขณะ เริ่มวิตกกังวลขึ้นมาแล้ว กำลังตกอยู่ในความกระวนกระวายใจ
ผ่านไปครู่เดียว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่รู้ว่าเอาข่าวมาจากไหน เริ่มกังวลแล้วเช่นกัน หลังจากกลับมาถ่ายทอดเสียงบอกสถานการณ์ให้รู้แล้ว ก็ถามเหมียวอี้เช่นกันว่า “น้องหนิว ผลงานของพวกเราคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่มั้ย? ของแบบนี้ถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็ทำให้หัวขาดได้เลยนะ”
เหมียวอี้พูดปลอบใจว่า “ผลลงานของพวกเราออกจะเหมาะสม ข้าเสี่ยงอันตรายไปดูสถานที่จริงมาเอง ไม่มีปัญหาหรอก” เขาแค่กังวลว่าทางจินม่านจะวางกับดักเขา ส่วนผลงานทดสอบที่รายงานขึ้นไป ตอนหลังเขาได้ไปตรวจสอบตรงจุดที่ทำเครื่องหมายด้วยตัวเองมาแล้วรอบหนึ่ง น่าจะไม่เกิดเหตุไปผิดทาง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าของตัวเองไม่น่าจะมีปัญหา
เซี่ยโห้วหลงเฉิงได้ยินแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ บนใบหน้ามีรอยยิ้มแล้ว กลับคืนสู่สภาพหยิ่งทระนง เหลียวซ้ายแลขวาพร้อมบอกว่า “งั้นก็ดี งั้นก็ดี ยอมให้คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ดีกว่า ถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นคงไม่ดี ไม่อย่างนั้นดาบที่ใช้ตัดหัวในมือเกาก้วนก็ไม่ได้มีไว้ถือเฉยๆ นะ มันทำให้คนตายได้จริงๆ ตายแล้วก็ตายเปล่าด้วย ท่านย่าเอ๊ย ไม่รู้ว่าใครมันใจกล้าขนาดนี้ กล้าตบตาผู้พิพากษาหน้าดุอย่างเกาก้วนได้ ช่างเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ!”
ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ? เหมียวอี้รู้สึกขำในใจ คนที่กล้าทำเรื่องแบบนนี้ นอกจากคนในกลุ่มผู้มีอำนาจ คนอื่นๆ ที่ไม่มีเส้นสายหนุนหลังก็ไม่กล้าทำอย่างนี้หรอก
จะว่าไปแล้วเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็โชคดีเหมือนกัน ในมือเขาไม่มีผลงานอะไร จึงเกิดความคิดที่จะทำของปลอมขึ้นมา แต่โชคดีที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ช่วยเขาโกงเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นที่ต้องสงสัย ทำเอาเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่กล้าทำซี้ซั้ว นับว่าพ้นเคราะห์อย่างแท้จริง
ที่จริงการเปลี่ยนวิธีการตรวจสอบของเกาก้วน แม้แต่เถิงเฟยที่นั่งรักษาการณ์ที่นี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน…
ถึงแม้จะบอกว่าผลคะแนนต้องออกมาภายในหนึ่งปี แต่เกาก้วนเผื่อเวลาให้ตัวเอง จะได้ไม่เกิดปัญหาเวลาไม่พอ ที่จริงใช้เวลาแค่ครึ่งปีผลการตรวจสอบสถานที่จริงก็ออกมาแล้ว หลังจากนั้นครึ่งปี กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่ไปตรวจสอบสถานที่จริงก็เหาะลงมาจากฟ้า จอมพลเถิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน ไม่รู้ว่าสถานการณ์การรบเป็นอย่างไรบ้าง
เกาก้วนโผล่ออกมาต้อนรับอยู่ตรงประตูใหญ่ของตำหนัก กล่าวเสียงเรียบว่า “ลำบากจอมพลเถิงแล้ว”
เถิงเฟยโบกมือ “ลำบากนิดหน่อยจะเป็นไรไป เจ้ารีบนำผลคะแนนออกมาเถอะขอร้อง! ไม่อย่างนั้นข้าก็ใกล้จะล่วงเกินผู้มีอำนาจหมดราชสำนักแล้ว สถานการณ์เป็นยังไงเจ้าก็รู้ดี คงไม่ต้องให้ข้าพูดมากนะ”
เรื่องที่เกาก้วนเปลี่ยนการตรวจสอบผลอย่างกะทันหันผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ย่อมไม่มีทางปิดเป็นความลับได้อีก คนที่มีความผิดอยู่ในใจจึงกระวานกระวายแล้ว มาหาเกาก้วนเพื่อผ่อนผันก็ไม่มีประโยชน์ ดีไม่ดีอาจจะโดนเกาก้วนเปิดเผยให้ราชันสวรรค์รู้ ดังนั้นเถิงเฟยที่นั่งรักษาการณ์อยู่ที่นี่ก็แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่ไหว้วานให้เขาช่วยเหลือ แต่ในเมื่อมีเกาก้วนอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะช่วยอะไรได้ล่ะ จุกจิกน่ารำคาญทั้งยังทำให้คนอื่นไม่พอใจอีก
ที่จริงก็ช่วยไม่ได้ที่จะมีคนบางคนปลอมแปลงผลงาน จากกำลังพลหนึ่งล้านแปดแสนกว่า ลูกน้องของคนมากมายตายไปหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าทุกคนจะหาตัวผู้เข้าร่วมทดสอบที่รอดชีวิตแล้วเอาผลประโยชน์มาหลอกล่อได้ ส่วนคนที่แอบทำก็คงไม่ป่าวประกาศอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าทำให้ผลงานของคนกลุ่มใหญ่เหมือนกันทุกอย่าง แปลว่าอยากจะเห็นราชันสวรรค์เป็นคนโง่เหรอ?
เกาก้วนไม่พูดอะไร เพียงเอียงหน้าถามว่า “รายชื่อคนที่ปลอมแปลงผลงานออกมาหรือยัง?”
จุยหย่วนใช้สองมือยื่นให้ “หนึ่งพันแปดสิบแปดคนขอรับ!”
เถิงเฟยที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วหนังตากระตุก เขารู้อยู่แล้วว่าคงมีคนทำแบบนี้ไม่น้อย แต่นึกไม่ถึงว่าจะเยอะขนาดนี้ หันขวับกลับมามองเกาก้วนที่ทำสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ในใจแอบร้องว่าแย่แล้ว
…………………………