บทที่ 590 ความนึกคิดของหยางซิงไห

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

กับหยางซิงไห่นั้น เย่เทียนก็ถือว่าถูกใจมาทีเดียว ถ้าเกิดว่าเขามีความสามารถจริง เย่เทียนก็ไม่รังเกียจที่จะรับศิษย์ในนามเพิ่มอีกสักคน

และด้วยเหตุนี้ เย่เทียนจึงไม่ได้ใช้สุดกำลัง ทำเหมือนกำลังสอนวิชาไปด้วยเพื่อดูความอดทนของหยางซิงไห่

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถึงหยางซิงไห่จะเป็นแค่คนธรรมดาแต่ก็มีความมั่นใจการต่อสู้มาก ให้ความสำคัญกับทุกการโจมตี เป็นบ็อกซิ่งมือดีคนหนึ่งเลย!

ผ่านไปไม่นาน หยางซิงไห่ที่สู้กับเย่เทียนตรงๆ ก็เริ่มต้านต่อไปไม่ไหว เหงื่อไหลออกจากหน้าผากเต็มไปหมด

ถึงเย่เทียนจะไม่ได้ใช้พลังอะไร แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาก็ไม่ธรรมดา ทุกครั้งที่ปะทะกัน มันก็ทำให้หยางซิงไห่รู้สึกเหมือนกระดูกจะแตกหักไปทุกครั้ง

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขากลับกัดฟันทนสู้ ราวกับเครื่องทำลายล้างที่ไม่รู้จักเหนื่อยไม่รู้จักเจ็บ โจมตีใส่เย่เทียนครั้งแล้วครั้งเล่า

แล้วเวลาก็ผ่านไปอีกประมาณสิบนาที หลังจากที่เย่เทียนตั้งใจถอยออกมา ทั้งสองก็ได้ปะทะกันไปไม่ต่ำกว่าร้อยหมัดแล้ว มีแผลเกิดขึ้นตามตัวหยางซิงไห่เต็มไปหมด เลือดท่วมไปทั้งตัว จนทนดูไม่ได้เลย

แต่เขาก็ยังมีใจที่จะสู้ สายตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงฮึดอันกล้าแกร่ง!

“คุณใช้ได้เลย!”

พอเห็นว่าหยางซิงไห่น่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว เย่เทียนก็ไม่รีรอ ซัดหมัดอันรุนแรงออกไป

หยางซิงไห่ตกใจทันที ในใจอยากปัดป้อง แต่ร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับตามความคิดไม่ทัน ได้แต่มองดูกำปั้นที่อยู่ในดวงตาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ตุบ!

เสียงที่น่าอึดอัดดังขึ้น เย่เทียนได้ชกใส่หน้าอกของหยางซิงไห่อย่างจัง ทำเอาร่างกายที่น้ำหนักไม่น้อยกว่าร้อยห้าสิบปอนด์กระเด็นออกไป!

“โอ๊ย!”

หยางซิงไห่ทนไม่ได้จนต้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด ในใจอยากที่จะลุกขึ้น แต่ร่างกายที่เหนื่อยจนสุดขีดกลับไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย

“ผมแพ้แล้ว”

พอเห็นเย่เทียนค่อยๆ เดินเข้ามา หยางซิงไห่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมาที่มุมปาก เขารู้ดีแก่ใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนอ่อนข้อให้ เขาก็คงจะตายจนไม่รู้จะตายยังไงไปนานแล้ว

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน! หวังว่าต่อไปไม่ว่าคุณจะทำเรื่องอะไรก็ให้คำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วย!”

เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ หมุนตัวแล้วเตรียมที่จะไป

หยางซิงไห่รู้สึกร้อนรนขึ้นมา ไม่สนใจความเจ็บที่เกิดขึ้นทั่วตัว ตะโกนออกมาดังๆ ว่า “รอเดี๋ยว! ผมอยากฝึกวิชากับคุณ คุณช่วยรับผมเป็นศิษย์ไม่ได้เหรอครับ?”

“ผมมันเป็นแค่คนที่ธรรมดา การที่คุณมาอยู่กับผมมันไม่มีอนาคตหรอก!”

เย่เทียนหยุดเดินทันที ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น รวมๆ แล้ว เราพบกันยังไม่ถึงชั่วโมงเลยใช่มั้ย? ผมยังไม่รู้จักคุณเลยสักนิด ถ้าเกิดได้ศิษย์ที่ทรยศขึ้นมาจะทำยังไง?”

“หืม?!”

หยางซิงไห่ถึงกับอึ้ง กัดฟันแล้วพูดไปว่า “งั้นก็ให้ผมติดตามคุณไปช่วงหนึ่งก่อน เมื่อผมพิสูจน์ตัวเองได้ คุณค่อยรับผมเป็นศิษย์จะได้มั้ยครับ?”

“จำเป็นต้องบีบให้ผมอธิบายอย่างชัดเจนให้ได้เลยใช่มั้ย?”

เย่เทียนถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ส่ายหน้าแล้วพูดไปว่า “ถ้าผมรับรู้ไม่ผิด ก่อนหน้านี้คุณเคยเป็นนักบู๊มาก่อน แต่ถูกคนทำลายวิชาไปใช่มั้ย?”

“ต่อให้ผมรับคุณเป็นศิษย์แล้วจะยังไง? ตันเถียนของคุณถูกทำลาย นอกจากว่าจะมียาชั้นยอดมารักษา ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้คุณก็ไม่มีทางได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางของนักบู๊อีกแน่นอน!”

ถูกต้อง! เมื่อกี้ตอนที่ทั้งคู่ประมือกัน เย่เทียนก็ได้ตรวจสอบสภาพของหยางซิงไห่อย่างเงียบๆ ถ้าตัดเรื่องนี้ออก เขาก็พอใจในตัวหยางซิงไห่มาก

เขาไม่กลัวเรื่องอายุที่มากของหยางซิงไห่ ยิ่งไม่กังวลเรื่องคุณสมบัติของหยางซิงไห่ ขอแค่ซื่อสัตย์ อย่างมากก็แค่เอายายัดเข้าไปเท่านั้น

แต่การที่ตันเถียนถูกทำลาย เย่เทียนก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ

ไม่ใช่ว่าเขาปรุงยาที่ใช้รักษาไม่ได้ ประเด็นคือวัดถุดิบที่ใช้มันหายาก แค่ยาตัวหลักก็ต้องใช้เวลานับพันปี ความทุ่มเทที่ใช้มันมากเกินไป

“ยาชั้นยอดเหรอครับ?!”

หยางซิงไห่ตาเป็นประกาย ทำหน้าดีใจ อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันคิดไว้แล้ว ฉันคิดอยู่แล้วว่ามันต้องมีวิธีที่จะรักษาตันเถียนให้กลับมาได้!”

“คุณอย่าเพิ่งดีใจไป ถึงยาชั้นยอดจะสามารถรักษาคุณได้ แต่ยาชั้นยอดก็ไม่ได้จะมีกันง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลย!”

เย่เทียนที่เห็นอย่างนั้น ทำไมจะไม่รู้ว่าหยางซิงไห่กำลังวางแผนอะไรอยู่ มันก็คือการใช้เขาเป็นทางผ่านเข้าสู่โลกของนักบู๊ แล้วตามหายาชั้นยอดที่ใช้ในการรักษาตันเถียน

“ผม…..”

หยางซิงไห่ที่ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็หม่นหมองขึ้นมาทันที แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ “คุณให้ผมติดตามคุณเถอะ! ไม่ว่าคุณจะให้ผมทำอะไรผมก็ยอม!”

เขาที่เคยเป็นผู้นำของเหล่าทหาร ตอนนี้กลับมีสภาพแบบนี้ ความเวิ้งว้างในใจของเขามีมากเท่าไหร่ก็คงรู้ แล้วจะให้เขาทำใจให้สงบเหมือนปกติได้ยังไง?

การรักษาตันเถียนให้หายจึงเป็นความฝันของเขา การอยู่ในวงการนักสู้ใต้ดินต่อไปมันไม่มีทางรักษาได้หรอก แต่การติดตามเย่เทียนที่มาจากโลกของนักบู๊ อย่างน้อยมันก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง!

“คุณเคยมีดาวหนึ่งดวงบนบ่าตอนอยู่ในกองทัพ ตอนนี้กลับตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ผมจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า มันเป็นเพราะคุณทำตัวไม่ดีรึเปล่า ถึงได้ถูกทางกองทัพขับไล่ออกมาแบบนี้!”

เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดสิ่งที่กังวลที่สุดในใจออกมา

เขาเคยถูกหักหลังมาแล้วครั้งหนึ่ง จนเกือบทำลายคนที่เขาอยากปกป้อง เขาจึงไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด!

“ไม่! ไม่ใช่อย่างนั้น! ผมไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อกองทัพหรือประเทศชาติเลย!”

แทบจะทันทีที่เย่เทียนพูดจบ หยางซิงไห่ก็ได้ปฏิเสธออกมา “ผมไปหลงกลคนที่ชั่วช้าเข้า เลยโดนทำลายวิชาครับ!”

“เมื่อเป็นอย่างนั้น ถ้าคุณไม่รังเกียจ งั้นก็อยู่ที่เมืองจินต่ออีกสักสองวัน รอผมเสร็จธุระทางนี้ก่อน แล้วคุณค่อยตามผมกลับไปที่เจียงหนัน!”

“แต่ว่า ผมขอบอกคุณไว้ก่อน ถ้าคุณไปที่เจียงหนันกับผมแล้ว สิ่งที่จะทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ปกติเท่าไหร่!”

พอเห็นท่าทางของหยางซิงไห่ ดูไม่เหมือนคนที่โกหกเลย เย่เทียนจึงส่ายหน้าอย่างจนใจ สุดท้ายก็ตัดใจไม่ลงอยู่ดี

เขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของหยางซิงไห่ได้ทั้งหมด เขาก็แค่อยากรักษาตันเถียนให้หาย จะได้ไปหาศัตรูคนนั้นเพื่อแก้แค้น เกรงว่าหยางซิงไห่คงเห็นเขาเป็นความหวังสุดท้ายในชีวิตแล้วมั้ง?

เย่เทียนเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี ชาติที่แล้วเขาก็เป็นเหมือนกับหยางซิงไห่ไม่มีผิด มีแต่ความคิดที่จะแก้แค้น แต่กลับไม่มีใครช่วยรั้ง มันก็จะสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดเหมือนกันไม่ใช่รึไง?

ถ้าไม่อย่างนั้น ในชาติที่แล้วเขาจะเลือกไปโดดหน้าผาทำไม?

โชคดีที่เขาไม่เพียงไม่ตาย แต่กลับได้บุญจากความอับโชคจนได้คัมภีร์หวงมาครอบครอง ถึงได้กลายเป็นทหารรับจ้างที่สร้างชื่อไปทั่ว!

ยังไงเย่เทียนก็ยังพอระวังในตัวหยางซิงไห่อยู่บ้าง จึงเตรียมที่จะส่งเขาไปอยู่กับเหลยหลาหู่

ยังไงซะ ต่อให้หยางซิงไห่จะถูกทำลายตันเถียนไปแล้ว แต่การที่จะจัดการกับชายฉกรรจ์ทั่วไปสักสามถึงห้าคนก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ก่อนที่จะมั่นใจในความซื่อสัตย์ของเขา ก็ปล่อยให้อยู่ห่างจากบริษัทแซ่เฉิน อยู่ห่างจากเฉินหวั่นชิงไว้ก่อนดีกว่า!

“ได้ครับ! ผมยินดีตามคุณไปที่เจียงหนัน!”

หยางซิงไห่ไม่แม้แต่จะลังเล พยักหน้าตอบรับอย่างแรง

“คุณจดเบอร์ผมไว้หน่อย ไว้พรุ่งนี้กำลังฟื้นฟูกลับมาแล้วค่อยมาหาผม!”

เย่เทียนไม่รีรอ รีบบอกเบอร์โทรให้หยางซิงไห่ไป ขึ้นรถแล้วจากไป…….