ตอนที่ 360 ข่าว / ตอนที่ 361 ความเดือดร้อนมาเยือน

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 360 ข่าว

 

 

ถังเฉียนถูกกอดไว้ ฟังที่เขาพูด แล้วรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ช่างไม่เป็นจริงเลย แม้ว่านางจะสูญเสียความจำไปแล้ว แต่เมื่อได้คืนกลับมา นางกลับไม่รู้สึกมีความสุข รู้สึกเพียงว่าชีวิตตนเองเป็นเหมือนเบี้ยที่อยู่ในกำมือคนอื่น

 

 

“ข้าเพียงแต่แค้นใจ ไยต้องเป็นข้า เหตุใดจึงต้องทำร้ายครอบครัวข้า”

 

 

เถิงเฟิงลูบผมนางเบาๆ ลูบไล้ตามเส้นผมนางลงไปช้าๆ

 

 

“นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านอ๋อง คนที่ผิดอย่างแท้จริงกลายเป็นธุลีดินไปแล้ว ยกโทษให้พวกเขาเถอะ ถ้าเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไป เรากลับไปที่เขาศักดิ์สิทธิ์ได้ ที่นั่นสวยมากใช่หรือไม่”

 

 

ถังเฉียนซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา ฟังเสียงหัวใจเต้นที่คุ้นเคย รู้สึกใจสงบเป็นพิเศษ ความรู้สึกนี้แปลกมาก มีเพียงเถิงเฟิงอยู่ด้วยนางจึงจะรู้สึกใจสงบเช่นนี้

 

 

เสียงร้องไห้ของนางเบาลงทุกที ค่อยๆ สงบใจลง เถิงเฟิงพูดปลอบนางเบาๆ เล่าเรื่องวัยเด็กที่สนุกให้นางฟัง

 

 

เป็นเวลาหลายปีที่เขาแบกรับความเจ็บปวดทรมานแทนถังเฉียน นี่คือสาเหตุที่ทำให้จู่ๆ ร่างเขาก็เย็นเฉียบหรือร้อนผ่าวเหมือนถูกพิษ ที่แท้เป็นการที่เขาแบกรับความทุกข์ทรมานแทนถังเฉียน

 

 

เหมือนบัวคู่ที่ใช้ก้านร่วมกัน ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกัน ต่างพึ่งพิงร่างของกันและกัน

 

 

“ถ้าเราจะไป จะสามารถผ่านด่านซานไห่ได้หรือ”

 

 

เถิงเฟิงพูดปลอบใจนางว่า

 

 

“แม้แต่ฮ่องเต้ข้าก็ยังจัดการได้ เจ้ายังกลัวแม่ทัพที่รักษาเมืองอีกหรือ”

 

 

ถังเฉียนได้ยินก็ยิ้มออกทันที แล้วใช้ชายแขนเสื้อของเถิงเฟิงเช็ดน้ำตาและน้ำมูกของตน นางลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสาย แล้วถามว่า

 

 

“ครั้งนี้ที่จะจัดการกับแม่ทัพคนนั้น น่าจะง่ายใช่หรือไม่ ข้าตั้งใจจะพาคนเผ่ากุ้ยลี่ไปด้วย เจ้าคงทำได้สินะ”

 

 

เถิงเฟิงมองชายแขนเสื้อของตนที่เปื้อนน้ำตาและน้ำมูก ท่าทางไม่พอใจ แล้วเงยหน้าขึ้นพูดว่า

 

 

“เจ้า ขอแต่เจ้าดีใจก็พอ แต่ทางที่ดียิ่งรีบก็ยิ่งดี เวลานี้คงปิดข่าวที่อ๋องอุดรตายไม่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นบ้านเมืองเกิดศึกสงคราม ย่อมเป็นผลร้ายต่อพวกเรา”

 

 

ถังเฉียนได้ยินเช่นนั้นก็ตบไหล่เถิงเฟิงเบาๆ แล้วเดินออกจากห้อง

 

 

นางรีบให้หวังหลงไปแจ้งให้ตัวเสิ้งและเหาเก๋อรู้ ถังเฉียนตามหาน้องสาวหวังหลงเจอแล้ว นางยังสืบรู้ความจริงว่าอ๋องอุดรซ่อนดินระเบิดไว้เพื่อเตรียมก่อกบฏ

 

 

ขณะนี้ฉู่จิ่งเหยาพาน้องสาวหวังหลงและเสมียนหลี่ไปยังเจาหยางเพื่อทูลฟ้องเรื่องนี้ เวลานี้อ๋องอุดรกลัวความผิดจึงปลิดชีวิตตัวเองยิ่งไม่อาจแก้ตัวได้

 

 

“ท่านหมอ ทัพหนุนมาถึงแล้ว กำลังวุ่นวายอยู่นอกเมือง เราจะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ถังเฉียนมองดูจวนอ๋องอุดร ครอบครัวของอ๋องอุดรมีทั้งที่หนีไปและที่เสียชีวิต เหลือเพียงบ่าวไพร่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ขืนทิ้งไว้ในนี้อาจจะก่อความเดือดร้อน นางจึงให้ขับไล่คนที่เหลือออกไปหมด ในเมืองกับนอกเมืองถูกปิดกั้น ท่านอ๋องเหลือทหารไว้หน่วยหนึ่งเพื่อคุ้มครองนางกับพวก เกรงว่าพวกเขาจะต้านได้ไม่นาน

 

 

“ทัพเดิมที่รักษาเสิ้งจิงไปไหนแล้ว”

 

 

“ตอนนั้นอ๋องอุดรต้องการรีบแก้ปัญหาวังใต้ดินของเผ่ากุ้ยลี่ จึงโยกย้ายทัพใหญ่ไป ต่อมากลัวว่าเราจะหนีฝ่าด่านซานไห่ ยังโยกย้ายแม่ทัพใกล้ชิดไปด้วย ทำให้เมืองเสิ้งจิงว่างเปล่าเหลือแต่เปลือกนอกเดิมคาดหวังกำลังทัพหนุน ก็ถูกเราใช้ระเบิดปิดกั้นเส้นทาง ที่นี่จึงเหลือกำลังทหารเพียงน้อยนิดขอรับ”

 

 

ถังเฉียนตามหวังหลงขึ้นไปบนหอคอย มองดูเบื้องล่าง แม้จะมีกำลังทหารมาก แต่วินัยทหารหย่อนยาน คิดว่าคงขาดขวัญกำลังใจในการสู้รบ

 

 

“ประกาศให้ทหารพวกนั้นรู้ว่าอ๋องอุดรคิดก่อกบฏ ถูกจินซิวอ๋องประหารไปแล้ว ให้พวกเขากลับใจ อย่าก่อความวุ่นวาย มิฉะนั้นจะมีความผิดเทียบเท่ากบฏ”

 

 

 

 

ตอนที่ 361 ความเดือดร้อนมาเยือน

 

 

ถังเฉียนพูดจบก็ยืนขึ้นแล้วกลับไป หวังหลงมองออกนานแล้วว่าเหล่าทหารเบื้องล่างไม่อยากสู้รบ ไม่เช่นนั้นด้วยกำลังพลมากขนาดนี้คงบุกโจมตีไปแล้ว

 

 

คงเพราะแม่ทัพฝ่ายนั้นก็รู้ดี เมื่ออ๋องอุดรเสียชีวิตแล้ว เวลานี้การสู้รบย่อมไร้ความหมาย

 

 

แต่เขาไม่อาจถอยทัพ เพราะได้รับบัญชาจากอ๋องอุดรให้มาหนุนช่วย บัดนี้ถังเฉียนมอบบันไดให้เขาปีนลงแล้ว เขาย่อมถอยทัพกลับไป

 

 

“ได้ยินมาว่าเกาสยงคนนี้เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ขี้ขลาดอ่อนแอ วันนี้ได้เห็นทำให้รู้ว่าในหมู่แม่ทัพก็มีแกะดำ”

 

 

ถังเฉียนเคยได้ยินฟังฉู่จิ่งเหยากล่าวถึงเกาสยงผู้นี้ ตอนนั้นถ้ารู้ว่าคนผู้นี้รักษาเมือง ฉู่จิ่งเหยาก็คงไม่ดำเนินการทางทหารสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ เกาสยงคนนี้เป็นลูกหลานเชื้อพระวงศ์ที่เคยมีความชอบ แต่ไม่โหดเ**้ยมอย่างบรรพชน

 

 

เขาก็แค่คนโฉดที่หวั่นเกรงการสู้รบและกลัวตายเท่านั้น

 

 

ถังเฉียนรู้สภาพที่แท้จริงของคนผู้นี้จึงไม่มีความกังวลใดๆ นางรับปากว่านางกับเถิงเฟิงจะพาคนเผ่ากุ้ยลี่กลับไปใช้ชีวิตที่ดินแดนเผ่าม้งแต่เถิงเฟิงยังไม่หายป่วย ต้องพักรักษาตัวที่จวนอ๋องอุดรอีกหลายวัน คาดไม่ถึงว่าเผ่าอินทรีเงินจะส่งข่าวมา ข่าวนี้ทำให้เถิงเฟิงหวั่นใจมาก

 

 

ถังเฉียนยกยามาให้เถิงเฟิง เป็นเรื่องน่ายินดีที่วันนี้เขาลุกขึ้นได้ เขายืนอยู่ริมหน้าต่าง ร่างเขาไม่อาจทนต่อลมหนาวทางภาคเหนือได้ ถังเฉียนจึงต้องรีบเอาเสื้อมาเพิ่มให้เขาแล้วพูดว่า

 

 

“เจ้าคิดว่าร่างกายเจ้าแข็งแกร่งดุจเหล็ก ไม่รู้จักตายอย่างจินซิวอ๋องอย่างนั้นหรือ”

 

 

ถังเฉียนพูดจบก็ทำเพียงปิดหน้าต่าง เถิงเฟิงหันมา แล้วเดินมานั่งบนเตียงอย่างว่าง่าย ใบหน้าเขายังคงขาวซีด เขายอมแบกรับความทุกข์ทรมานจากถังเฉียนไม่น้อย ใม่เช่นนั้นนางย่อมไม่หาย ส่วนตัวเขาต้องล้มป่วยอยู่นาน

 

 

“คนนอกคงแปลกใจ หลายวันก่อนเจ้าอาการปางตาย แต่ตอนนี้กลับคอยดูแลข้า”

 

 

ถังเฉียนพยุงเขานั่งลง เอาชามยาวางลงบนมือเขา แล้วพูดว่า

 

 

“ก็เพราะเจ้าชอบได้หน้า จะป่วยแทนข้า เวลานี้ไม่สบาย กลับต้องให้ข้ามาดูแล”

 

 

เถิงเฟิงดูนางพูดบ่นพลางกินยา แล้วรีบกินลูกอมน้ำผึ้งในมือถังเฉียน

 

 

“ก็เพราะรู้ว่าแต่ก่อนเจ้ากินยาขมมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวนี้ให้เจ้าดูแลข้า ข้ายอมกินยาขมบ้างเท่านั้นเอง”

 

 

ถังเฉียนผลักเขา ไม่สามารถคุยกับเขาได้แล้วจริงๆ ใครใช้ให้เขาคอยมองนางด้วยสายตาหวานเยิ้ม จนทำให้นางรู้สึกขวยเขิน

 

 

“ถ้าข้าฟังคำพูดหวานหูจากเจ้าชั่วชีวิต กลัวว่าสุดท้ายข้าคงเอียนตายแน่”

 

 

เขาตบศีรษะนางเบาๆ นางถลึงตามองเขาด้วยความโมโห แต่ถัดมาทั้งคู่ก็สบตากันแล้วหัวเราะ

 

 

“บอกแล้วไงว่าจะให้เจ้าตกลงไปในบ่อแห่งความสุข ในบ่อนั้นมีแต่ความหวาน ถ้าขมใครจะอยากตกลงไป”

 

 

ถังเฉียนหันมา แล้วย้อนถาม

 

 

“บ่อแห่งความสุขนี้ อยากได้ลมก็ได้ลม อยากได้ฝนก็ได้ฝน อยากลิ้มรสหวานก็ยังได้ แต่ทำไมถึงไม่ยอมให้รสขมล่ะ?”

 

 

เถิงเฟิงจิ้มจมูกนางแล้วพูดว่า

 

 

“ใจร้ายจริงนะ”

 

 

จากนั้นก็ล้วงจดหมายออกมาจากอกเสื้อ พูดว่า

 

 

“ญาติผู้พี่ข้าส่งจดหมายมา ฮ่องเต้ชราแห่งเซวียนกั๋วประชวรหนัก จินซิวอ๋องได้ออกว่าราชการแทน นับว่าเขาสมหวังแล้ว”

 

 

น้ำเสียงเถิงเฟิงสั่นเครือเล็กน้อย โดยเฉพาะเขาเห็นถังเฉียนที่กำลังเก็บถ้วยชามชะงักเล็กน้อย ทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เขาสามารถรู้สึกถึงใจนางที่หวั่นไหว บางครั้งการเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นเช่นนี้ก็เป็นภาระแบบหนึ่งเช่นกัน

 

 

ชะตาชีวิตที่เขาหนีไม่พ้น ไม่อาจมองข้ามสภาพที่เป็นจริงได้

 

 

“เวลานี้ควรยินดีกับจินซิวอ๋องแล้ว ถ้าเราอยากออกไปจากด่านซานไห่ เขาก็แค่พูดคำเดียวเท่านั้นจริงหรือไม่”