เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 807
เขาเหมือนเงาเงาหนึ่งจริงๆ ลู่ฝานถามหลิงเหยาเบาๆ ว่า “พาองครักษ์กลับสถาบันได้ใช่ไหม”

หลิงเหยาครุ่นคิดแล้วพูดว่า “คณะสงบใจของฉันน่ะได้อยู่แล้ว แต่คณะหนึ่งเดียวของพวกนาย ฉันไม่รู้ พวกศิษย์พี่นายมีองครักษ์หรือเปล่า”

ลู่ฝานลูบคางแล้วพูดว่า “เหมือนจะไม่มีนะ ช่างเถอะ กลับสถาบันแล้วค่อยถาม ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันก็ส่งเขากลับบ้านเกิด”

ลู่ฝานคิดว่าหมอนี่ความสามารถไม่เลว เอากลับไปเป็นองครักษ์เฝ้ายามน่าจะไม่เลว

เมื่อบอกลาคุณย่า ลู่ฝานกับหลิงเหยาพาสิบสามเดินออกไป

ที่ด้านนอก เหมือนศิษย์พี่หานเฟิงกับเจ้าดำรอจนหงุดหงิดแล้ว คนกับสัตว์กำลังแย่งน่องไก่หนึ่งอัน ไม่มีใครยอมปล่อยมือ

ลู่ฝานเข้าไปดึงน่องไก่มา เดินพลางกัดน่องไก่ “ศิษย์พี่หานเฟิงไม่บอกลาสุ่ยเชียนโหรวเหรอ”

หานเฟิงได้ยินชื่อสุ่ยเชียนโหรว ก็พูดด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายนี่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด เพราะผู้หญิงคนนี้ยังอยู่ที่นี่ ฉันจึงไม่อยากอยู่ ฉวยโอกาสตอนเธอยังไม่เห็นฉัน เรารีบกลับกัน ตอนนี้เธอบาดเจ็บ อีกทั้งไม่มีใครดูแล สมน้ำหน้าแล้วที่เธอซวย ฮ่าๆ ฉันจินตนาการว่าต่อไปเธอจะทรมานขนาดไหน ก่อนที่เธอจะหาคนของสิบตระกูลใหญ่คนอื่นเจอ เธอคงโดนคนกลั่นแกล้งจนตาย หึหึ ตายไปก็ดี ตายไปเรื่องอื่นจะได้จบไปด้วย”

ศิษย์พี่หานเฟิงสีหน้าสะใจ ลู่ฝานสงสัยว่าเขาเคยโดนสุ่ยเชียนโหรวกลั่นแกล้งมาหรือเปล่า

แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ลู่ฝานขี้เกียจถาม กลุ่มคนเดินออกจากเมืองหยุนไห่

กำแพงเมืองพังเสียหาย ตอนเดินออกจากประตูเมือง ลู่ฝานหันไปมองทางเขาอวี่ฮั่ว

ที่นั่นไม่มียอดเขาสูงแล้ว เหลือเพียงเศษหินเต็มพื้น รวมไปถึงศพมากมายท่ามกลางเศษหิน

ผู้ฝึกชี่ นักบู๊ ยาเม็ด สมุนไพรตั้งเท่าไรกองอยู่ในนั้น

พวกผู้ฝึกชี่ นักบู๊ที่ออกไปก่อน ส่วนใหญ่ไปขุดหินที่เขาอวี่ฮั่วแล้ว

เอาศพเพื่อนตัวเองกลับมาก็ดี เอาทรัพย์สินของคนตายมาก็ดี เพราะที่นั่นคึกคักเป็นอย่างมาก

ลู่ฝานถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตลาดหม้อยาที่ดีมาก พังทลายไปแบบนี้ ต่อไปถ้าอยากซื้อยาจะไปที่ไหนล่ะ”

หานเฟิงพูดว่า “ไปเขตอื่นสิ วางใจเถอะ แม้ผู้ฝึกชี่บนโลกนี้ไม่เยอะ แต่ก็ไม่น้อย ศิษย์น้องลู่ฝาน รอมีเวลา ฉันจะพานายกลับเมืองหลวง ให้นายได้สัมผัสด้วยตัวเองว่าอะไรคือความรุ่งเรือง หาร้านไหนก็สามารถซื้อยาได้”

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ เมืองหลวงเหรอ เขาอยากไปดูจริงๆ

การแข่งนานาประเทศอะไรนั่นด้วย เขาอยากไปเปิดหูเปิดตาสักครั้ง

“ถ้ามีโอกาส ต้องมีโอกาสแน่นอน”

ลู่ฝานหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น

เขายังไม่รู้ว่าตอนนี้คำสั่งให้เขาเข้าเมืองหลวง กำลังอยู่ระหว่างทาง อีกทั้งชื่อของเขายังปรากฏอยู่บนท้องพระโรง

ลู่ฝานละสายตาออกมา พวกลู่ฝานเดินต่อไปเรื่อยๆ

สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้ ต้องหาหอฝึกสัตว์ที่ตลาดใกล้เมืองหยุนไห่ที่สุด เพื่อเอานกปิดฟ้ากลับไป

ศิษย์พี่หานเฟิงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่ขณะนั้นเงาใครคนหนึ่ง ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา

ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อยับยู่ยี่ ตาจ้องเขม็งมาที่หานเฟิง

“ไอ้เลว!”

คนที่มาไม่ใช่ใคร คือสุ่ยเชียนโหรว ไม่เจอคืนเดียว เธอดูทุเรศทุรังมาก

หานเฟิงตกใจจนสะดุ้งโหยง หลบหลังลู่ฝานทันที

“เธอไม่เห็นฉัน เธอไม่เห็นฉัน!”

ลู่ฝานสีหน้ากลุ้มใจ “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่เหมือนเด็กขึ้นทุกวันแล้ว”

สุ่ยเชียนโหรวเดินเข้ามา กัดฟันพูดว่า “หานเฟิง นายกล้าหลบฉัน ฉันรู้ว่าเสียงเมื่อคืนคือนาย เสียงนาย ถึงฉันไม่มีหู ฉันก็ไม่มีทางฟังผิด”

ลู่ฝานพูดเบาๆ กับหานเฟิง “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่กับเธอมีความแค้นกันใหญ่แค่ไหน”

หานเฟิงพูดว่า “หุบปาก”