AST
บทที่1839 – ลูกธนูวิหคโลหิตเพลิง
ชายร่างกำยำจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเหลือเชื่อก่อนจะหันมองตัวเองสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เรียกได้ว่ามันเหมือนกับสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงพลังที่พุ่งพ่านในตัวของเขาเขาจึงกระโจนเข้าใส่ชายร่างกำยำด้วยพละกำลังที่พร้อมจะบดขยี้ภูเขาให้กลายเป็นเศษฝุ่น
ปังงงงงงงงง!!
การปะทะก่อให้เกิดแรงระเบิดครั้งใหญ่คลื่นพลังสั่นสะเทือนไปทั่วอากาศพร้อมจะแยกพื้นน้ำมหาสมุทรให้แยกออกกลายเป็นช่องว่าง สิ่งหนึ่งที่ต้องถึงจำเอาไว้ว่านี่คือโลกใต้ทะเล โลกที่เต็มไปด้วยแรงดันน้ำสูง การแยกตัวของพื้นน้ำก็เป็นตัวบ่งชี้พลังของผู้โจมตีได้เป็นอย่างดี ชายร่างกายกำยำถูกชิงสุ่ยอัดกระเด็นลอยไปอีกครั้งแต่ยังไม่ทันหายใจ ชิงสุ่ยก็ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเสียเปล่า เขาพุ่งทะยานตามไปโจมตีอีกระลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกคนได้แต่ยืนแสดงสีหน้าตกใจแม้แต่ตัวของผู้ชายร่างกายกำยำก็ไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มปากดีคนนี้จะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเขาได้
ชายร่างกายกำยำยังคงถูกอัดกระแทกไปรอบๆพื้นที่แต่ด้วยชุดเกราะรวมถึงศาสตราอาวุธป้องกันที่เขาสวมใส่จึงทำให้ร่างกายของเขาถูกป้องกันได้เกือบสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะส่วนหัวที่เป็นจุดอ่อนของผู้ฝึกตน บริเวณส่วนนี้ถูกปกป้องเป็นอย่างดี เพราะถ้าหากการโจมตีเข้าถึงมันได้ โอกาสที่เขาจะพ่ายแพ้ก็จะปรากฏต่อหน้าสาธารณชน
โดยปกติแล้วบริเวณหัวก็เป็นจุดอ่อนของมนุษย์หากผู้ใดถูกโจมตีชีวิตก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง แม้จะฝึกฝนมาอย่างหนัก และฝึกฝนส่วนหัวมาเป็นพิเศษ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีระดับความแข็งแกร่งที่เท่าเทียมกัน บริเวณหัวก็ยังคงอ่อนแอกว่า เหมือนกับดวงตา ที่ต่อให้เป็นผู้ฝึกตน แม้แต่มีดธรรมดาก็สามารถทำอันตรายพวกเขาได้
ดวงตาของเฉินเจินทอแสงประกายเหมือนดวงจันทร์เธอกำลังมองดูการโจมตีอย่างต่อเนื่องของชิงสุ่ย ทุกกระบวนท่าเต็มไปด้วยท่าทางที่ประณีตวิจิตรงดงาม มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยแลดูมีความหล่อเหลามากยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าปีศาจร่างสูงใหญ่ที่กำลังถูกโจมตี
ความคิดทั้งหมดทำให้จิตใจของเธอสั่นคลอนเนื่องจากหลายปีที่ผ่านมานี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความสงบ
ชิงสุ่ยยังคงไล่ล่าอสุรกายร่างใหญ่โตอย่างดุเดือดเขาไล่เตะปีศาจตัวนี้กลิ้งไปทั่วผืนน้ำเหมือนกับลูกบอล
ครึ้นนนนนน!!
เสียงคำรามของง้าวทองทะลวงศัตรูร้องลั่นพร้อมจะสังหารปีศาจมันผ่าคลื่นน้ำแยกออกเป็น 2 ส่วนก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปหาชายอสูรกายกำยำผู้นั้น
”มนุษย์ผู้โง่เขลาเจ้าชักจะหยิ่งผยองมากเกินไปแล้ว!!”
อสุรกายร่างกายกำยำเสียงคำรามก่อนที่ร่างกายของเขาจะเคลื่อนไหวจนกลายเป็นเพียงแค่เงาไปปรากฏอยู่ตรงหน้าชิงสุ่ย เสียงร้องคำรามของเขาสั่นคลอนจิตใจพร้อมแยกสวรรค์ให้แตกสลาย
ชิงสุ่ยในตอนนี้แม้จะแข็งแกร่งมากแต่เขาก็เลือกที่จะไม่เสี่ยง บางทีศัตรูที่อยู่ตรงหน้าอาจจะยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังที่แท้จริง ซึ่งพลังที่เขาเก็บเงินเอาไว้อาจจะเป็นพลังที่ทำร้ายร่างกายมาจากภายใน
ชิงสุ่ยจึงหลบหลีกอย่างรวดเร็วแน่นอนว่าง้าวทองทะลวงศัตรูที่โจมตีออกไปย่อมต้องพลาดเป้า แต่เขาว่าคลื่นพลังปราณที่ล้อมรอบตัวศาสตราวุธมันเป็นอะไรที่ชิงสุ่ยสามารถควบคุมได้ง่ายเหมือนดั่งสายเลือด
เขาจึงอาศัยพลังเหล่านั้นในการขับเคลื่อนพลังโจมตีปีศาจร่างกายใหญ่โตไม่ทันได้สังเกต จึงถูกคลื่นง้าวพลังปราณกระหน่ำแทงเข้าอย่างจัง
หลังจากโจมตีเข้าใส่ปีศาจร่างยักษ์ชิงสุ่ยก็สัมผัสได้ถึงพลังในรูปแบบเดียวกับง้าวทองทะลวงศัตรูของเขา มันคือคลื่นพลังลูกธนูสีดำทมิฬที่ถูกปล่อยมาจากชายร่างยักษ์อีกคนนึงที่ยืนอยู่ด้านล่าง แต่สุดท้ายชิงสุ่ยก็สามารถหลบหลีกได้ทันเวลา
”สามารถหลบหลีกธนูสลายวิญญาณได้ความสามารถของเจ้านับว่าไม่เลวเลยทีเดียว”ชายร่างกายกำยำกล่าวขณะจ้องมองชิงสุ่ย
ผู้ที่ยิงธนูตอนนี้ได้พยายามหลบหนีไปอย่างรวดเร็วเพราะตัวของผู้ยิงธนูรู้ตัวดีว่าถ้าหากไม่หนีความตายจะต้องมาเยือน
”สัตว์เดรัจฉานมันชอบลอบกัดหลังผู้อื่นแต่สุดท้ายก็ทำอะไรอีกคนนึงไม่ได้ ข้าว่า ถ้าเป็นข้าเอง ข้าก็คงเอาหัวโขกกำแพงตายไปแล้ว”ชิงสุ่ยกล่าวดูถูกอย่างจงใจ ชายร่างยักษ์ผู้ยิงธนูกลายเป็นคนโง่งมทันทีที่ถูกกล่าวว่า
เขาเกือบหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย”การที่เจ้ารอดพ้นจากธนูของข้าได้ถือว่าเป็นโชคของเจ้าแล้ว เจ้าควรจะยินดีให้กับตัวเอง แต่ถ้าหากเจ้าอยากตาย ข้าช่วยเจ้าได้”
”ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสนั้น”ชิงสุ่ยยิ้มในช่วงพริบตาท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเข็มเหล็กรีดเย็น มันค่อยๆก่อร่างกลายเป็นกำแพงแห่งความตาย
สีหน้าการแสดงออกของชายร่างใหญ่คนนั้นเปลี่ยนไปในทันทีเขารีบปล่อยหมัดทั้งสองข้างออกมาอย่างรวดเร็ว
กำแพงหนาทึบที่ถูกสร้างโดยเข็มยังคงเคลื่อนที่เข้าหาชายผู้นั้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าชะลอตัวเสียงอัดกระแทกกำแพงเข็มดังลั่นไปทั่ว
ทุกครั้งที่เกิดแรงโจมตีกำแพงเข็มจะทำการสะท้อนพลังกลับไปจนทำให้ชายผู้นั้นรีบหยิบธนูและลูกศรอีกดอกออกมา เขาค่อยๆง้างมันจนคันธนูและลูกธนูกลายเป็นสีแดงเข้ม
ลูกธนูวิหคโลหิตเพลิง!!
ชิงสุ่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจเพราะลูกธนูที่อยู่ในมือชายผู้นั้นมีข่าวลือว่ามันถูกกลั่นโดยเลือดของวิหคเพลิง และมีข่าวลืออีกว่าลูกธนูชนิดนี้สามารถเจาะทะลวงผ่านพลังป้องกันได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม
หากนับเฉพาะความสามารถในการทะลวงผ่านการป้องกันมันคงไม่มากพอที่จะสังหารศัตรูได้หากทว่าศัตรูมีความแข็งแกร่งที่มากกว่า ขอให้ใช้ศาสตราวุธที่ดีเพียงใด มันก็คงไร้ประโยชน์
ชิงสุ่ยยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางสงบนิ่งเขามั่นใจว่าเขาสามารถป้องกันการโจมตีจากลูกธนูดอกนี้ได้
”ลูกธนูดอกนี้เจ้าไม่มีทางเอาชนะได้ แม้แต่ศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือของเจ้า มันก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ และความพยายามทั้งหมดของเจ้าก็จะกลายเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า”ชายร่างใหญ่หัวเราะเยาะ
”บางทีเขาอาจจะคิดไปเองคนเดียวก็เป็นได้นะ”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับสะบัดมือในช่วงพริบตาภูเขา 9 เทวาก็ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างเขาและชายผู้นั้น
”ข้าจะทำลายมันให้เจ้าดูเอง!!”
ชายร่างกายกำยำเชื่อมั่นในลูกธนูของตนว่ามันจะต้องแยกภูเขา9 เทวาให้แยกขาดเป็น 2 สิได้อย่างแน่นอน
ชิงสุ่ยก็ได้แต่ยิ้มเยาะในฐานะสมบัติอันยิ่งใหญ่อย่างภูเขา 9 เทวามันไม่มีทางถูกทำลายได้ง่ายๆแน่