บทที่ 2258+2259

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2258 ความทรงจำหวนคืน 2

ชายชุดดำพูดคุยกับเตี๋ยเอ๋อร์อีกสองสามประโยค ล้วนเป็นการตรวจสอบบางอย่างทั้งสิ้น เตี๋ยเอ๋อร์ตอบรับอยู่เรื่อยๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เตี๋ยเอ๋อร์ได้รับมอบหมายภารกิจอีกครั้งจึงจากไป

และในเวลานี้เอง ชายชุดเขียวผู้นั้นก็กลับมา นำกุญแจอายุยืนดอกนั้นมามอบให้

ชายชุดดำรับกุญแจอายุยืนไปพลิกดูอยู่พักใหญ่ ก็มองอะไรไม่ออกเช่นกัน

นั่นคือกุญแจอายุยืนเป็นของธรรมดา เพียงแต่เนื้อหยกดีอยู่บ้าง เป็นหยกมันแพะ สัมผัสดูแล้วอ่อนละมุนยิ่ง

คนชุดดำครุ่นคิดแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ส่งกุญแจอายุยืนดอกนั้นให้ชายชุดเขียวอีกครั้ง ให้เขาเอาไปคืน

เขาย่อมไม่ปรารถนาในของเล่นเล็กน้อยเช่นนี้ โดยเฉพาะของเล่นที่ส่งมอบให้เด็กน้อยครบขวบคนหนึ่ง…

ชายชุดเขียวถามต่อว่า

“นายท่าน จะไปปลุกเสกค่ายอาคมตอนนี้เลยไหมขอรับ?”

คนชุดดำพยักหน้านิดๆ

“ไปเถอะ”

ทั้งสองคนมุ่งสู่ส่วนลึกของดงไผ่ เพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว

ภายในดงไผ่กลับมาเงียบสงบเช่นในอดีตอีกครั้ง…

ดงไผ่ผืนนี้ยังคงมีสุนทรีย์อยู่ยิ่งนัก ท่ามกลางไผ่ม่วงหลายร้อยต้นได้ประดับหินผาไว้หลายก้อน หินผาก็มีความงามตามธรรมชาติยิ่ง แต่ละก้อนรูปทรงไม่ซ้ำกันเลย

เมื่อครู่ขณะที่คนชุดดำสนทนากับลูกน้องก็เอนหลังพิงโขดหินก้อนหนึ่งด้วยเช่นกัน

และในจุดที่ห่างจากโขดหินก้อนนี้ไปสิบจั้ง มีโขดหินทรงมนุษย์อยู่ก้อนหนึ่ง

หลังจากพวกคนชุดดำทั้งสองจากไป จู่ๆ หินทรงมนุษย์ก้อนนั้นก็สั่นไหว ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นเด็กสาวชุดเทาคนหนึ่ง เป็นกู้ซีจิ่วที่เคยบอกว่าจะกลับเมืองลั่วฮวา

หลังจากเธอปรากฏตัวขึ้น ก็หยิบหินทรงมนุษย์ก้อนหนึ่งที่เหมือนกันทุกประการออกมาจากมิติเก็บของแล้ววางไว้ที่เดิม

สถานที่แห่งนี้คนเฉียดกรายมาน้อย กู้ซีจิ่วยืนพิงลำไผ่ม่วงต้นหนึ่ง มองทิศทางที่คนชุดดำหายลับไปเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยักยิ้มบางๆ

เธอก้มหน้าใช้นิ้วเคาะกำไลบนข้อมือ

“เสี่ยวชาง ไม่ต้องแกล้งตายเลย ข้าถ่ายเทพลังวิญญาณให้เจ้าแล้ว สมควรตื่นได้แล้ว!”

กำไลดำทึมทึบบนข้อมือเธอส่องแสงแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ผุดอักษรแถวหนึ่งขึ้นมาในสมองกู้ซีจิ่ว

‘เจ้านาย ข้าบาดเจ็บสาหัส โลกนี้ไม่เหมาะกับข้าเลย…’

มันบาดเจ็บสาหัสจริงๆ แม้แต่อักษรไม่กี่ตัวที่ผุดขึ้นมาก็ดูไร้เรี่ยวแรงเช่นกัน

กู้ซีจิ่วหัวเราะเยาะเบาๆ

“มันก็ไม่เหมาะกับข้าเหมือนกัน…เจ้าว่า นี่มันเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา? ตอนอยู่ดินแดนเบื้องบนข้าก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวทรามอะไรสักหน่อย ซ้ำยังช่วยชีวิตคนไว้มากมาย ผลคือเกิดแผ่นดินไหวแล้วข้าก็หล่นมาอยู่ที่นี่ แถมยังลบความทรงจำข้าอีก ทำให้ข้าใช้ชีวิตเหมือนคนป่าที่โง่งมอยู่ที่นี่มากว่าครึ่งปี! นี่มันเหตุผลอะไรกัน? สวรรค์อยุติธรรมต่อข้าเกินไปหน่อยแล้ว!”

‘เจ้านาย ที่แท้ความทรงจำของท่านก็กลับมาแล้ว!’ ตัวอักษรที่หยกนภาแสดงขึ้นมาดูค่อนข้างตื่นเต้นยินดี

“แน่นอน เจ้านึกว่าข้าจะความจำเสื่อมไปทั้งชาติหรือไง?”

‘ก็ไม่ใช่แบบนั้น เจ้านาย ข้านึกว่าความทรงจำของท่านอย่างไรก็คงต้องทะลวงขั้นโบยบินสู่ดินแดนเบื้องบนให้ได้ถึงจะฟื้นคืนมา อย่างไรเสียการที่ท่านถูกลบความทรงจำแล้วโยนมาไว้ที่นี่ก็เป็นทัณฑ์สวรรค์ และทัณฑ์สวรรค์ก็ไม่เคยลดหย่อนผ่อนผันด้วย’

กู้ซีจิ่วคล้ายจะตระหนักถึงสิ่งใดได้แล้ว

“เจ้ารู้ว่าข้าความจำเสื่อม ดูเหมือนเจ้าจะได้สตินานแล้วสินะ! ตื่นนานแล้วทำไมถึงไม่ชี้นำผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าเลย! เสี่ยวชาง เจ้าวอนหาที่ใช่ไหม?!”

‘ยัดข้อหา! เจ้านาย หลังจากข้ามาถึงที่นี่พร้อมท่าน พลังวิญญาณก็ถูกดูดไปจนเกลี้ยงเลย ไม่สามารถแสดงสำนึกรู้ได้เลย หลังจากท่านฝึกฝนจนบรรลุขั้นแปดได้เมื่อหลายวันก่อน ข้าที่อยู่บนข้อมือท่าน จึงได้ดูดซับพลังวิญญาณมาจากท่านนิดหน่อย ค่อยๆ ฟื้นฟูจิตสำนึกได้บางส่วน แต่ยังคงอ่อนแอยิ่งนักมาโดยตลอด ไม่สามารถสื่อสารกับท่านได้เลย อีกอย่างท่านก็ปลอดภัยดียิ่งเสมอมา และไม่มีอะไรที่จำเป็นให้ข้าต้องพยายามตักเตือน ดังนั้นข้าจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้มาตลอด หากมิใช่เมื่อครู่นี้เจ้านายถ่ายเทพลังวิญญาณให้ข้าโดยเฉพาะ ข้าก็ยังสื่อสารกับท่านไม่ได้เหมือนเดิม’

————————————————————————————-

บทที่ 2259 ความทรงจำหวนคืน 3

“โง่งม! ถึงแม้ข้าจะไม่เป็นฝ่ายถ่ายเทพลังวิญญาณให้เจ้าก่อน แต่เจ้าก็สวมอยู่บนมือข้า ทำไมไม่ดูดซับเอาเองเล่า? เจ้าเปลี่ยนเป็นทึ่มทื่อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

‘เจ้านาย ไม่ได้หรอก พลังวิญญาณบนร่างท่านประหลาดมาก เหมือนถูกอาคมอันใดสะกดไว้ในร่างท่าน ข้าดูดซับได้จำกัดจำเขี่ยยิ่งนัก มิเช่นนั้นคงไม่อยู่ในสภาพสะลึมสะลือเช่นนี้มาตลอด’

บนร่างตนมีอาคมสะกดพลังวิญญาณงั้นหรือ?

กู้ซีจิ่วตรวจสอบร่างกายดูเล็กน้อย สัมผัสได้ว่าละแวกจุดรวมวิญญาณมีผนึกอยู่รางๆ บนผนึกนั้นมีอักษรอาคมเปล่งแสงอยู่ แถมกู้ซีจิ่วยังคุ้ยเคยกับลายอักษรยิ่งนักด้วย

เป็นลายมือตี้ฝูอี…

ไม่จำเป็นต้องถามเลย เป็นเขาที่วางผนึกนี้ไว้ในร่างเธอ

กู้ซีจิ่วหลุบตาเล็กน้อย การวางผนึกเช่นนี้จะต้องสัมผัสแนบชิดกัน และตอนที่เธอกับเขาสัมผัสแนบชิดกันก็มีเพียงคืนนั้น…

เงาร่างของตี้ฝูอีแวบเข้ามาในสมองเธอ เธอนวดหว่างคิ้ว

เธออยากจะขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนเหลือเกิน ไปด่าเขาว่าไอ้เด็กเวร

แต่เมื่อประสบกับทุกอย่างในแดนอสุรา คำว่า ‘ไอ้เด็กเวร’ นี้เธอด่าไม่ออกแล้ว…

‘นายท่าน ความทรงจำท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?’

หยกนภาฉงนยิ่งนัก

“บ่ายวันนี้”

‘ที่แท้ก็เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ทำไมถึงฟื้นฟูกลับมาได้รวดเดียวเลยล่ะ?’

กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ บ่ายวันนี้หลังจากปรากฏเหตุการณ์นั้นขึ้น ความทรงจำของเธอที่ถูกกลบฝังไว้ในส่วนลึกก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน เสี้ยวความทรงจำนับไม่ถ้วนถาโถมอยู่ในสมองเธอ เพียงแต่ปะติดปะต่อไม่ได้ชั่วขณะ

สมองเธอมึนงงยิ่งนัก ดังนั้นจึงนั่งสมาธิเล็กน้อย ผลคือหลังจากปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่พักหนึ่ง ความทรงจำก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์

จดจำฐานะในอดีตของตนได้ จดจำภารกิจที่กินเวลาหลายร้อยปีได้ จำได้ว่าตนต้องตามหาหวงถู จำเสินเนี่ยนโม่ได้แล้ว…

แน่นอน เธอย่อมจดจำทุกสิ่งทุกอย่างตอนอยู่กับอวิ๋นเยียนหลีที่ดินแดนเบื้องบนได้

ยามที่ความทรงจำทั้งหมดของเธอกลับคืนมา ยังไม่ได้แยกทางกับอวิ๋นเยียนหลี

เธอฝืนข่มอารมณ์เอาไว้ ไม่แสดงออกมาต่อหน้าอวิ๋นเยียนหลี แสร้งว่าไม่มีเรื่องใด

เมื่ออวิ๋นเยียนหลีถามถึงแผนการขั้นต่อไปของเธอ เธอจึงบอกว่าจะกลับไปเยี่ยมคนในเผ่าตนสักหน่อย

อวิ๋นเยียนหลีกลับไม่นึกสงสัยเลย กำชับเธอสองสามประโยค แล้วแยกทางกับเธอ

ช่วงที่ผ่านมานี้ทั้งสองคนเดินทางตามหาคนโดยการขี่สัตว์พาหนะ นอกเหนือจากอยู่ในสถานการณ์คับขัน กู้ซีจิ่วถึงจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาอวิ๋นเยียนหลีหนี ปกติแล้วทั้งสองจะโดยสารสัตว์พาหนะกันคนละตัว

สัตว์พาหนะของกู้ซีจิ่วคือราชาเสือดาวเมฆาตัวหนึ่ง เป็นสัตว์ร้ายที่ดุร้ายยิ่งนัก บำเพ็ญเพียรมาร้อยปี จำแลงกายได้แล้ว ถูกกู้ซีจิ่วสยบได้ จึงฝึกฝนอบรมให้กลายเป็นสัตว์พาหนะเสียเลย เมื่อห้อทะยานขึ้นมาปานจะไล่ตามสายลมได้ และมันก็มีกลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์ สัตว์ร้ายทั่วไปเมื่อได้กลิ่นมันล้วนจะหลีกลี้หนีไปไกล

และเนื่องจากกลิ่นกายของมันง่ายต่อการแยกแยะ ทุกครั้งที่อวิ๋นเยียนหลีมาหาเธอ ล้วนเคยชินกับการใช้ผีเสื้อโลหิตจับตำแหน่งของมัน จากนั้นก็จะตามมา ใช้ร้อยครั้งได้ผลร้อยครั้ง

หลังจากแยกทางกัน กู้ซีจิ่วขี่เสือดาวเมฆาเดินทางไปร้อยกว่าลี้ จากนั้นก็ให้เสือดาวเมฆาเดินทางต่อไป มุ่งไปยังเมืองลั่วฮวา ส่วนตัวเธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับมา…

หลังจากความทรงจำกลับมาแล้ว เธอย่อมเกิดข้อสงสัยมากมายในตัวอวิ๋นเยียนหลี

อย่างเช่นที่แท้แล้วเขามายังแดนอสุราแห่งนี้ได้อย่างไร?

จากดินแดนเบื้องบนลงมายังแดนอสุรายากลำบากอย่างยิ่ง

เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่าโลกเบื้องล่างนั้นมีอยู่นับพันนับหมื่น ถ้าเจาะจงอยากมาที่นี่ ยากเย็นเข็ญใจยิ่งกว่าลุ้นหวยเสียอีก!

ตี้ฝูอีเคยบอกไว้ เธอมาที่นี่โดยบังเอิญ ส่วนเขาก็ทุ่มเทสิ้นเปลืองกายในใจการตามหา เป็นบิดาของเขาที่ช่วยพยากรณ์ให้

แล้วอวิ๋นเยียนหลีมาที่นี่ได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้กระมังที่จะบังเอิญเหมือนกัน?!