บทที่ 532 ข้าไม่อยากรังแกสัตว์ไม่มีทางสู้

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 532 ข้าไม่อยากรังแกสัตว์ไม่มีทางสู้

“พวกเจ้าต้องไม่ลงมือทำการใดๆ โดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่ได้เป็นสัตว์ที่ต้องอยู่แค่โลกใต้น้ำอีกแล้ว” อู๋หยาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “พวกเจ้าตกลงกันเองว่าใครจะเป็นตัวแทนออกมาต่อสู้กับเด็กคนนี้”

“ท่านแม่ทัพ โปรดให้โอกาสข้าน้อยได้ล้างแค้นให้แก่สหายร่วมรบของพวกเราด้วย”

พลัน มนุษย์ฉลามยักษ์ผู้หนึ่งมีร่างกายสูงใหญ่สิบกว่าเซี๊ยะเดินออกมาข้างหน้า

มนุษย์ฉลามยักษ์ตัวนี้มีผิวหนังเป็นสีน้ำเงินเข้มประดับลายขาวพร้อยไปทั่วลำตัว ศีรษะมีขนาดใหญ่โต ตามแขนขาอุดมด้วยกล้ามเนื้อ หากกล่าวว่ามนุษย์ฉลามยักษ์ตัวนี้เป็นเหมือนภูเขาขนาดย่อมก็คงไม่เกินจริงแต่อย่างใด นี่คือภาพลักษณ์ของสัตว์ประหลาดที่แม้แต่ ‘เทพเจ้าก็ยังต้องหลบหนีเมื่อเผชิญหน้า’ อย่างแท้จริง

“เจ้านี่คือตัวแทนจากเผ่าพันธุ์ฉลามวาฬ ขึ้นชื่อเรื่องเป็นนักรบที่มีพละกำลังแข็งแรงที่สุดในเผ่าพันธุ์ชาวทะเล”

ฉู่เหินเอนตัวเข้ามากระซิบบอกหลินเป่ยเฉินด้วยความห่วงใย “เจ้าอย่าได้ประมาทคู่ต่อสู้ตัวนี้เด็ดขาด มันเป็นนายทหารมีนามว่าหม่าเค่อ รู้จักแต่ใช้กำลังเท่านั้น ไม่ค่อยมีสมองสักเท่าไหร่ แต่ระดับพลังการทำลายล้างของมัน สามารถล้มผู้มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ได้ง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”

หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ “อาจารย์ฉู่ นี่ท่านแฝงตัวเป็นสายลับในกองทัพของพวกมันมาหรืออย่างไร เหตุไฉนถึงได้รู้ข้อมูลของพวกมันมากมายขนาดนี้”

“ผายลมมารดาเจ้า… พูดคุยเรื่องที่เป็นสาระก่อนจะได้ไหม” ฉู่เหินทำสีหน้าเอือมระอา ก่อนจะล้วงคัมภีร์เล่มหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ และคัมภีร์เล่มนี้ก็มีชื่อว่า ‘ตำรารวบรวมข้อมูลชาวเผ่าทะเลสองหมื่นสายพันธุ์’

“แล้วชื่อของหม่าเค่อก็ปรากฏอยู่ในคัมภีร์เล่มนี้ด้วยหรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินถามด้วยความตกตะลึง

นั่นแสดงว่าหม่าเค่อต้องมีชื่อเสียงโด่งดังมากเลยสินะ?

ฉู่เหินกลับตอบว่า “ไม่ใช่หรอก ข้ารู้จักมันจากการแอบสืบข้อมูลเองต่างหาก”

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

เห็นไหมล่ะว่าฉู่เหินแฝงตัวเข้าไปสืบข่าวมาจริงๆ ด้วย

จังหวะที่พวกเขาพูดคุยมาถึงตรงนี้

“หม่าเค่อ ความกล้าหาญของเจ้าช่างน่าประทับใจ ข้าเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถของเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องนำเกียรติยศและศักดิ์ศรีกลับคืนมาให้แก่พวกเราชาวทะเลได้แน่นอน”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแม่ทัพฉลามอู๋หยาอีกครั้ง “จงออกไปฉีกกระชากคู่ต่อสู้ของเจ้าให้เป็นชิ้นๆ เดี๋ยวนี้”

“ข้าน้อยรับคำบัญชา”

แล้วนักรบฉลามวาฬตัวนั้นก็หันกลับมาเดินตรงเข้าหาหลินเป่ยเฉินด้วยท่าทีคุกคาม

“มนุษย์โสโครก เจ้ากล้าต่อสู้กับข้าด้วยมือเปล่าหรือไม่?”

เสียงพูดของหม่าเค่อดังกังวานยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า “เผ่าพันธุ์ฉลามวาฬของข้าไม่เก่งเรื่องการหยิบจับอาวุธ แต่ถ้าให้ต่อสู้ด้วยกำปั้นแล้วล่ะก็ ข้าไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นขุนเขาหรือมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ กำปั้นของข้าก็เคยทุบทำลายมาแล้วนับจำนวนไม่ถ้วน ได้ยินมาว่าเจ้าก็เก่งกาจเรื่องการใช้กำปั้นเช่นกัน เพราะฉะนั้น เรามาดวลหมัดกันสักหน่อยดีหรือไม่?”

ท้าทายโดยผู้ที่มีร่างกายใหญ่ยักษ์มากกว่าหลินเป่ยเฉินหลายเท่าเนี่ยนะ?

ชักจะเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว

หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก็เก็บกระบี่สายฟ้ากลับเข้าไปและพูดว่า “ไม่มีปัญหา ข้าชำนาญเรื่องการทำลายความมั่นใจของผู้อื่นอยู่แล้ว เจ้าเก่งเรื่องการต่อยหมัดนักใช่ไหม?…ประเสริฐ วันนี้ล่ะข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่ากำปั้นของมนุษย์บนแผ่นดินใหญ่มีความแข็งแกร่งขนาดไหน”

นักรบฉลามวาฬใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเดือดดาล

ครืน!

พื้นดินสั่นสะเทือน

หม่าเค่อโคจรพลังลงไปที่ปลายเท้า ดีดตัวเองขึ้นสูงในอากาศ และพุ่งตัวลงมาหาหลินเป่ยเฉินด้วยความรวดเร็วราวกับดาวตก

กำปั้นของมันระเบิดแสงสว่างเป็นสีน้ำเงินเข้ม

พลังกดดันจากกำปั้นเข้าคุกคามรอบกายหลินเป่ยเฉิน

นี่คือแรงกดดันมหาศาลไม่ต่างจากมีภูเขาทั้งลูกทับลงมาเหนือศีรษะ

พลังทำลายล้างของหมัดนี้มีอานุภาพเกินจินตนาการ

ไม่มีทางที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถต้านทานได้เด็ดขาด

“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจดีนี่นา”

หลินเป่ยเฉินยืนอยู่กับที่และสวนหมัดต่อยกลับไป

กำปั้นของเขาสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันพุ่งแหวกอากาศตรงเข้าไปหาหม่าเค่อราวกับเป็นหอกมังกรกึ่งโปร่งแสง

เปรี้ยง!

มวลอากาศระเบิดตัว

โลหิตและเศษเนื้อสาดกระจาย

ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของนักรบฉลามวาฬหม่าเค่อลอยกระเด็นออกไปนับสิบวา ก่อนตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรงเหมือนเป็นกระสอบป่านเก่าขาดใบหนึ่ง

กำปั้นของมันเต็มไปด้วยโลหิต

ผิวหนังเปิดออกเผยให้เห็นถึงกระดูกที่อยู่ด้านใน

“อ้าว เอ๊ะ?”

หลินเป่ยเฉินค่อยๆ ลดกำปั้นของตนเองลงมาและระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข “นี่หรือนักรบฉลามวาฬผู้แข็งแกร่ง? กำปั้นของเจ้าเคยทุบทำลายขุนเขาและมหาสมุทรมานับจำนวนไม่ถ้วนจริงหรือ? เหอเหอ เจ้าฉลามจอมขี้เกียจ มีฝีมือเพียงเท่านี้ อย่าได้เที่ยวคุยโวเลยดีกว่า”

เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม กลุ่มนักรบชาวทะเลที่อยู่โดยรอบก็เริ่มกลับมาโกรธแค้นอีกครั้ง

แม่ทัพฉลามอู๋หยาหุบยิ้ม ดวงตาเป็นประกายเคร่งเครียดจริงจังมากขึ้น

หม่าเค่อมีดวงตาเป็นสีแดงก่ำ

ราวกับว่ามีโลหิตไหลเข้าไปในดวงตาก็ไม่ปาน

“มนุษย์โสโครก เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าตนเองมีพลังหมัดไม่เป็นสองรองใครจริงๆ”

ทันใดนั้น พลังงานสีแดงก็สว่างไสวไปทั่วร่างกายของหม่าเค่อ มวลอากาศรอบตัวกลายเป็นพายุลมหมุนรุนแรง ก่อนที่ชุดเกราะซึ่งมนุษย์ฉลามวาฬสวมใส่อยู่ด้านบนจะแตกกระจายออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปิดเผยให้เห็นถึงผิวหนังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ซึ่งมีเส้นเลือดจำนวนมากกำลังปูดโปนขึ้นมาทั่วผิวหนังในเวลาเพียงพริบตาเดียว

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เกิดการระเบิดขึ้นสามครั้งติดๆ กัน

ร่างกายที่ธรรมดาก็สูงใหญ่อยู่แล้วของหม่าเค่อพลันกล้ามเนื้อขยายตัวเพิ่มความใหญ่โตมากยิ่งขึ้น

“แย่แล้ว นี่คือวิชาเฉพาะตัวของพวกฉลามวาฬ พวกมันสามารถถ่ายเทพลังให้กันได้ตามใจชอบ… เจ้าอย่าได้ประมาทอีกเด็ดขาด พวกชาวทะเลหลายร้อยสายพันธุ์ ต่างก็มีความสามารถพิเศษของตนเองน่าหวาดกลัวทั้งสิ้น”

เสียงของฉู่เหินดังขึ้นอีกครั้ง

และเกือบจะเป็นในเวลาเดียวกันนั้นเอง

“มนุษย์โสโครก เจ้าจงตายเสียเถิด”

หม่าเค่อที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเดินตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน

“ไม่นะ ไม่ อย่าเดินเข้ามา…”

หลินเป่ยเฉินร่ำร้องออกมาเสียงดัง

หม่าเค่อหัวเราะเยาะด้วยความชอบใจ “ทำไม? หรือว่าเจ้ากลัวเสียแล้ว?”

หลินเป่ยเฉินตอบว่า “มิผิด ข้ากลัวว่าหากครั้งนี้ข้าต่อยเจ้าแรงมากกว่าเดิม เจ้าคงจะต้องตายในหมัดเดียวเป็นแน่แท้ นอกจากเจ้าจะต้องอับอายขายหน้าแล้ว ผู้คนก็จะพูดเอาได้ว่าข้ารังแกสัตว์ไม่มีทางสู้…”

“นี่คือการต่อสู้ที่ยุติธรรมแล้วสำหรับข้ากับเจ้า อย่าได้กังวลอีกต่อไปเลย หากเจ้าสามารถต่อยข้าตายได้สำเร็จ นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าไร้ความสามารถมากเกินไปนั่นเอง…”

หม่าเค่อยังคงหัวเราะออกมาด้วยความสบายอารมณ์

“พูดจริงนะ?”

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบๆ “งั้นข้าจะต่อยให้เจ้าตายเดี๋ยวนี้”

แล้วเด็กหนุ่มก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

เขากระแทกกำปั้นออกไปข้างหน้า

ดวงตาสีแดงเข้มของหม่าเค่อหรี่ลงในทันที

มันพลันรู้สึกได้ถึงอันตรายจากกำปั้นของเด็กหนุ่มผู้นี้

“ไม่ได้การแล้ว…”

หม่าเค่อยกแขนขึ้นมาไขว้กันเพื่อป้องกันหน้าอกในขณะที่หลินเป่ยเฉินกระแทกหมัดเข้ามาตรงแผงอกกำยำของมัน

พายุกำปั้นจู่โจมเข้าใส่ร่างกายของนักรบฉลามวาฬ

หม่าเค่อยืนโงนเงนเล็กน้อย ก่อนที่ร่างกายจะหยุดนิ่ง

หลินเป่ยเฉินหมุนตัวตีลังกากลับมายืนอยู่ที่เดิม

ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง

โลหิตไหลหยดลงมาจากกำปั้นของหลินเป่ยเฉิน

รอยยิ้มเบ่งบานบนใบหน้าของนักรบชาวทะเลเมื่อพวกเขาได้ยินหม่าเค่อระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความสะใจ

แขนทั้งสองข้างของหม่าเค่อยังสามารถป้องกันหน้าอกได้เป็นอย่างดี

บนแขนซ้ายของมันที่ไขว่ขึ้นมาทับแขนขวาปรากฏรอยหมัดของหลินเป่ยเฉินทิ้งเอาไว้อย่างชัดเจน

กล้ามเนื้อยุบลงไปเป็นรอยหมัด

ผิวหนังเปิดออก

มีเลือดไหลทะลักออกมา

มองเห็นกระดูกสีขาวโพลนที่อยู่ด้านใน

“ประเสริฐ…นับว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก…”

หม่าเค่อพูดด้วยเสียงขาดห้วง ร่างกายของมันสั่นสะท้านเล็กน้อย ก่อนที่จะล้มโครมลงไปกับพื้นหิน ร่างกายระเบิดกระจาย เศษเลือดเศษเนื้อสาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทาง แล้วนักรบศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลผู้โด่งดังนามว่าหม่าเค่อ ก็หลงเหลืออยู่แต่เพียงกองเลือดกองเนื้อกองหนึ่งเท่านั้น

บรรดานักรบชาวทะเลตกอยู่ในความเงียบ

พวกมันบูชาผู้ที่มีความแข็งแกร่ง

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

ผู้ที่แข็งแกร่งบดขยี้ผู้ที่อ่อนแอ

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ที่จะได้อยู่รอด

หม่าเค่อกับไต้เค่อเป็นสองนักรบผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงในดินแดนมหาสมุทร พวกมันมีสถานะสูงส่งและได้รับความเคารพจากชาวทะเลทุกสายพันธุ์

หม่าเค่อกับไต้เค่อควรค่าที่จะถูกเรียกว่าผู้แข็งแกร่ง

แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มบนแผ่นดินใหญ่คนนี้ พวกมันกลับต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับและน่าอับอาย

นี่คือการต่อสู้ที่ยุติธรรมสำหรับพวกมันที่สุดแล้ว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า

หลินเป่ยเฉินกลับเป็นฝ่ายเอาชนะได้สำเร็จ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กลุ่มชาวทะเลที่เพิ่งจะตื่นเต้นกันอยู่เมื่อสักครู่ ต้องเงียบกริบกันไปในพริบตาเดียว

กลายเป็นฝ่ายชาวเมืองหยุนเมิ่งที่ได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

ใช่แล้ว

ความรู้สึกเช่นนี้ รสชาติเช่นนี้

ความสะใจเช่นนี้

นี่คือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังจากตัวของหลินเป่ยเฉิน

ยอดเยี่ยมที่สุด

ประเสริฐเลิศล้ำที่สุด

เมื่อเห็นผลการต่อสู้จบลงเช่นนั้น บรรดาชาวเมืองก็มีจิตใจที่ฮึกเหิมมากขึ้น ต่อให้เหตุการณ์หลังจากนี้ พวกเขาจะต้องต่อสู้กับพวกนักรบชาวทะเล ชาวเมืองทุกคนก็ไม่คิดเสียใจอีกต่อไป แม้ว่ามันจะทำให้พวกเขาต้องจบชีวิตลงก็ตาม

ในเมื่อไม่มีหนทางที่จะอยู่รอดได้อีกแล้ว พวกเขาก็ขอตายอย่างมีประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

ชาวเมืองทุกคนที่เข้าร่วมการเดินประท้วงในวันนี้มาด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น

ในกลุ่มคนเหล่านั้นประกอบไปด้วยเฝิงหลุน เกาหมินและศิษย์คนอื่นๆ จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม ทุกคนกำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ

ชัยชนะของวีรบุรุษประจำเมืองหยุนเมิ่ง ทำให้พวกเขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

แค่สังหารนักรบชื่อดังของชาวทะเลได้สองตัวก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

“เอาล่ะ ประเสริฐมาก”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา

มันใช้สายตาแดงก่ำจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาอันตรายเหมือนฉลามยามได้กลิ่นเลือด “ต้องยอมรับเลยว่าข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป… ทั้งไต้เค่อและหม่าเค่อต่างก็ต้องสละชีวิตเพื่อรับใช้เทพเจ้าแห่งท้องทะเล นี่คือการตายที่มีเกียรติที่สุด และเพื่อให้วิญญาณของพวกเขาได้อยู่อย่างสงบสุข ข้าจะขอจัดการเจ้าด้วยตนเอง”

อู๋หยาขยับเท้าก้าวออกมาข้างหน้า

มือหนึ่งยกขึ้นปลดสายผูกผ้าคลุมออกจากลำคอ

ผ้าคลุมสีดำปลิวไสวลอยไปตามสายลม

ในที่สุด แม่ทัพอันดับหนึ่งของชาวทะเลที่ประจำการอยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง ก็กำลังจะออกมาแสดงฝีมือด้วยตัวเองแล้ว!!