ภาคที่ 31 ขั้นอลวน ตอนที่ 2 เป็นขั้นอลวนในที่สุด

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 2 เป็นขั้นอลวนในที่สุด โดย Ink Stone_Fantasy

ภายในห้องเงียบในเรือนพัก บนยอดเขาหลิงอวิ๋นแห่งวังทวีสูญ

ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญอย่างเงียบๆ ตามลำพัง เขาสั่งสมอย่างหนักแน่นเหลือเกิน ตอนที่ยังมิได้คิดค้นเคล็ดวิชาบุปผาผลาญทำลายออกมาก็มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนได้อย่างแน่นอนแล้ว ตอนนี้ยังคิดค้นเคล็ดวิชาบุปผาผลาญทำลายออกมาได้อีก… นี่เพิ่งจะตั้งใจบำเพ็ญก็มีการตระหนักรู้พรั่งพรูขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อนแล้ว ความเข้าใจในวิถีโลกเทียมก็ล้ำลึกยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“หืม”

เพิ่งปลีกวิเวกไปเพียงแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงว่าศาสตร์โบราณของข้าจะเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนก่อน”

ใช่แล้ว

ถึงแม้ว่าจะตั้งใจหยั่งรู้วิถีโลกเทียมเพียงอย่างเดียว ถึงแม้จะยังไม่มีความมั่นใจว่าจะสำเร็จวิถีโลกเทียมขั้นอลวนได้อย่างสมบูรณ์ แต่วิชาสืบทอดศาสตร์โบราณ เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาด การแปรที่เจ็ดนั้น เขาก็เข้าใจมันได้เองโดยธรรมชาติ เพราะเดิมทีเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดก็เป็นประเภทเขตลวง การแปรที่เจ็ดก็หมายถึงพลังคุกคามขั้นต่ำสุดของเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดขั้นอลวน สำเร็จเพียงแค่ชั้นที่หกของเจดีย์ดาวเท่านั้น!

การแปรที่หกคือพลังยุทธ์ชั้นที่ห้า การแปรที่เจ็ดก็คือ ‘ชั้นที่หก’ อันเป็นระดับต่ำสุดของขั้นอลวน การแปรที่แปดก็คือพลังยุทธ์ชั้นที่เจ็ด และขั้นสุดยอดของปีศาจชาดเก้าแปรก็คือ ‘พลังยุทธ์ชั้นที่แปดของเจดีย์ดาว’

พลังยุทธ์ชั้นที่แปดของเจดีย์ดาวก็เป็นระดับที่สูงมาก คิดอยากจะไปถึงชั้นที่เก้าในตำนานน่ะหรือ ลำพังแค่เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว จักรพรรดิดำก็บำเพ็ญสี่เคล็ดวิชาสืบทอดไปพร้อมกัน สามเคล็ดวิชาสืบทอดในนั้นล้วนสมบูรณ์แบบทั้งสิ้น

“บรรลุเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะอย่างเงียบๆ

ความเร้นลับที่แฝงอยู่ในการแปรที่เจ็ดของปีศาจชาดนั้นตื้นเขินโดยแท้ ถึงอย่างไรพลังคุกคามของเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดที่ตนดัดแปลงแล้วก็เทียบเคียงกับมันแล้ว ถึงขนาดที่ไม่จำเป็นต้องสำเร็จวิถีโลกเทียมระดับขั้นอลวนอย่างสมบูรณ์ ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์มีมาตรฐานสูง จำเป็นต้องสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม แต่ระบบศาสตร์โบราณ…นั้นสามารถสำแดงได้ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถสำแดงได้แล้ว

“บรรลุแล้ว วิญญาณของข้าก็สามารถแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ ก็สามารถบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาโบกมือคราหนึ่งในทันทีแล้วหยิบเอาทรัพยากรล้ำค่าจำนวนหนึ่งที่เตรียมเอาไว้แล้วออกมา การเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนนั้นจำเป็นต้องอาศัยทรัพยากร

……

การบรรลุนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ เคล็ดวิชาสืบทอดการแปรที่เจ็ดของปีศาจชาดนั้นสงบกว่าแต่กลับมีผลช่วยส่งเสริมวิญญาณที่ชัดเจนกว่า วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมเปลี่ยนเป็นแกร่งกล้าขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้นเอง…

“ครืน…”

การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ

วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดความเปลี่ยนแปลงในเนื้อแท้ขึ้นมาในทันที นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงซึ่งขั้นรวมเป็นหนึ่งที่เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนทุกคนล้วนมีกันทั้งสิ้น ที่โลกทิพย์ ร่างแปรของผู้แกร่งกล้าขั้นรวมเป็นหนึ่งต่างก็ไม่สามารถไปจากร่างจริงได้ไกลนัก แต่เหล่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนนนั้นเพียงแค่ความนึกคิดเดียวก็สามารถไปจากร่างแปรได้ไกลหลายร้อยล้านลี้แล้ว ถึงขนาดที่ร่างแปรสามารถจากไปล่องลอยในอากาศอันสับสนอลหม่าน หรือแม้กระทั่งมุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์อื่นๆ ได้!

เช่นประมุขตำหนักวารีสวรรค์จำนวนมากมายของวังทวีสูญ ยามที่มาแสดงความยินดีกับตงป๋อเสวี่ยอิง ร่างจริงของพวกเขาจำนวนมากต่างก็ยังอยู่ที่ชายขอบของห้วงอากาศอันไกลโพ้น แต่ร่างแปรกลับสามารถกลับมาได้!

ขั้นรวมเป็นหนึ่งสามารถทำได้หรือไร

ขั้นรวมเป็นหนึ่งนั้น กระทั่งแยกห่างกันล้านล้านลี้ก็ยังไม่สามารถทำได้

พลังวิญญาณของพวกเขาแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงเช่นนั้นจริงๆ หรือ เห็นได้ชัดว่ามิใช่!

ว่ากันอย่างจริงจังแล้ว

ยังคงเป็นปัญหาที่ ‘คุณภาพ’ น้ำที่หนักหนึ่งจิน กับเหล็กกล้าที่หนักหนึ่งจินนั้นมีน้ำหนักเท่ากัน แต่หากพูดถึงพลังคุกคามในการปะทะแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติเหล็กกล้าก็ย่อมชนะอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังชนะในด้านการบดขยี้ด้วย แน่นอนว่า ‘น้ำที่หนักหนึ่งจิน’ นั้นถ้าหากก่อร่างเป็นกระบอกฉีดน้ำแรงดันสูงก็อาจสามารถตัดเหล็กกล้าให้ขาดได้! ผู้ล้ำเลิศร้ายกาจในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่งอาจมีความหวังที่จะเอาชนะขั้นอลวนได้ แต่ถ้าหากขั้นอลวนก็ร้ายกาจขึ้นมาด้วยเช่นกัน นำเหล็กกล้ามาสร้างเป็นอาวุธชนิดต่างๆ  พลังคุกคามก็ย่อมต้องน่าหวั่นเกรงมากขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

“ความรู้สึกเช่นนี้ช่างวิเศษเหลือเกิน” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึงการรับสัมผัสของวิญญาณต่อโลกภายนอก เพียงแค่ความนึกคิดเดียว สัมผัสรับรู้ของเขาก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งมิติทวีสูญอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่ผ่านทะลุออกไปนอกมิติทวีสูญด้วย

ฟิ้ว…

สัมผัสรับรู้ของเขาแทรกซึมผ่านไปในทันใด นี่รวดเร็วยิ่งกว่าการเคลื่อนที่ในพริบตาใดๆ เสียอีก นี่เป็นเพียงแค่เวลา ‘นึกคิด’ เท่านั้น เขาสัมผัสรับรู้ได้เป็นอาณาบริเวณกว่าครึ่งโลกทิพย์แล้ว!

ใช่แล้ว กว่าครึ่งโลกทิพย์ แม้กระทั่ง ‘เกาะปฐมบรรพชน’ เขาก็ยังสามารถสัมผัสรับรู้ได้อย่างรางๆ แต่สัมผัสรับรู้ชนิดนี้ช่างเลือนรางอย่างยิ่ง ก็เหมือนกับมนุษย์ธรรมดามองลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนรางเลือน สามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงรูปร่างของทิวเขาและโครงร่างภูมิประเทศอย่างคร่าวๆ เท่านั้น…ในการสัมผัสรับรู้อาณาบริเวณนี้ เขาก็สามารถส่งร่างแปรมาได้ในความนึกคิดเดียว!

ในยามที่เขาจงใจปลดปล่อยสัมผัสรับรู้ เพราะสัมผัสรับรู้ชนิดนี้เลือนรางเป็นอย่างยิ่ง ก็เหมือนกับมนุษย์ธรรมดามองมาจากที่ไกลๆ มนุษย์ธรรมดาคนอื่นๆ โดยทั่วไปย่อมมิอาจสังเกตเห็นได้อยู่แล้ว

เหตุผลเดียวกัน

แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนจำนวนมากต่างก็มิอาจรู้สึกถึงสัมผัสรับรู้จากที่ไกลๆ อันเลือนรางชนิดนี้ได้ มีน้อยรายนักที่สามารถสังเกตได้ แต่เหล่าเทพจักรวาลนั้นไม่เหมือนกัน! อาณาเขตกฎเกณฑ์ของเหล่าเทพจักรวาลเป็นระบบจักรวาลที่มีอยู่ในตัวเอง มีความเฉียบแหลมกับสัมผัสรับรู้ใดๆ เป็นอย่างยิ่ง

“หืม” ภายในวังทวีสูญ บรรพชนเทียนอวี๋ที่อยู่ในลานบ้านของตนเองสามารถสัมผัสรับรู้ได้แล้ว เขาเผยสีหน้าตกตะลึงแล้วมองไปยังทิศทางของยอดเขาหลิงอวิ๋นพร้อมรอยยิ้มร่าในทันที “ตงป๋อ ยินดีด้วยที่เจ้าเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนได้แล้ว”

“ท่านบรรพชน” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบกลับในทันที

“ฮ่าฮ่า นี่เพิ่งปลีกวิเวกมาเพียงเดือนกว่าเท่านั้นก็บรรลุแล้ว ช่างรวดเร็วเสียจริง วางแผนจะเปิดตำหนักที่สิบสามของวังทวีสูญของข้าเมื่อใดกันหรือ” บรรพชนเทียนอวี๋เอ่ยถาม

“อย่ารีบร้อนไป รอหลังจากที่ข้ารวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นก่อนเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด

“ได้สิ” บรรพชนเทียนอวี๋ก็เข้าใจ ตามปกติแล้วหลังจากที่บรรลุ ล้วนต้องมีระยะรวบรวมการยกระดับพลังยุทธ์ ระยะนี้ผู้บำเพ็ญต่างก็ไม่อยากให้โลกภายนอกรบกวนสักเท่าใดนัก

……

เกาะปฐมบรรพชน ร่างจริงของท่านบรรพชนคีรีมาร นั่นคือยอดเขาสีดำอย่างแท้จริง

เขาลืมตาทั้งสองขึ้นบนกำแพงภูเขา

“ฮ่าฮ่า ตงป๋อเสวี่ยอิง ยินดีด้วยที่เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนแล้ว” ท่านบรรพชนคีรีมารถ่ายเสียงพูดโดยตรง ระยะการสัมผัสรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงห่อหุ้มเกาะปฐมบรรพชนเอาไว้ ถึงแม้ว่าสัมผัสรับรู้นี้จะละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ยังแยกแยะรูปลักษณ์ภายนอกของเกาะปฐมบรรพชนได้อย่างรางๆ เท่านั้น แต่ท่านบรรพชนคีรีมารก็ยังสังเกตพบเขาได้อย่างง่ายดายอยู่ดี

……

“หืม”

โลกทิพย์ทะเลสัตตดารามีหอหมื่นโลกาอยู่มากพอสมควร

ภายในหอหมื่นโลกาทุกแห่งต่างก็มีประมุขอยู่คนหนึ่ง พวกเขาต่างก็เป็นร่างแยกของประมุขหอหมื่นโลกา พวกเขาคล้ายจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางของวังทวีสูญพร้อมกัน

“มีขั้นอลวนเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ” ประมุขหอหมื่นโลกายิ้มน้อยๆ “ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ มหาโลกทิพย์ทั้งห้านี้มีเด็กที่ร้ายกาจเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้วสินะ”

……

“ตงป๋อ ยินดีด้วย บำเพ็ญให้ดีๆ ในอนาคตวังทวีสูญของข้าอาจมีชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งก็เป็นได้” ประมุขตำหนักอลหม่านเองก็สัมผัสรับรู้ได้แล้วเช่นกัน เป็นระดับชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวเช่นเดียวกัน สิ่งที่ประมุขวังเจียงฝู่เชี่ยวชาญก็คือระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุดก็ย่อมมิอาจสัมผัสรับรู้ได้ ส่วนการควบคุมอาณาบริเวณโดยรอบตนเองของประมุขตำหนักอลหม่านนั้นกลับเฉียบคมมากกว่าไม่รู้กี่เท่า นั่นเพียงพอที่จะเทียบเคียงกับเทพจักรวาลได้แล้ว

“ชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวหรือ ตอนนี้ยังห่างไกลกับข้าอยู่พอสมควรทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ

ยิ่งเข้าใจมากก็ยิ่งนับถือชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวมากขึ้น ระดับความยากของการเป็นชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวนั้นพอๆ กับการมีชั้นที่เจ็ดคนหนึ่งเกิดขึ้นมาในขั้นรวมเป็นหนึ่งเลยทีเดียว

แต่เมื่อเทียบกันแล้วชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวนั้นมีจำนวนมากกว่าอยู่พอสมควร เพราะเหตุใดน่ะหรือ

ก็เพราะยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนจำนวนมากมาย ตอนแรกต่างก็เป็นเพียงแค่พลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาว หลังจากนั้นค่อยบรรลุไปถึงขั้นอลวน มีบางส่วนที่พลังยุทธ์ชั้นที่หกก็บรรลุแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จ้องจะเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งเหยียบย่างเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดแล้วค่อยบรรลุนั้นมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ต่อให้คิดอยากจะทำเช่นนี้ แต่ล้วนค้นพบว่าการไปถึงชั้นที่เจ็ดนั้นช่างยากเย็นยิ่งนัก สุดท้ายต่างก็ยอมแพ้แล้วกลายเป็นขั้นอลวนก่อน!

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สั่งสมมามากเพียงพอ บวกกับยามที่ท่านอาจารย์สิ้นชีพนั้นมีผลกระทบต่อระดับจิตใจของเขา จึงทำให้เขาสามารถสำเร็จได้ในรวดเดียว

แต่ขั้นอลวนนั้นเไม่เหมือนกันเสียแล้ว พวกเขาต้องการเหยียบย่างกลายเป็นเทพจักรวาล นี่ก็คือการติดค้างท้ายที่สุดที่ยากเย็นที่สุดในบรรดาระดับขั้นการบำเพ็ญที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว! ในท้ายที่สุดแล้วผู้บำเพ็ญที่เลิศล้ำยุคแล้วยุคเล่าจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ติดค้างกันอยู่ที่นี่ทั้งสิ้น ได้แต่ขัดเกลาตนเอง ไล่ตามขีดจำกัดอย่างไม่หยุดหย่อน จึงจะมีขั้นอลวนระดับชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวถือกำเนิดขึ้นมาได้บ้าง มนุษย์น้ำแข็งและจำนวนของขั้นอลวนชั้นที่เก้ายังน้อยกว่าจำนวนเทพจักรวาลเสียอีก

……

ศาสตร์โบราณ ‘เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาด’ บรรลุเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวน วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแกร่งกล้าขึ้น อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ความเร็วในการวิวัฒน์บำเพ็ญยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลอย่างเห็นได้ชัด

คราวนี้ไม่มีการพลิกผันแต่อย่างใด เพียงแค่หลังจากที่ปลีกวิเวกมาสามร้อยกว่าปีแล้ว ‘วิถีโลกเทียม’ ก็เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขั้นอลวนอย่างธรรมดายิ่ง

“ปัง”

ในที่สุด ‘รากฐานโลกเทียม’ ภายในร่างกายก็ระเบิดปะทุออกมา วิวัฒน์ออกมาจากจักรวาลอลหม่าน…นี่จึงจะเป็นระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ก้าวข้ามขั้นอลวน

…………………………………….