ตอนที่ 215

Rise of The Undead Legion

Chapter 215: สุดท้ายของสุดท้าย

เดฟ เครียดขึ้นมา เขากังวลว่าเพื่อนจะเชื่อมโยง Death Stroke กับอันเดตได้ผ่านคำชื่อตัวละครของ โซว์ เด็กเสิร์ฟเองก็ยังคงมองไปที่ โซว์ พร้อมกับส่งเครื่องดื่มมาให้

“โอ้ ฉันเป็นแฟนตัวยงของอันเดตนั่นเลย ! เขาเป็นยังไงบ้าง ? ” – วาเนสซ่า ถามขึ้นมา

” เขายอดเยี่ยมเลย เขาทั้งสนุกและเป็นคนดี ” – โซว์ พูดพร้อมกับยิ้มออกมา

” เฮ้ ทำไมเธอถึงไม่เชิญเขามาเข้าปาร์ตี้ด้วยล่ะ ? ” – ราฟ ถาม

” ฮาฮา ฉันจะลองถามดูว่าเขาว่างมั้ยแต่ช่วงนี้เขายุ่งๆ “

” มันช็อกจริงๆที่ส่วนอันเดตได้ปิดตัวลง ฉันมั่นใจว่ามันคงไม่น่าพอใจต่อ Mr.Skeletal เท่าไหร่ ” – วาเนสซ่า พูดขึ้น

” ใช่ มันส่งผลต่อเขาเต็มๆ “

” ฉันสงสัยว่าถ้าเขายังมีลูกน้องอยู่มั้ยหลังจากที่อันเดตหายไปแล้ว “

ราฟ ส่ายหน้า – ” ฉันเองก็สงสัย อันเดตทุกตัวยกเว้นพวกผีดันเจี้ยนได้ถูกลบออกไปจากเกม ฉันคิดว่าเขาคงมีแต่อันเดตเลเวลสูงที่เหลืออยู่ “

” นายหมายความว่าไงที่ว่าผีดันเจี้ยน ? ” – เดฟ ถาม

” ฉันเพิ่งไปเคลียร์ดันเจี้ยนอันเดตตะวันนี้และมันก็มีแต่พวกเลเวลต่ำแต่เป็นบอท ฉันลองถามดูแล้วแต่ดูเหมือนว่าอันเดตเลเวลสูงได้หายไปจากเกมเหมือนกับที่ประกาศได้บอกเอาไว้ “

” แย่แหะ ฉันคาดหวังกับส่วนขยายอันเดตและวิดีโอจาก Mr.Skeletal แท้ๆ แล้วส่วนอีเวนต์ตะวันออกเริ่มตอนไหน ? ” – วาเนสซ่า ถามขึ้นมา

” ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด เคทลิน อาจจะรู้ดีกว่า “- ราฟ หันไปหา เคทลิน

” เรายังไม่รู้วันที่แน่นอนแต่น่าจะในอีกไม่กี่อาทิตย์ ตอนที่กิลด์ใหม่ได้ใช้สิทธิในการยึดครอง มันก็จะมีประกาศทางระบบ หัวหน้ากิลด์จะตั้งทีมโจมตีสำหรับกลยุทธนี้ “

” ฟังดูเหมือนสงครามเต็มกำลังเลย ” – วาเนสซ่า พูดขึ้น

” แบบที่น่าเกลียดด้วย สิทธิการบุกครั้งที่แล้ว Blood Ragers ต้องใช้เวลา 3 เดือนในเกมในการยึดเขตเหนือ เขตตะวันออกน่ะใหญ่กว่าและเต็มไปด้วยมอนเตอร์เลเวลสูง ” – ราฟ จิบเหล้าแล้วพูดขึ้นมา

” ราฟ นายมีส่วนกับตอนนั้นด้วยเหรอ? “

” ไม่ ตอนนั้นฉันยังเลเวลน้อยอยู่เลย “

เดฟ เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อดื่มเหล้าเข้าไป เขาไม่รู้ว่าพวกเขากินไปกี่แก้วแล้ว การพูดคุยตอนแรกคือสร้างปาร์ตี้หาเก็บเลเวล ส่วนหลังนั้นเขาจำไม่ได้ เขาไม่ได้คอแข็งอะไรแต่เพราะ เจนนี่ เข้ามาหาเรื่องเขา เขาจึงตัดสินใจดื่มมันเข้าไปให้มากที่สุดเพื่อเป็นการแก้แค้นเพราะค่าใช้จ่ายคืนนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มเป็นมิตรกันมากขึ้น, คุยกันดังขึ้นและพากันหัวเราะไปด้วยกัน

แม้แต่ เคทลิน เองก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย เขาเปิดใจให้เธอนิดหน่อยกับการที่เธอไล่ เจนนี่, ชายใส่สูทไป ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องเข้ามายุ่งด้วยก็ตาม เดฟ ยังคงรักษาระยะห่างจาก เคทลิน เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอแต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในหมู่เพื่อน บางทีนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มานั่งระหว่าง โซว์ กับ วาเนสซ่า โดยมี เคทลิน นั่งอยู่ข้างๆ ราฟ

‘ทำไมเธอถึงได้มางามรวมรุ่นฉันได้ ? และทำไมห้องนี้ถึงเริ่มขยับ ? ห้องมันน่าจะอยู่นิ่งสิ เท้าฉันต้องอยู่ที่พื้นไม่ใช่ลอยไปแบบนี้ ‘

***

เงาหนึ่งโผล่ขึ้นมาในที่ราบกับงานชิ้นสุดท้ายในโลกใต้ดินของ Conquest

เงานั้นโผล่มาในพื้นที่เปิดโล่งท่ามกลางซากเมืองเก่าๆ

” หืม มันอยู่ไหน มันอยู่ไหน ? ” – เงานั้นพูดกับตัวเองแล้วตรวจสอบซากรอบๆ

” อ่ะ อยู่นี่ไง ! “

เงานั้นสะบัดมือและเสาหินที่นอนอยู่ก็ได้หลบพ้นทางไปจากกำแพงเผยให้เห็นแผนภาพที่วาดด้วยเลือด

เงานั้นวางมือที่แผนภาพก่อนที่แผนภาพจะเปล่งแสงสีแดงออกมาและดูดเงานั้นเข้าไป

เงานั้นโผล่มาในถ้ำที่มีแกรนิตส่องแสงมืดๆออกมาริมบึงลาวา

บางอย่างขนาดใหญ่เคลื่อนที่อยู่ได้ลาวาได้โผล่ขึ้นมาแล้วมองมาที่เงานั้น

” เจ้านาย อะไรพาคุณมายังโลกใต้ดิน ? ” – ร่างนั้นถามด้วยเสียงราวกับภูเขาถล่ม

” เฮ้ Ramsha ลูกคนหนึ่งทำเรื่องแย่ๆไป อาชญากรรมและต้องโดนลงโทษ นายเข้าใจใช่มั้ย “

” ก็จริง จัดการแล้ว เจ้านาย ” – Ramsha พูดขึ้น

” ไว้เจอกัน ” – เงานั้นก้าวออกไปและหายไปจากถ้ำ

เงานั้นโผล่มาเหนือซากเมืองที่แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี้ผ่านทางตึกที่ถล่มไปทั่วทุกที่ ที่ใจกลางเมืองนั้นมีวังกระดูกตั้งอยู่

เงานั้นวาร์ปตัวเองไปยังห้องบัลลังก์ที่ซึ่งมีชายแก่หลังค่อมนั่งอยู่ที่บัลลังก์ราวกับแมงมุม ตอนที่ชายคนนั้นรู้ถึงการมาของเงา ชายแก่ก็เริ่มตัวสั่น

” Vreek ” – เงานั้นพูดขึ้นมา

” ฉันอยู่นี่ นายคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ? นายได้หักหลังพวกพ้อง หักหลังฉันและปฏิเสธพรแห่งอันเดต “

” มันเป็นเพราะ-“

” เก็บคำตอแหลของนายไว้ ฉันไม่ฟัง ฉันฟังจากพี่น้องฉันมาพอแล้ว ฉันจะไม่ฟังจากไอ้หนอนทรยศที่พยายามหาทางรอดหรอก “

” นายทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ! ” – Vreek พูดขึ้น

” นายไม่ได้มีอะไร ฉันไม่ได้ยกให้นาย “

เงาส่วนหนึ่งได้จางหายไปเผยให้เห็นถึงร่างที่แท้จริง เขายิ้มออกมาอย่างไม่พอใจและเดินหน้าเข้าหา Vreek ชายแก่มองมาด้วยท่าทีลนลาน เขาไร้พลังหากต้องสู้กับร่างนี้

“นายไม่ควรเชื่อใจปิศาจ ” – ร่างนั้นพูดขึ้น มา เขากำคอของ Vreek และบีบมันจนชายแก่เริ่มตัวพองขึ้นและหายไปพร้อมกับเศษแสงที่แตกออกมา

ในอีกที่ในโลกที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งเน่าเปื่อยและเนื้อที่ถูกเผาไหม้ Vreek ได้ปรากฏตัวขึ้นมา เขามองไปรอบๆไม่เข้าใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มีหมาสามหัวที่ดูน่ารังเกียจสูดควันโดยรอบเข้าไป มันมองมาที่ Vreek ด้วยความพอใจพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้ามัน Ash King ปรากฏตัวขึ้นมาข้าๆหมานั้นด้วยรูปร่างกลุ่มควันและหัวเราะออกมา

” ฮาฮา ! Vreek จำได้มั้ยว่าที่ฉันบอกว่าฉันไม่เหมือนกับปิศาจตัวอื่น ว่าฉันเชื่อใจได้ ? ฉันโกหก ยินดีต้อนรับสู่อาณาเขตของฉัน ฉันเตรียมที่พิเศษไว้ให้นาย เรามีของที่อยากให้นายดู ! “

โซ่ไฟโผล่มาจากพื้นรัดตัว Vreek เอาไว้ก่อนจะดึงเขาจมลงไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเขาและเสียงหัวเราะของปิศาจ

กลับมาที่วังกระดูกร่างหนึ่งใส่แจ็คเก็ตหนังสีดำแขนกุด, ผมโมฮอร์คสีฟ้าได้ดึงบุหรี่ขึ้นมาและสูบก่อนจะพ่นลมออกมาด้วยความพอใจ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงเครื่องดนตรี

ของตัวเองไปโดยรอบจนถึงหลังของเขาด้วยแขนที่ยาวเหยียดก่อนจะโยนมันไปที่บัลลังก์และเริ่มยกมือขึ้นไปมาดีดมันอย่างไม่ชำนาญ

***

หัวของ เดฟ หนักตอนที่เขาตื่นขึ้นมาในห้องที่โรงแรม เดฟ ลุกขึ้นนั่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงในสภาพบ็อกเซอร์ตัวเดียว ผิวของแห้งและปากตอนนี้กลิ่นแย่เอามากๆ เขาต้องอาบน้ำแปรงฟันและกินน้ำ เขาอยากให้ห้องหยุดหมุน ในตอนที่เขาลุกขึ้นจากเตียงนั้นเขาก็ชนบางอย่างเข้าจนทำให้สิ่งนั้นร้องออกมา

เดฟ เบิกตากว้างตอนที่เห็นหน้าของผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงเขา

” เคทลิน…? “

นักฆ่าที่อันตรายที่สุดในเกมได้ตื่นขึ้นและมองมาที่ เดฟ เธอมองเขาด้วยท่าทีเหลือเชื่อและช็อก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกรี๊ดออกมาราวกับเห็นผี