ตอนที่ 354 ป่วยหนัก / ตอนที่ 355 แผนร้าย

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 354 ป่วยหนัก

 

 

หลังจากถังเฉียนลุกขึ้นแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือให้คนไปแจ้งฉู่จิ่งเหยาว่าเถิงเฟิงปลอดภัยแล้ว ส่วนนางจะไปพบอ๋องอุดรทันที เจิ้งจยาเฉิงทำท่าจะพูดแต่กลับชะงัก

 

 

“ใต้เท้าเจิ้ง หรือข้าไปพบอ๋องอุดรไม่ได้”

 

 

ถังเฉียนในเวลานี้อาจล้มลงหมดสติได้ตลอดเวลา ใบหน้านางซีดเซียวจนใครเห็นแล้วจะต้องรู้สึกหวาดผวา แผลที่แขนนางยังคงมีรอยแผลเป็น เพราะนางใช้เลือดมากเกินไป ดังนั้นเวลานี้แผลจึงทำให้สมานช้าลง

 

 

ถังเฉียนจำได้ว่าอาจารย์เคยบอกว่าก่อนอายุสิบแปดนางต้องใช้เลือดอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นนางจะอายุสั้น แต่ดูเหมือนถังเฉียนจะลืมคำพูดประโยคนี้ไปแล้ว นางเพียงแต่ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำเท่านั้น

 

 

“ท่านหมอ สุขภาพท่านเป็นอย่างไร เรายังต้องรีบเดินทางไปเมืองหลวง”

 

 

ถังเฉียนใช้มือข้างหนึ่งเกาะแขนเจิ้งจยาเฉิงไว้ หันหน้าไปทางอื่นแล้วขากเลือดออกมา นางรีบเช็ดเลือดบนริมฝีปากจนแห้ง แล้วพูดกับเจิ้งจยาเฉิงว่า

 

 

“อย่าบอกคนอื่น เวลานี้ท่านอ๋องต้องการให้ข้าไปช่วยเปิดสมองของอ๋องอุดรเพื่อดูแผนการที่วางไว้ ใช่หรือไม่”

 

 

ก่อนที่ฉู่จิ่งเหยาจะจากไปได้สอบถามถังเฉียนว่ารู้วิชาตรวจสอบวิญญาณของเผ่าพีส่าหรือไม่ นางไม่รู้วิชานี้ แต่เมื่อคืนหลังจากนางร่วมชะตากับเถิงเฟิงแล้ว เวลานี้จึงทำให้นางสามารถไปทำเรื่องนี้ได้

 

 

ถังเฉียนฝืนสภาพร่างกายที่ไม่สบาย เกาะแขนเจิ้งจยาเฉิงไปยังสถานที่ที่คุมขังอ๋องอุดรไว้ มองออกว่าฉู่จิ่งเหยาให้ความเคารพต่ออ๋องอุดร แม้จะเขาจะถูกขังในคุก แต่ไม่มีน้ำครำ ไม่มีการทรมาน เพียงแต่ขังไว้ทำให้ขาดอิสรภาพเท่านั้น

 

 

“คุณชายเถิงเฟิงไม่ยอมใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณกับคนต่างเผ่า แต่ท่านอ๋องต้องการความลับเกี่ยวกับการกบฏของอ๋องอุดร”

 

 

ถังเฉียนยิ้มที่มุมปาก ใส่หน้ากากที่กอดไว้ เดินเข้าไปในห้องขัง นั่งลงตรงหน้าอ๋องอุดร

 

 

“ท่านอ๋อง ข้าคืออาหรูน่า เป็นหมอผีของจินซิวอ๋อง“

 

 

อ๋องอุดรมองสำรวจนาง แล้วพูดว่า

 

 

“ข้าอยู่ทางเหนือ แต่ได้ยินว่าหมอผีฆ่าคนเป็นๆ จนเหลือแต่กระดูก แม้ฉู่จิ่งเหยาจะตายไปแล้ว เจ้ายังช่วยให้เขาฟื้นชีวิตได้ ดูแล้วเสียงร่ำลือเหล่านี้จะเป็นความจริง”

 

 

“เสียงร่ำลืออะไร”

 

 

อ๋องอุดรเหลือบมองเจิ่งจยาเฉิงแวบหนึ่ง ถังเฉียนเข้าใจทันทีว่าเขาต้องการคุยกับตนเท่านั้น นางจึงปล่อยเสี่ยวจินออกมาจากกล่อง แล้วบอกให้เจิ้งจยาเฉิงออกไปจากห้องขัง

 

 

พอประตูห้องขังปิดลง สายตาอ๋องอุดรที่มองถังเฉียนก็เปลี่ยนไป

 

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระสนมมารดาของฉู่จิ่งเหยาเป็นใคร”

 

 

มีเสียงร่ำลือตลอดมาว่ามารดาจินซิวอ๋องรูปโฉมงดงาม แต่ไม่รู้ว่านางเกิดที่ไหนกันแน่ ทั้งยังไม่มีบันทึกใดๆ เกี่ยวกับตัวนาง จินซิวอ๋องมีพละกำลังแข็งแรงมาตั้งแต่เล็ก เก่งทั้งบู๊และบุ๋น ฮ่องเต้ทรงเห็นความสำคัญของเขามาก แต่ขณะเดียวกันก็ทรงหวาดกลัวเขาด้วย

 

 

ตอนนั้นที่บิดานางเล่าเรื่องนี้ก็ยังถอนหายใจ ถังเฉียนไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้เป็นพ่อจึงต้องหวาดกลัวลูกชายตัวเอง ถ้าเขาโดดเด่นจริงๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ

 

 

นางไม่เข้าใจ คนทั้งแผ่นดินก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่คำพูดต่อจากนี้ของอ๋องอุดรทำให้ถังเฉียนเข้าใจว่าเพราะอะไร

 

 

“บรรพชนของข้าร่วมกับราชตระกูลทำศึกรวบรวมแผ่นดิน หลังจากยึดครองแผ่นดินได้แล้ว ก็แบ่งดินแดนครอบครอง ได้ตำแหน่งอ๋องสืบทอดจนถึงลูกหลาน เนื่องจากสืบทอดต่อกันมา จึงรู้ความลับที่คนอื่นไม่รู้ อย่างเช่นมารดาจินซิวอ๋องเป็นหญิงศักดิ์สิทธิ์มาจากเผ่าม้ง นางนำคนในเผ่าทั้งหมดช่วยฮ่องเต้ให้ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ว่า…”

 

 

คำพูดข้างหน้าถังเฉียนฟังแล้วรู้สึกแปลกใจมาก เป็นการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนางออกมา อ๋องอุดรยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ใช่แม่ทัพที่ดูน่ากลัวอะไร กลับมีท่าทางสูงส่งอย่างบัณฑิต คล้ายเถิงอวิ๋นมาก แต่ก็มีความแตกต่างกัน ธาตุแท้ของเถิงอวิ๋นคือความชั่วร้าย ส่วนธาตุแท้ของเขานั้นมีความสูงส่ง

 

 

 

 

ตอนที่ 355 แผนร้าย

 

 

ถังเฉียนมองดูอ๋องอุดรตรงหน้านาง แล้วเรื่องราวอันรุ่งโรจน์ในอดีตก็หลุดออกมาจากปากเขาอย่างช้าๆ ราวกับภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นปรากฏขึ้นยังสายตาเบื้องหน้า

 

 

หญิงศักดิ์สิทธิ์เกิดหลงรักพระโอรส พระโอรสอาศัยกำลังของนางจนได้ขึ้นครองราชย์ แต่พระองค์ทรงหวาดกลัวพลังอำนาจลึกลับของเผ่าม้ง หลังจากที่ทรงครองราชย์แล้วทรงรับปากจะให้ดินแดนเหมียวเจียงแยกตัวออกไป รวมทั้งให้เผ่าของนางขยายตัวได้อย่างอิสระ ฟื้นฟูอาณาจักรหนานเจา

 

 

แต่ฮ่องเต้กลับทรงตระบัดสัตย์ ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่หญิงศักดิ์สิทธิ์คลอดพระโอรสแล้ว ฮ่องเต้ทรงหวั่นพระทัย จึงรับลูกไว้แต่ไล่แม่ไป ขณะที่บรรพชนเผ่าพีส่าแห่งเผ่าม้งตรวจดวงชะตาพบว่าจะมีเคราะห์ภัยครั้งใหญ่ จึงนำคนในเผ่าถอยเข้าไปอาศัยในเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งภูมิประเทศเต็มไปด้วยอันตราย แม้จะเป็นเช่นนี้แต่ก็ยังมีชนเผ่าในเผ่าม้งมากมายที่หลบหนีไม่ทัน คนที่เหลืออยู่ถูกสังหารแทบหมดสิ้น

 

 

นับจากนั้นเผ่าม้งจึงกลายเป็นดินแดนที่ไร้ผู้ปกครอง เผ่าม้งซึ่งเคยยิ่งใหญ่ สูญเสียกำลังไปกว่าครึ่งเพราะทำสงครามกับฮ่องเต้ เผ่าเดิมของหญิงศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสามเผ่าบนแห่งเผ่าม้ง ส่วนเผ่าเดิมอื่นก็กลายเป็นห้าเผ่าล่าง

 

 

นี่เป็นเรื่องราวที่ถังเฉียนไม่เคยรู้มาก่อน ทำให้นางตกตะลึง ถ้าทั้งหมดนี้เป็นความจริง ถ้าเช่นนั้นเถิงเฟิงกับฉู่จิ่งเหยาก็เป็นญาติกัน แต่เหตุใดพวกเขาจึงยังจะฆ่าฟันกันอีก

 

 

แม้ถังเฉียนจะอยากรู้มาก แต่ก็ไม่อาจถามคำถามเช่นนี้ต่อหน้าอ๋องอุดร

 

 

“นี่คือเรื่องที่ท่านจะเล่าให้ข้าฟังหรือ ท่านต้องการบอกว่าจินซิวอ๋องมีสายเลือดครึ่งหนึ่งเป็นชาวม้ง ฮ่องเต้ทรงหวาดกลัวเขาใช่หรือไม่ แล้วไฉนจึงยังทรงส่งเขาไปที่เผ่าม้ง ไม่กลัวเขาร่วมมือกับขาวเผ่าม้งชิงแผ่นดินหรือ”

 

 

อ๋องอุดรยิ้ม จากนั้นจึงพูดช้าๆ ว่า

 

 

“เจ้าคิดว่าที่มีราชโองการให้ลอบสังหารเป็นฝีมือองค์กุ้ยเฟยหรือ ต่อให้กุ้ยเฟยใจกล้าเพียงไรก็ไม่อาจปลอมราชโองการให้สังหารพระโอรสได้ ยกเว้นราชโองการนั้นเดิมก็ให้ลอบสังหารเขา”

 

 

ถังเฉียนไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานั้นฉู่จิ่งเหยาจะเป็นอย่างไร พระราชบิดาเขาต้องการสังหารเขา ขณะนั้นเขาคงทุกข์ทรมานจนใจแทบแตกสลาย เขายังได้รับบาดเจ็บหนักเพราะเหตุนี้ นั่นคือฉู่จิ่งเหยาที่นางพบเห็น ความคมสันขณะที่นางพบเขาที่ประตูเมือง พอเห็นอีกครั้งกลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

 

 

“แต่ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญหรอก ฮ่องเต้ทรงอยากสังหารเขา ฉู่จิ่งเหยารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เล็กแล้ว เพราะมารดาเขาเป็นหญิงศักดิ์สิทธิ์ที่มองเห็นลิขิตสวรรค์ นางทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่คนในราชตระกูลต่างรู้ดี”

 

 

ถังเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ต่อให้อาจารย์นางก็ไม่สามารถทำนายลิขิตสวรรค์ได้ หญิงศักดิ์สิทธิ์คนนี้เก่งกาจขนาดไหนกันแน่ เรื่องที่นางรับรู้ขณะนี้ช่างเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง

 

 

“ท่านอ๋องตั้งใจจะบอกคำพูดนั้นให้ข้ารู้ใช่หรือไม่”

 

 

“แน่นอน ไม่เช่นนั้นที่ข้าพูดมากมายเช่นนี้ก็เปล่าประโยชน์จริงหรือไม่”

 

 

เมื่อถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปจู่ๆ ก็รู้สึกว่าอ๋องอุดรตรงหน้าช่างสุดคาดเดา

 

 

“เพราะฉะนั้น…”

 

 

“ก่อนที่หญิงศักดิ์สิทธิ์กระโดดลงไปจากประตูเต๋อเสิ้ง นางตะโกนบอกว่าวันที่ลูกข้าฟื้นชีวิตขึ้นใหม่ จะเป็นวันที่สังหารคนทรยศทั่วแผ่นดินให้หมดสิ้น”

 

 

ดังนั้นขณะที่ถังเฉียนช่วยชีวิตฉู่จิ่งเหยาจึงเป็นเวลาที่แผ่นดินเกิดความวุ่นวายอย่างแท้จริง ดังนั้นนางจึงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างไม่ตั้งใจใช่หรือไม่

 

 

ถังเฉียนมองดูอ๋องอุดรตรงหน้า ยิ่งรู้สึกว่าสุดจะคาดเดามากขึ้น ยิ่งรู้สึกว่าคนตรงหน้าดูคุ้นเคยยิ่งขึ้น แต่นางกลับรู้สึกว่าโลกนี้ดูแปลกหน้ายิ่งขึ้น

 

 

“เหตุใดท่านอ๋องต้องบอกให้ข้ารู้มากมายอย่างนี้”

 

 

ทันใดนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของอ๋องอุดร ตามด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

“เพราะข้าต้องการเวลาให้พิษกำเริบ และอยากให้เจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นแค่เบี้ยที่ถูกใช้เป็นประโยชน์เท่านั้น ดวงเกิดเจ้าสังกัดอินและหลิง เป็นธาตุไม้ ไม่เช่นนั้นย่อมทนรับพิษมากมายอย่างนั้นไม่ไหว อาจารย์เจ้าลำบากแทบตายกว่าจะหาเจ้าเจอ ท่านอ๋องเองก็ลำบากแทบตายกว่าจะหาเจ้าเจอ”