บทที่ 636 วอนขอ

บัลลังก์พญาหงส์

ถาวจวินหลันรู้เรื่องถาวซินหลันคลอดกะทันหัน ก็ด้วยเพราะเฉินฟู่ควบม้ามาขอให้นางส่งหมอหลวงไปดู ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นเกรงว่าคงไม่รู้จนจบเรื่อง 

 

 

พอได้ยินข่าวนี้ ถาวจวินหลันก็ไม่เชื่อทันที “เป็นไปไม่ได้! อยู่ดีๆ จะคลอดเลยได้อย่างไร!” ทั้งๆ ที่ห่างจากวันกำหนดคลอดอีกตั้งหลายวัน ตอนนี้เพิ่งจะปลายเดือนหก คำนวณอย่างไรก็ยังตั้งครรภ์ไม่ถึงแปดเดือน 

 

 

คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ‘เจ็ดรอดแปดไม่รอด’ ความหมายคือเด็กที่อยู่ในท้องเจ็ดเดือนตอนคลอดจะมีชีวิตรอดง่ายกว่า แปดเดือนค่อนข้างลำบาก แม้จะบอกว่าคลอดก่อนกำหนดเหมือนกันก็ตาม 

 

 

ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นเจ็ดเดือนหรือแปดเดือน เด็กที่คลอดออกมาทั้งที่ยังไม่ครบกำหนดแม้จะรอดมาได้ แต่สุขภาพก็ไม่แข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไป  

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น ตอนที่คลอดเด็กต้องลำบากมากเป็นพิเศษ 

 

 

ถาวจวินหลันพลันขาอ่อน ใจหนักอึ้ง ทั้งยังเคว้งทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกเช่นนั้นไม่ต้องพูดว่าทรมานมากเพียงใด ที่สำคัญคือหวาดกลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุด ความกลัวเหล่านี้เหมือนกับน้ำหลากที่กลืนกินนางจนแทบขาดใจตาย 

 

 

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นถาวจวินหลันย่อมนั่งไม่ติดอีก ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก “ไป! ให้หมอหลวงที่ชำนาญเรื่องทำคลอดไปทั้งหมด ต้องรักษาชีวิตทั้งผู้ใหญ่และเด็กเอาไว้ให้ได้” ไม่เพียงเท่านั้น นางยังคิดจะไปดูด้วยตนเองสักครั้ง 

 

 

หงหลัวเห็นเช่นนั้นก็รีบขวางถาวจวินหลันเอาไว้ “ท่านจะทำอะไรเพคะ” 

 

 

ถาวจวินหลันมองหงหลัวอย่างดุดัน ไม่พอใจที่นางมาขวางตนอยู่เล็กน้อย “ข้าต้องออกไปดู!” เกิดเรื่องเช่นนี้กับถาวซินหลัน หากนางไม่ไปดูเองจะสงบใจได้อย่างไร? 

 

 

ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไรหนักหนา มีแต่เรื่องเต็มไปหมด เรื่องแรกคือองค์หญิงเก้าหายตัวไป แล้วยังเรื่องฮองเฮา ไหนจะเรื่องถาวซินหลันอีก 

 

 

“เย็นแล้วเพคะ หากออกไปตอนนี้ต้องกลับเข้ามาไม่ทันเวลากลับวังแน่เพคะ แบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพคะ?” แม้หงหลัวหวั่นเกรงสายตาของถาวจวินหลัน แค่ก็ยังพูดสิ่งที่ควรพูดออกมา “นี่ไม่ถูกกฎนะเพคะ นี่ไม่ใช่จวนอ๋อง พระชายาองค์รัชทายาทไม่ใช่ชายารองถาวแล้วนะเพคะ” 

 

 

หงหลัวพูดเตือนอย่างสมเหตุสมผล และเป็นการคิดเผื่อถาวจวินหลัน สตรีในวังไม่ได้ออกจากวังได้โดยง่าย ต่อให้เป็นฮองเฮาก็ไม่อาจออกจากวังได้ตามใจชอบ คิดถึงครอบครัวอย่างนั้นหรือ? ได้ ก็ให้คนไปเชิญเข้าวังมาก็แล้วกัน จะวุ่นวายอย่างไรก็ไม่ใช่เจ้านายในวัง 

 

 

ถาวจวินหลันในตอนนี้แม้จะดูโดดเด่น แต่ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่คอยจับจ้องเอาผิดนาง รอที่จะเอาความผิดมาเล่นงาน ดังนั้นถาวจวินหลันไม่อาจวู่วามได้ 

 

 

ถาวจวินหลันกลับไม่สนเรื่องนี้แล้ว ต่อให้ใจของนางจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้กว่าหงหลัวแต่พอคิดว่าถาวซินหลันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางก็ใจเย็นไม่ได้เลย  

 

 

จะแหกกฎก็แหกไป อย่างมากสุดก็แค่รับโทษ ถูกตำหนิ แต่นางมีน้องสาวเพียงคนเดียว ย่อมไม่เหมือนกัน 

 

 

“ไม่ได้เพคะ บ่าวไม่อาจปล่อยให้ท่านออกจากวังได้เพคะ” หงหลัวเริ่มร้อนใจ ขวางถาวจวินหลันไม่ยอมปล่อยไป 

 

 

ถาวจวินหลันสูดลมหายใจเข้าลึก พูดตะคอกเสียงดัง “หงหลัว เจ้ากำลังทำอะไร? ไม่ฟังคำข้าแล้วหรือ?! หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับบีบให้ข้าต้องลดตำแหน่งของเจ้า หรือไล่เจ้าออกไป!” 

 

 

หงหลัวคุกเข่าลง พูดสะอึกสะอื้น “บ่าวไม่ให้ไปเพคะ บ่าวไม่ให้ไป! หลังจากนี้ท่านจะลงโทษบ่าวให้ไปอยู่หน่วยงานซักล้าง บ่าวก็ยินดีเพคะ!” 

 

 

หงหลัวกำลังงัดข้อกับนาง ถาวจวินหลันโกรธจนแค่นหัวเราะออกมา เดินอ้อมหงหลัวออกไปข้างนอก “วันนี้ข้าต้องออกจากวังหลวงให้ได้” 

 

 

ปี้เจียวเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็รีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “เหตุใดท่านต้องใจร้อนด้วยเล่าเพคะ? หากอยากออกจากวังหลวงก็จะต้องไปหาฮองเฮาเหนียงเหนียงหรือไทเฮาเหนียงเหนียงเพื่อขอพระราชทานพระอนุญาตก่อนนะเพคะ มิเช่นนั้นออกจากวังหลวงไปก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะวุ่นวายจนเกิดเรื่องอะไรอีกหรือไม่ เกรงว่าถึงตอนนั้นคนที่เดือดร้อนคงไม่ใช่เพียงท่าน แม้แต่องค์รัชทายาทก็จะต้องได้รับโทษไปด้วยนะเพคะ!”  

 

 

พูดถึงหลี่เย่ ถาวจวินหลันก็เรียกสติกลับมาได้เล็กน้อย ใช่แล้ว นางไม่อาจใจร้อนจนทำให้หลี่เย่ลำบากไปด้วย 

 

 

“ช่างเถิด ข้าจะไปหาไทเฮาเอง พาซวนเอ๋อร์และหมิงจูไปด้วย” ถาวจวินหลันรีบให้คนเตรียมเกี้ยวหาม และพาเด็กๆ ออกไปวังหย่งโซ่ว 

 

 

เห็นถาวจวินหลันยอมฟัง หงหลัวถึงได้ลอบถอนหายใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นพูดว่า “บ่าวจะไปเก็บยาที่ใช้ได้มาเพคะ ท่านจะได้นำติดตัวไปด้วย” 

 

 

วัตถุดิบยาภายในวังหลวงนั้นเป็นของดี ต่อให้มีเงินก็หาซื้อข้างนอกไม่ได้ ถาวจวินหลันได้ยินเช่นนั้นก็รีบพยักหน้า “หยิบมาให้มากหน่อย” ในใจก็เอาแต่ภาวนาให้ถาวซินหลันปลอดภัย 

 

 

พอขึ้นเกี้ยวหามไปแล้ว ถาวจวินหลันก็โอบซวนเอ๋อร์เอาไว้ พูดกับซวนเอ๋อร์เสียงเบา “อีกครู่ซวนเอ๋อร์ช่วยแม่ขอร้องเสด็จทวดขอออกจากวังไปดูท่านน้าได้หรือไม่?” 

 

 

ซวนเอ๋อร์เริ่มรู้ความมากขึ้นแล้ว ได้ยินถาวจวินหลันพูดเช่นนี้ก็ถามนางว่า “ท่านน้าเป็นอะไรหรือขอรับ?” 

 

 

“นางจะคลอดแล้ว แม่อยากไปดู” ถาวจวินหลันกระซิบเสียงเบาข้างหูซวนเอ๋อร์ คำร้องการออกจากวังของนางนั้นไม่สมเหตุผล ดังนั้นไทเฮาคงไม่ยอมตกลง นางจึงอยากให้ซวนเอ๋อร์ช่วยขอร้องไทเฮาด้วย 

 

 

ซวนเอ๋อร์พยักหน้าคล้ายเข้าใจ “ขอรับ” 

 

 

พอถึงวังหย่งโซ่ว ได้ยินว่านางมีเรื่องจะรายงาน ไทเฮาจึงให้เข้าเฝ้า ตอนนั้นไทเฮากำลังเสวยพระกระยาหารเย็น เห็นซวนเอ๋อร์ก็ยิ้มกวักมือเรียก “ซวนเอ๋อร์กินข้าวแล้วหรือยัง?” 

 

 

ซวนเอ๋อร์ยังไม่ได้กินข้าวเย็น ได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้า “ยังพ่ะย่ะค่ะ” ส่วนหมิงจูเห็นอาหารเต็มโต๊ะ ก็คิดจะพุ่งเข้าไปใส่ทันที 

 

 

ไทเฮาเห็นเช่นนั้นก็ตำหนิถาวจวินหลัน “ทำไมดึกขนาดนี้ยังไม่กินข้าวเย็นกันอีก? ไม่กลัวเด็กๆ จะหิวหรืออย่างไร” 

 

 

ถาวจวินหลันรู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนอธิบายเสียงเบา “เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อยเพคะ พวกหม่อมฉันจึงไม่ทันได้ทาน” 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้รีบร้อนมาหาข้าเช่นนี้?” ไทเฮาเลิกคิ้ว แสดงท่าทีให้นางกำนัลอุ้มเด็กๆ เข้ามา พร้อมทั้งบิแป้งม้วนชิ้นเล็กๆ ส่งให้หมิงจูทานเล่น รวมถึงคีบเนื้อนกพิราบตุ๋นจนเละป้อนซวนเอ๋อร์ 

 

 

ซวนเอ๋อร์แก้มป่องเคี้ยวอาหาร พูดงึมๆ งำๆ ก่อนถาวจวินหลันเอ่ยปาก ช่วยนางตอบว่า “ท่านน้าจะคลอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่อยากออกจากวัง” 

 

 

ได้ยินเช่นนี้ไทเฮาก็ตกใจจนต้องวางตะเกียบลง ขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมจะคลอดแล้ว? ยังไม่ถึงวันกำหนดมิใช่หรือ?” ไทเฮาโปรดถาวซินหลันมาแต่แรก ย่อมต้องเป็นห่วงจากใจจริง 

 

 

ถาวจวินหลันถอนหายใจออกมา น้ำเสียงมีแววสะอื้น “ได้ยินว่าล้มเพคะ ก่อนหน้านี้เฉินฟู่มาขอร้องหม่อมฉัน บอกว่าคลอดลำบากต้องการเชิญหมอหลวงเพคะ” 

 

 

“ร้ายแรงเพียงนั้นเชียวหรือ?!” ไทเฮาขมวดคิ้วมุ่น “แล้วอยู่ดีๆ ล้มได้อย่างไร?” 

 

 

“ไทเฮาอนุญาตให้หม่อมฉันออกวังไปดูด้วยเถิดเพคะ หม่อมฉันมีน้องสาวเพียงคนเดียว หม่อมฉันเป็นห่วงจริงๆ เพคะ หากนาง…” ถาวจวินหลันพูดต่อไม่ออก ในใจร้อนรนเป็นยิ่ง 

 

 

ไทเฮาถลึงตามองนางอย่างดุดัน “พูดมั่วซั่วได้อย่างไร?! ไฉนยังมีหากอีกเล่า? แม้นไม่ครบเดือน แต่เด็กที่ไม่ครบเดือนนั้นตัวเล็ก ขอแค่มีหมอหลวงอยู่ คลอดตามธรรมชาติก็ถือเป็นเรื่องง่าย” 

 

 

แต่ที่ไทเฮาไม่ได้พูดก็คือ คลอดตามธรรมชาติง่ายก็จริง แต่เด็กที่คลอดออกมาจะเลี้ยงให้รอดได้หรือไม่ก็พูดยาก 

 

 

ถาวจวินหลันรู้ว่าตนเองปากไม่ดี ก็รีบยอมรับความผิดทันควัน “เพคะ หม่อมฉันพูดผิดไป ซินหลันต้องปลอดภัยแน่นอนเพคะ” 

 

 

“เจ้าเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาท ไฉนเลยจะออกจากวังได้ง่ายๆ” ไทเฮาขมวดคิ้วมองถาวจวินหลัน ในใจนั้นคิดวางแผน สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง 

 

 

ถาวจวินหลันกำลังจะวอนขอ ซวนเอ๋อร์กลับดึงแขนเสื้อของไทเฮาเอาไว้พอดี “เสด็จทวด ให้ท่านแม่ไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นท่านแม่จะร้องไห้แล้ว ท่านแม่ร้องไห้ ซวนเอ๋อร์ก็จะร้องไห้ด้วย” 

 

 

ซวนเอ๋อร์พูดไปก็เบะปากไปคล้ายจะร้องไห้จริงๆ 

 

 

ไทเฮาเห็นท่าทางของซวนเอ๋อร์ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้แค่บีบปลายจมูกซวนเอ๋อร์ “เจ้าเด็กซนนี่ ยังกล้ามาขู่ทวดอีก เจ้าร้องไห้ไปเถิด ข้าไม่สนใจเจ้าหรอก” 

 

 

ซวนเอ๋อร์เห็นว่าไม่ได้ผล ก็รีบจับข้อศอกไทเฮาส่ายไปมาด้วยท่าทางออดอ้อน 

 

 

ถาวจวินหลันก็พูดขอร้อง “ไทเฮาเพคะ หากหม่อมฉันไม่ได้ไปดูกับตา ก็คงจะวางใจไม่ได้ ซินหลันลำบากมาตั้งแต่เด็ก คิดไม่ถึงว่า…ท่านแม่ของข้าจากไปเร็ว คนที่นางติดมากที่สุดก็คือหม่อมฉันเพคะ คราวนี้คิดว่านางคงกำลังหวาดกลัว หม่อมฉันไปแล้วนางต้องคลายกังวลเป็นแน่เพคะ” หยุดไปครู่หนึ่งนางก็พูดความความกังวลในใจ “อีกทั้งหม่อมฉันกลัวว่าหากทางตระกูลเฉินไม่มีคนนั่งเฝ้า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีกเพคะ” 

 

 

เพราะว่าไม่วางใจ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องไปนั่งเฝ้าด้วยตนเอง มีเพียงวิธีนี้ถึงทำให้นางรับประกันความปลอดภัยของถาวซินหลันได้ 

 

 

อย่างไรถาวซินหลันก็ไม่ใช่คนสะเพร่า และมีคนคอยดูแลอยู่มากมายเช่นนั้น คงไม่ล้มเองง่ายๆ ถาวจวินหลันได้ยินว่าคลอดก่อนกำหนดเพราะหกล้ม ก็รู้ทันทีว่าจะต้องมีเรื่องอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่ 

 

 

ไทเฮาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อนุญาต “เจ้าอย่าไปอย่างอึกทึกครึกโครม แอบหยิบป้ายห้อยเอวออกไปก็พอ ซินหลันคลอดแล้วเจ้าก็รีบกลับมาทันที ถึงดึกก็ให้พวกเขาเปิดประตูวังเข้ามาได้” 

 

 

ถาวจวินหลันได้ยินไทเฮาตอบเห็นด้วย ก็รีบพยักหน้า “เพคะ ตามคำไทเฮาเพคะ” 

 

 

“เจ้าเอายาไปด้วย ด้านนอกหาซื้อของดีขนาดนี้ไม่ได้” ไทเฮากำชับอีกสองสามคำ “เด็กสองคนก็ให้อยู่กับข้าก่อน ข้าจะคอยดูให้ เจ้าวางใจได้ ไม่เกิดเรื่องอะไรแน่นอน” 

 

 

ถาวจวินหลันพาเด็กสองคนมา แต่เดิมก็คิดเช่นนี้อยู่แล้ว วันนี้เกิดเรื่องมากมาย นางอดหวาดกลัวและกังวลใจไม่ได้จริงๆ ดังนั้นฝากไว้กับไทเฮา ขอให้ไทเฮาดูแลพวกเขา ถือเป็นวิธีปลอดภัยที่สุดแล้ว 

 

 

หลังจากบอกลาซวนเอ๋อร์กับหมิงจูอย่างรีบร้อนแล้ว ถาวจวินหลันก็รีบกลับวังตวนเปิ่นเพื่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าคล่องตัว แล้วหยิบป้ายห้อยเอวออกจากวังไป ในความเป็นจริงแล้วไทเฮาไม่ได้ให้นางใช้ฐานะพระชายาองค์รัชทายาทออกจากวังหลวง แต่ให้นางใช้ป้อยห้อยเอวของวังหย่งโซ่ว แสร้งทำเป็นนางกำนัลของวังหย่งโซ่ว รับคำสั่งให้ไปเยี่ยมถาวซินหลัน 

 

 

จากความรักและเอ็นดูที่ไทเฮามีต่อถาวซินหลันแล้ว การกระทำเช่นนี้ไม่น่าแปลกแม้แต่น้อย ดังนั้นขอแค่ถาวจวินหลันไม่แสดงฐานะของตนออกมา ก็กลบเกลื่อนออกไปอย่างง่ายดาย 

 

 

ถาวจวินหลันย่อมไม่สะเพร่าและเลอะเลือนเป็นแน่ ความจริงแล้วนางเองก็รู้ดีว่าไปเองเงียบๆ เช่นนี้เหมาะสมที่สุด