ตอนที่ 441 ให้พี่สาวช่วยหนูซักผ้า + ตอนที่ 442 พี่สาว ฉันจะขยันเปลี่ยนเสื้อผ้านะ โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 441 ให้พี่สาวช่วยหนูซักผ้า
อู่เหมยแค่มองสีหน้าของอู่เจิ้งซือก็รู้แล้วว่าคำพูดที่เธอพูดไปนั้นมีผลแล้ว เธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก วิ่งพลางกระโดดเข้าไปที่ห้องของตัวเองหยิบเอาเสื้อผ้าสกปรกสองสามชิ้นของตัวเองออกมา แล้วก็ตรงดิ่งไปทางห้องอาบน้ำ
“เหมยเหมยลูกกำลังทำอะไรอยู่?” อู่เจิ้งซือถาม
“ซักผ้าไงคะ หนูไม่ใช่พี่สาวนะที่จะมีแม่ซักผ้าให้น่ะ!”
อู่เหมยพูดประชดประชันขณะกำลังแช่เสื้อผ้าลงในน้ำ เธอตั้งใจห้อยมือทั้งสองข้างลงอย่างน่าสงสาร ขยี้เป็นครั้งคราวสองสามครั้ง แกล้งทำตัวน่าสงสาร ใครบ้างล่ะจะทำไม่เป็น!
อู่เจิ้งซือมองอย่างขัดหูขัดตา ยิ่งเป็นห่วงมือของอู่เหมยเข้าไปใหญ่ อีกอย่างเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาตั้งกฎระเบียบไว้ ให้อู่เยวี่ยซักเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้ดูแล้ว เหอปี้อวิ๋นช่วยเธอซักมันทั้งหมดหรือนี่?
เหอปี้อวิ๋นกรีดร้องในใจท่าไม่ดีแล้ว รีบร้อนอธิบายว่า “เยวี่ยเยวี่ยมือของเธอแตกไปหมดแล้ว โดนน้ำไม่ได้ ฉันก็เลย…”
“หน้าไหว้หลังหลอกดีจริงๆ เยวี่ยเยวี่ยโดนเธออบรมสั่งสอนจนเสียคนหมดแล้ว ทั้งโกหก ขโมยของ จนเลยเถิดไปไกลถึงโรยเข็มหมุดในรองเท้าของเหมยเหมย เหอปี้อวิ๋น เธอช่างอบรมสั่งสอนลูกสาวออกมาได้ดีจริงๆ นะ!”
อู่เจิ้งซือตวาดเสียงต่ำ ความเกลียดชังในดวงตาทิ่มแทงเหอปี้อวิ๋นจนเจ็บไปหมด เธอมองข้ามเข็มหมุดห่อนั้นไป ให้ความสนใจแค่ประโยคหลังเพียงเท่านั้น เธอตะโกนตอบกลับอย่างไม่ยินยอมว่า “คุณอู่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าแต่ฉัน เยวี่ยเยวี่ยมีแค่ฉันคนเดียวที่อบรมสั่งสอนหรือไง? ตอนนี้ในใจคุณ ในสายตาของคุณมีแต่นังเด็กสมควรตายนั่น ดังนั้นฉันกับเยวี่ยเยวี่ย คุณจะมองยังไงก็คงขวางหูขวางตาไปทั้งหมดเลยสินะ!”
ลึกๆ แล้วอู่เยวี่ยก็คิดแบบนี้ ความอิจฉาริษยาปิดบังดวงตาของเธอและทำให้สมองของเธอสับสนเลอะเลือน เธอเกลียดอู่เหมยจนเข้ากระดูก แม้กระทั่งอู่เจิ้งซือเธอก็เริ่มที่จะเกลียดแล้ว
มีแค่เหอปี้อวิ๋นที่ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอีกครั้ง รู้สึกว่าในบ้านนี้ มีแค่เหอปี้อวิ๋นเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อเธออย่างจริงใจ!
ความคิดของอู่เยวี่ยนั้นผิดเพี้ยนไปหมด เธอลืมไปแล้วว่าไม่กี่วันก่อนตัวเธอเองยังโทษเหอปี้อวิ๋นอยู่เลยที่คิดว่าเธอทำร้ายตัวเองจนเป็นโรคประสาท แล้วก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองจะเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยตัดสินใจที่จะเอาใจอู่เจิ้งซือ
ความคิดพวกนี้เธอลืมไปหมดแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรม และรู้สึกเพียงว่าอู่เจิ้งซือลำเอียงและเขาก็ปฎิบัติกับเธออย่างไม่ยุติธรรม
“พ่อลำเอียง ตอนนี้พ่อรักแต่อู่เหมย ไม่รักหนูแล้ว!”
อู่เยวี่ยตะโกนเสียงดังอย่างเสียใจ ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดของตัวเองเลยสักนิดเดียว ยิ่งทำให้อู่เจิ้งซือโมโหอย่างรุนแรง
“พี่อู่เยวี่ย จนถึงตอนนี้ทำไมยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองทำผิด? เพื่อไม่ให้หนูได้เข้าร่วมการแสดงในเมือง พี่ถึงกับตั้งใจทำให้เท้าของฉันได้รับบาดเจ็บ ทำไมจิตใจของพี่ถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้? พี่รู้หรือเปล่าว่าเพื่อนๆ นักเรียนของพี่ที่โรงเรียนเรียกพี่ว่ายังไง?”
อู่เหมยหยุดชะงัก หัวเราะเยาะว่า “พวกเขาเรียกพี่ว่านังงูพิษ นังงูพิษที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่างูจงอางอีก!”
“นังคนใจดำปล่อยข่าวลือไร้สาระอะไรอีกแล้ว ชื่อเสียงของพี่สาวเธอโดนเธอทำลายหมดแล้ว!” เหอปี้อวิ๋นด่าอย่างโมโห หน้าตาดุร้ายเหมือนกับอยากจะฆ่าคนก็ไม่ปาน
อู่เหมยมองไปที่สองแม่ลูกอย่างเฉยเมย พูดทีละคำว่า “ชื่อเสียงของพี่ก็เป็นพี่เองที่ทำลายมันทิ้ง และก็เป็นแม่ที่ด้วยที่ทำลายทิ้ง”
เหอปี้อวิ๋นโมโหจนกระโดดเต้นเร่า เพียงแต่ว่า…
มือของเธอยังไม่ทันจะเหวี่ยงออกไป ตัวของเธอเองก็โดนอู่เจิ้งซือตบคว่ำจนลงไปกองที่พื้น ใบหน้าทั้งสองด้านถือได้ว่ามีร่องรอยสมดุลกันแล้ว
ดวงตาของอู่เหมยปรากฏร่องรอยเหยียดหยามขึ้นแวบหนึ่ง แต่ก่อนทำไมเธอถึงไม่รู้เลยนะว่าเหอปี้อวิ๋นจะโง่ได้ขนาดนี้!
“พ่อคะ มือของหนูเจ็บ ซักผ้าไม่ไหว ให้พี่สาวช่วยหนูซักเถอะ!”
นี่คือความคิดที่เธอเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ ไม่มีอะไรที่จะทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกอับอายขายหน้าได้เท่าให้อู่เยวี่ยซักผ้าแทนเธอแล้ว!
อู่เยวี่ยโมโหคิดจะเปิดปากเพื่อปฏิเสธ แต่ทันใดนั้น อู่เจิ้งซือกลับเห็นด้วยเสียแล้ว
“แบบนี้ก็ดี ให้พี่สาวลูกช่วยซักผ้าให้ลูก ทำจนกว่าลูกจะจบการแข่งขัน ระหว่างนี้เหมยเหมย มือของลูกนอกจากวาดภาพเขียนอักษร อย่างอื่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกก็ไม่ต้องทำทั้งหมด!”
…………………………………………..
ตอนที่ 442 พี่สาว ฉันจะขยันเปลี่ยนเสื้อผ้านะ
เดิมทีอู่เหมยแค่คิดว่าจะให้อู่เยวี่ยแช่น้ำเย็นไม่กี่วัน เพื่อให้มือเน่าๆ ของเธอทรุดหนักลงไปอีก แต่ไม่คาดคิดว่าอู่เจิ้งซือจะพูดเช่นนี้ และเลื่อนเวลาไปจนถึงก่อนการแข่งขันโดยอัตโนมัติ
เวลานี้ยังห่างจากการแข่งขันตั้งหลายเดือน ตอนนั้นอากาศถึงจะอุ่นขึ้น มือของอู่เยวี่ยก็คงจะต้องทรมานแล้วล่ะ!
อู่เยวี่ยไหนเลยจะยินยอมช่วยซักผ้าให้อู่เหมย แทบไม่ต้องใช้ความคิด เธอก็ออกปากปฏิเสธเลยว่า “ไม่เอา หนูอยากไม่อยากซักผ้า พ่อลำเอียง!”
อู่เหมยหัวเราะเบาๆ พูดว่า “พี่สาว หลายปีก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของพี่ หนูเป็นคนซักทั้งหมด ตอนนั้นทำไมพี่ไม่พูดว่าพ่อลำเอียงบ้างล่ะ?”
ใบหน้าของอู่เจิ้งซือมีบางส่วนที่อดกลั้นไว้ไม่ได้ เขารู้อยู่แก่ใจอย่างชัดเจนถึงสถานภาพการเป็นอยู่ของอู่เหมยในบ้านนั้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จึงรู้สึกเสียใจต่ออู่เหมยเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาเห็นอู่เหมยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก นี่จึงทำให้เขาปลื้มใจมาก แต่อู่เยวี่ยเรื่องอะไรไม่พูดกลับพูดถึงเรื่องนั้น ทำไมจะต้องพูดถึงเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมา
อารมณ์โมโหที่เพิ่งจะดับลงก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ตะโกนพร้อมตบลงไปว่า
“นังเด็กไม่รู้สำนึก ยังไม่รีบไปซักผ้าอีก!”
ครั้งนี้กลับดี ใบหน้าทั้งสองด้านของอู่เยวี่ยก็มีรอยสมส่วนกันแล้ว เหมือนกับแม่สุดที่รักของเธอไม่มีผิด
ใบหน้าเหมือนหมูที่สมบูรณ์!
การตบครั้งนี้ปลุกให้อู่เยวี่ยได้สติ เธอไม่กล้าต่อต้านอีกต่อไป เดินเข้าห้องน้ำอย่างเงียบๆ หยิบเสื้อผ้าในมือของอู่เหมยมาซักด้วย
น้ำเย็นทิ่มแทงมือของเธอจนปวดแล้วปวดอีก หลายวันแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับน้ำเย็น ปากแผลบนมือเดิมทีนั้นตกสะเก็ดแล้ว แต่ตอนนี้แผลกลับเปิดอีกครั้ง คาดการณ์ได้ว่าพรุ่งนี้มือของเธอจะมีแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผลแน่นอน
อู่เหมยกระซิบที่ข้างหูของเธอเบาๆ ว่า “ขอบคุณนะพี่สาว ฉันจะขยันเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ นะ”
อู่เยวี่ยทำร้ายเท้าของเธอ งั้นเธอก็วางแผนที่จะทำร้ายมือของอู่เยวี่ย ทุกวันให้สัมผัสกับน้ำเย็น แม้แต่ผิวหมูก็ยังพองขึ้นมาได้!
อู่เยวี่ยไม่รู้สึกสักนิดว่าทำแบบนี้กับอู่เหมย มันคือความใจดำอำมหิต
ถึงแม้ว่านิสัยพื้นฐานของมนุษย์นั้นจะดีงามก็ตาม แต่อู่เยวี่ยนั้นมีนิสัยน่ารังเกียจเป็นพื้นเดิม เรียกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เลวทรามตั้งแต่เด็ก หัวใจตับม้ามและปอดล้วนแต่เป็นสีดำ
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นว่าการที่ตัวเองโรยเข็มหมุดในรองเท้าคนอื่นจะเป็นความผิดแต่อย่างใด!
วันรุ่งขึ้น มือของอู่เยวี่ยอาการหนักขึ้นไปอีกขั้นจริงๆ สภาพบวมและแดงเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีเลือดไหลออกมา มืออันแสนบอบบางถึงคราวอวสานอย่างสิ้นเชิง แผลเน่าเปื่อยรุนแรงขนาดนี้ วันหลังต่อให้หายดีแล้ว บนมือก็ยังเหลือรอยแผลเป็นไว้ ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจจะเสียรูปทรงได้!
อู่เจิ้งซือไม่สนใจมือของอู่เยวี่ย เขาผิดหวังท้อแท้กับลูกสาวคนโตของเขาแล้ว ก็เหมือนทัศนคติที่เขาเคยมีต่ออู่เหมยแต่ก่อนไม่มีผิด สิ่งที่เหลือก็มีแต่การเมินเฉยเย็นชา และทำได้แค่ตัดหางปล่อยวัด!
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำกับอู่เยวี่ยนั้นยังคงแตกต่างกันเล็กน้อย ถึงอย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จะให้ทำเป็นไม่สนใจจริงๆ ก็คงไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเธอยังมีสายเลือดเล็กๆ เป็นความผูกพันธ์ ที่มักจะดึงเอาหัวใจของอู่เจิ้งซือกลับมาอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขากำลังโมโหมาก มองดูเหมือนเขาไม่สนใจแล้วจริงๆ
และอู่เยวี่ยก็คิดเช่นนั้นจริงๆ ว่าอู่เจิ้งซือไม่รักเธออีกต่อไปแล้ว
อู่เยวี่ยที่ไม่ได้นอนหนึ่งคืนเต็มๆ นั้น เดิมทีเธอยังคิดที่จะตื่นแต่เช้ามาพูดวิงวอนให้อู่เจิ้งซือยกโทษให้สักประโยค แก้ไขความสัมพันธ์ของพ่อลูกให้กลับเป็นเหมือนเดิม แต่พอเธอเห็นท่าทีของอู่เจิ้งซือแบบนี้ หัวใจเหมือนกับโดนแช่ในเตาน้ำแข็งทั้งดวงก็ไม่ปาน แข็งจนได้ยินเสียงดังก้องกังวาล
แม้อู่เยวี่ยจะมีอายุสิบสี่ปีแต่ใจก็ถือว่าดำอำมหิต มีความสุขุมห่างไกลอย่างเทียบไม่ได้กับอายุเพียงเท่านี้ พอเธอเห็นอู่เจิ้งซือแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง และยิ่งไม่พอใจต่ออู่เจิ้งซือมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโกรธขึ้นมา ก็ทำหน้าเมินเฉยเย็นชาเสียเลย และทำเป็นเพิกเฉยไม่สนใจกับอู่เจิ้งซือขึ้นมา
อู่เจิ้งซือเห็นอู่เยวี่ยที่จนถึงตอนนี้ยังทำท่าทางเหมือน ‘ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด’ ในใจก็เย็นเยียบขึ้นมาอีก เขารู้สึกว่าลูกสาวคนโตนั้นถูกเหอปี้อวิ๋นเลี้ยงจนเสียคนไปแล้วจริงๆ
เฮ้อ! วันหลังเขาคงไม่มุ่งหวังให้อู่เยวี่ยรุ่งโรจน์เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลแทนเขา ขอเพียงแค่เด็กคนนี้ไม่เดินผิดทางก็พอแล้ว!
อู่เจิ้งซือยังไม่ได้ตระหนักถึงลูกสาวตัวน้อยที่น่าภาคภูมิใจในอดีตคนนี้เลย ตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่ลูกสาวคนนี้ไม่เดินผิดทางก็ดีแล้ว และในวันเดียวกันเขากลับคิดอยากจะเติมแต่งคุณสมบัติดีๆ ให้ลูกสาวคนเล็กเพิ่ม เพื่อจะได้หาผู้ชายที่เหมาะสมกับลูกสาวคนเล็ก ที่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นความหวังทั้งหมดของตระกูล
…………………………………………..