เมิ่งเชี่ยนโยวตอบสั้นๆ “ฮูหยินกับลูกของจูเฟิงเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งฉีกลับประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม “ทำไมพวกนางถึงถูกคนทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ได้”

 

 

“ไว้ค่อยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังทีหลังนะเจ้าคะ จัดแจงห้องเรียบร้อยแล้วหรือยัง พวกข้าขอแบกนางกับลูกเข้าไปก่อน”

 

 

เมิ่งฉีพูดอย่างร้อนรน “จัดเรียบร้อยแล้ว เตาของเตียงก็ร้อนแล้ว รีบแบกเข้าไปเถิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกับจูหลีแบกสองแม่ลูกที่กอดกันแน่นอยู่ด้านหน้าและด้านหลังคนละฝั่ง ลงจากรถม้า

 

 

เมิ่งฉี เหวินเปียว และทหารองครักษ์อีกสองสามนายไม่สนใจว่าใครชายใครหญิงอีก ต่างยื่นมือเข้ามาช่วยแบกด้วย

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงลงจากรถม้าเช่นกัน ครั้นมองเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของสองแม่ลูกที่อยู่ในกลุ่มคนนั่น ภาพเบื้องหน้าก็มืดมัว ร่างกายโอนเองไปมาจนเกือบจะล้มหมดสติไป

 

 

ทุกคนค่อยๆ แบกสองแม่ลูกเข้ามาในห้องที่เตรียมไว้ แล้ววางลงบนเตียงร้อน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินเปียว “ในห้องของข้ามีกล่องยาหนึ่งกล่อง ภายในบรรจุยาหลายชนิด เจ้ารีบกลับไปที่บ้าน แล้วนำกล่องยามาที่นี่โดยเร็ว”

 

 

เหวินเปียวรับคำ แล้ววิ่งกลับไปอย่างว่องไว

 

 

“พี่รอง ท่านสั่งสาวใช้ให้รองน้ำมาหลายกะละมัง เตรียมเอาไว้เจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งฉีรับคำ แล้วเดินออกไป

 

 

“จูหลี นำยาที่อยู่บนรถม้าลงมาให้อย่างละสองชุด แล้วส่งให้พวกเขาบางส่วนเพื่อไปต้มโดยเร็ว แล้วหยิบผ้าทำแผลติดมาด้วย”

 

 

จูหลีและทหารองครักษ์แต่ละคนรับคำ แล้วเดินออกไป

 

 

“ชิงหลวน เจ้าช่วยข้า ก่อนอื่นแยกแม่ลูกสองคนนี้ออกจากกัน แล้วรักษาแยกกัน”

 

 

ชิงหลวนพยักหน้า เดินไปที่ข้างเตียงร้อน เอนตัวลง พยายามอุ้มจูเสี่ยวออกมาจากอ้อมอกของจางลี่ ทันทีที่นางขยับจูเสี่ยว จางลี่ที่สติยังเลือนรางอยู่ก็สวมกอดลูกแน่นขึ้นตามสัญชาตญาณ ชิงหลวนกลัวว่าจะทำให้จางลี่ได้รับบาดเจ็บหนักขึ้น จึงไม่กล้าออกแรง และมองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความอึดอัดใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย่อตัวลง ประชิดข้างหูของจางลี่ และพูดด้วยเสียงอันเบาและนุ่มนวล “ลี่เอ๋อร์ ข้าคือพี่โยวเอ๋อร์เอง เสี่ยวเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ เจ้าปล่อยเขานะ แล้วข้าจะรักษาเขาอย่างดี”

 

 

จางลี่ที่หมดสติอยู่ราวกับว่าได้ยินคำพูดของนาง จึงคลายมือออกเล็กน้อย ชิงหลวนดีใจมาก ขณะที่กำลังจะอุ้มจูเสี่ยวออกมา จู่ๆ แขนของจางลี่กลับสวมกอดแน่นขึ้นอีกครั้ง ทั้งกายดูคล้ายว่าได้สติแล้ว ปากก็พูดพึมพำเบาๆ ว่า “พวกเจ้า…ใคร…ก็…อย่าได้…ทำอะไร…ลูก…ของข้า”

 

 

จูเสี่ยวตัวน้อยกลับไม่เคลื่อนไหวใดๆ ถูกเจียงลี่กอดไว้ที่อกโดยไร้สติ

 

 

ลมหายใจชีวิตของแม่ลูกทั้งสองใกล้จะมาถึงขีดสุดท้ายแล้ว ถ้ายังไม่ได้รับการรักษาอีก เกรงว่าจะไม่อาจมีชีวิตรอดแล้วจริงๆ ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวก็กระวนกระวาย จึงพูดเบาๆ ที่ข้างหูของจางลี่อีกครั้ง “ลี่เอ๋อร์ ข้าคือพี่โยวเอ๋อร์เอง หากเจ้ายังไม่ปล่อยเสี่ยวเอ๋อร์อีก เขาจะต้องตายจริงๆ แล้วนะ”

 

 

ใบหน้าของจางลี่ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทว่า แขนกลับสวมกอดจูเสี่ยวแน่นขึ้นอีก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจนปัญญา กัดฟัน และพูดกับชิงหลวนว่า “สกัดจุดนาง”

 

 

ชิงหลวนสกัดจุดสำคัญหลายแห่งบนร่างกายจางลี่อย่างว่องไว ร่างของจางลี่อ่อนแรงลง เมิ่งเชี่ยนโยวสบโอกาสนั้นอุ้มจูเสี่ยวออกมาจากอ้อมอกของนาง

 

 

จางลี่ขยับไม่ได้ แต่นัยน์ตาพลันมีน้ำตาไหลรินออกมา

 

 

จูหลีรีบแก้จุดบนกายให้นาง น้ำตาของจางลี่ยิ่งร่วงไหลมากขึ้น แล้วยื่นแขนออกไปอย่างไร้สติ ร้องคำรามด้วยเสียงที่เบาและอ่อนแรง “พวกเจ้า…เอา…ลูกข้า…คืนมา”

 

 

แม้ว่าชิงหลวนจะเป็นองค์รักษ์ผู้ที่ตัดขาดซึ่งกิเลสและอารมณ์แล้ว แต่ในเวลานี้ขอบตานางชื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยววางจูเสี่ยวไว้ด้านหนึ่ง เตรียมจะตรวจดูอาการบาดเจ็บบนกายของเขา แต่เมื่อเห็นแผลทั้งใหญ่และเล็กมากมายบนร่างเล็กๆ นั้น ทำให้นางไม่รู้ว่าควรจะลงมืออย่างไรดีเป็นครั้งแรก

 

 

พวกสาวใช้ยกกะละมังน้ำร้อนเข้ามา ขณะที่เข้ามาในห้องและเห็นสภาพสองแม่ลูกที่น่าสะพรึงเช่นนั้น ก็ตกใจจนเกือบทำกะละมังที่อยู่บนมือร่วงหล่น แล้วถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “แม่นาง น้ำเหล่านี้วางไว้ที่ใดเจ้าคะ”

 

 

“วางลงที่พื้นก็ได้ พวกเจ้ารีบไปนำมีดสองเล่มกับผ้าขนหนูสะอาดมาให้ข้า” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง

 

 

สาวใช้แต่ละคนวางกะละมังน้ำลง แล้วรีบวิ่งออกไปอย่างลนลาน ไม่นานสาวใช้คนหนึ่งก็นำมา และส่งให้แก่เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งมีดหนึ่งเล่มให้ชิงหลวน “ตัดเสื้อผ้าของพวกเขาออกก่อน” พูดจบ ก็คุกเข่าบนเตียง แล้วตัดเสื้อผ้าบนตัวของจูเสี่ยวออกเป็นเส้นๆ อย่างระมัดระวัง ครั้นเห็นแผลอันน่าสยดสยองค่อยๆ ปรากฏอยู่เบื้องหน้าตัวเอง ความรู้สึกเจ็บปวดก็ถาถมเข้าสู่หัวใจของเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

ทว่า จูเสี่ยวดูเหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไรแล้ว ตาทั้งคู่ปิดสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ปล่อยให้เมิ่งเชี่ยนโยวกระทำอะไรต่างๆ หรือแม้กระทั่งเสียงร้องโหยหวนและความรู้สึกที่เจ็บปวดก็ไม่มีทั้งสิ้น

 

 

ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกหนักอึ้ง หยิบเส้นผ้าที่ตัดออกจากร่างเล็กๆ ของเขาแล้ววางลงบนเตียงร้อนอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาจุ่มน้ำอุ่น แล้วเช็ดกายของเขาเพื่อให้แผลบนร่างปรากฏชัดขึ้นทั้งหมด

 

 

ขั้นตอนการรักษาของชิงหลวนมิได้ราบรื่นเช่นนั้น และไม่รู้ว่าจางลี่ได้รับบาดเจ็บมานานเพียงใดแล้ว เลือดบนร่างแห้งและแข็งตัวจนติดกับเสื้อผ้า ต่อให้จะตัดเสื้อผ้านางออกแล้ว ก็ยังไม่อาจหยิบผ้าที่ติดแน่นกับกายนั้นออกมาได้

 

 

“นายหญิง กล่องยามาแล้วขอรับ!” เสียงของเหวินเปียวที่อยู่ด้านนอกห้องดังขึ้น

 

 

“ให้พวกนางส่งเข้ามา เจ้าไปตามพี่ชายรอง แล้วบอกให้เขาหั่นโสมมาหลายแผ่น” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง

 

 

เหวินเปียวรับคำ นำกล่องยาส่งให้สาวใช้คนใดคนหนึ่ง ส่วนตัวเองก็สาวเท้าไปหาเมิ่งฉี

 

 

เมิ่งฉีกำลังสั่งการให้ทุกคนต้มน้ำและยา

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเหวินเปียวก็หันตัวเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง หยิบโสมหนึ่งต้นออกมาอย่างรวดเร็วไปที่ห้องครัว แล้วตัดเป็นแผ่นใหญ่ๆ ออกหลายแผ่น พร้อมสั่งสาวใช้ที่ต้มน้ำอยู่ “ต้มโสมที่เหลือนี้ด้วย เตรียมไว้ใช้” พูดจบ ก็รีบก้าวเดินไปยังประตูห้องที่จางลี่สองแม่ลูกอยู่ ขณะยื่นแผ่นโสมให้แก่สาวใช้หน้าประตูเพื่อให้นางนำเข้าไป ก็ตะโกนถามไปด้วย “น้องเล็ก ยังมีอะไรต้องทำอีกหรือไม่”

 

 

“เตรียมน้ำร้อนไว้ให้เพียงพอ ยาที่ต้มเสร็จก็นำเข้ามา และหน้าประตูต้องมีคนเฝ้าอยู่ตลอด” เมิ่งเชี่ยนโยวเช็ดแผลบนกายของจูเสี่ยว พลางพูดตอบ

 

 

เมิ่งฉีรับคำ สั่งสาวใช้สามสี่คนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูให้รอรับคำสั่ง ตัวเองก็หันกลับไปที่ห้องครัว

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงยืนอยู่ภายในเรือน ในใจเต็มไปด้วยความหดหู่ นึกคิดว่าเป็นเพราะความละเลยของตัวเอง ถึงทำให้เจียงลี่สองแม่ลูกต้องประสบกับความทุกข์ทรมานอย่างหนักเช่นนี้ จนอยากจะกระแทกเข้ากับกำแพงแทนการลงโทษตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น

 

 

พอเมิ่งเชี่ยนโยวที่เหงื่อท่วมศีรษะเช็ดคราบเลือดบนตัวจูเสี่ยวเสร็จ ความรู้สึกที่คิดอยากจะฆ่าคนก็เอ่อท้นขึ้นในใจอีกครั้ง ปิดตาลง พยายามข่มตัวเองให้ใจเย็น แล้วสั่งจูหลี “หยิบกล่องยามา”

 

 

จูหลีวางกล่องยาไว้ข้างเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดและหยิบยาออกมาบางส่วน พร้อมกับดึงจุกขวดออกแล้วราดลงบนแผลที่ตัวจูเสี่ยวอย่างรวดเร็ว เลือดที่แผลหยุดไหลโดยทันที ทว่า เด็กน้อยยังคงไม่เคลื่อนไหวและหลับตาอย่างไม่รู้สึกตัวเช่นเดิม หากไม่ใช่เป็นเพราะหน้าอกที่ผอมบางนั่นยังมีการขยับขึ้นลงเล็กน้อย ก็คงจะไม่ต่างอะไรกับการตายไปแล้วเลย

 

 

ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก ขณะที่หยิบผ้าขนหนูที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาเพื่อจะพันแผลให้เขา เสียงพูดของชิงหลวนที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นด้วยความไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี “น…นายหญิง!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันศีรษะไปด้านข้าง เห็นเสื้อผ้าติดแน่นอยู่บนร่างของจางลี่ ก็เข้าใจถึงความลำบากของชิงหลวนทันที จึงนำผ้าขนหนูที่อยู่ในมือส่งให้จูหลี “รีบพันแผลเสี่ยวเอ๋อร์ให้เรียบร้อย”

 

 

ในค่ายลับ เรื่องเหล่านี้ล้วนฝึกฝนมาแล้ว ครั้นจูหลีรับมา ก็ลงมือพันแผลให้จูเสี่ยวอย่างช่ำชองคล่องแคล่ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบขวดยาสองสามขวดส่งให้ชิงหลวน และไม่ไตร่ตรองสิ่งใดอีก กัดฟัน แล้วใช้มือออกแรงดึงผ้าแต่ละเส้นบนกายของจางลี่ออกมาด้วยความรวดเร็ว ผ้าทุกเส้นที่ดึงออกมานั้นเผยให้เห็นเลือดสดๆ ไหลทะลักออกจากแผลบนกายของจางลี่โดยทันที เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวดึงออกหมดในรวดเดียวแล้ว ทั้งกายของจางลี่ก็ล้วนเต็มไปด้วยเลือด

 

 

ทันทีที่การเคลื่อนไหวของเมิ่งเชี่ยนโยวเสร็จสิ้น ยาทั้งหมดบนมือของชิงหลวนก็ได้ถูกเทลงบนกายของจางลี่

 

 

จางลี่กลับยังมีความรู้สึกอยู่ ระหว่างการรักษาทุกขั้นตอนก็ร้องโอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวด หากแต่ดวงตามิได้เปิดขึ้น

 

 

เมื่อลงยาไปบางส่วน เลือดบนกายของจางลี่ก็หยุดไหลในที่สุด ยังไม่ทันที่ชิงหลวนจะถอนหายใจโล่งอก เมิ่งเชี่ยนโยวก็ส่งผ้าขนหนูผืนหนึ่งให้แก่นางทันที ทั้งสองคนรีบพันแผลทั้งตัวของจางลี่อย่างรวดเร็ว

 

 

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เมิ่งเชี่ยนโยวดึงผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาห่มให้จางลี่ แล้วร้องถามขึ้น “ยาที่ต้มได้ที่แล้วหรือยัง”

 

 

สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกประตูรับคำ และยกยาที่คลุ้งด้วยไอร้อนเข้ามา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงมีความดุดัน “เหตุใดจึงไม่ทำให้เย็นเสียหน่อย”

 

 

พวกสาวใช้เหล่านี้ล้วนเป็นสาวใช้ที่ตามรับใช้เมื่อหวังเยียนแต่งเข้าบ้านเป็นเวลาหลายปี แต่เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่เคยใช้น้ำเสียงเช่นนี้ตำหนิพวกนางเลยสักครั้ง ในใจพลันรู้สึกหวาดหวั่น มือสั่นจนเกือบทำถาดที่วางถ้วยยาสองใบร่วงหล่นพื้น โชคดีที่จูหลีไหวตัวทันจึงยื่นมือเข้าไปช่วยประคองไว้อยู่ด้านล่าง

 

 

สาวใช้รู้ดีว่าตัวเองเกือบทำพลาดอย่างมหันต์ จึงตกใจจนใบหน้าซีดเซียว มือยิ่งสั่นระรัว

 

 

จูหลีจึงรับถาดนั้นมาเลย

 

 

“แล้วก็ไปหยิบชามสองใบและช้อนเล็กมา” เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่งด้วยเสียงที่เย็นชา ราวกับไม่เห็นว่านางกำลังกลัว

 

 

สาวใช้เดินขาสั่นออกไปด้านนอก

 

 

คิ้วของเมิ่งเชี่ยนโยวขมวดแน่นขึ้น สั่งชิงหลวน “เจ้าไปซะ!”

 

 

ชิงหลวนรีบสาวเท้าออกไป ขาของสาวใช้กลับอ่อนระทวยจนเกือบจะล้มลงที่หน้าประตู สาวใช้ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูอีกคนหนึ่งพยุงนางออกไปด้วยความหวังดี

 

 

ชิงหลวนนำถ้วยชามและช้อนเล็กมาอย่างรวดเร็ว