ตอนที่ 750 ศึกแห่งจิตขับเคลื่อน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 750 ศึกแห่งจิตขับเคลื่อน โดย ProjectZyphon

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้แต่ศิษย์สืบทอดแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้ายังถูกโจมตี คุณชายหลินช่างอหังการหาใดเปรียบชัดๆ!”

“ฮ่าๆ ก่อนหน้านี้ใครอวดอ้างว่าพลังต่อสู้ของชิงเจ๋อผู้นี้เย้ยฟ้ากัน เมื่อเทียบกับคุณชายหลิน เขาก็แค่เท่านี้!”

ผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิที่อยู่ในระยะไกลต่างฮึกเหิม รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก

หลายวันมานี้ข่าวลือเกี่ยวกับชิงเจ๋อทำให้ผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิต่างรู้สึกหดหู่เป็นเท่าตัว ศิษย์สายในที่ยังหนุ่มคนหนึ่ง กลับสยบบุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่งของจักรวรรดิในงานเลี้ยงราชวงศ์ ใครจะรู้สึกมีความสุขกับเรื่องนี้ได้เล่า

แต่ตอนนี้ได้เห็นหลินสวินสำแดงพลังอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้สถานการณ์ที่ปะทะกันซึ่งหน้า ก็ชิงตัดหน้าโจมตีชิงเจ๋อจนบาดเจ็บได้ก่อน ในฐานะผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิย่อมฮึกเหิมเป็นธรรมดา

เพียงแต่เสียงโห่ร้องและความฮึกเหิมไม่ได้ดำรงอยู่นานก็ต้องหยุดชะงักทันที บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดและตึงเครียดอีกครั้ง

เหตุผลอยู่ที่กลิ่นอายของชิงเจ๋อในลานเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มีกลิ่นอายน่ากลัวอันไร้รูปแผ่ซ่านออกจากรอบกายขา ดุจดังสัตว์ปีศาจบรรพกาลฟื้นตื่นจากการหลับใหล ทำให้ผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิทั่วลานต่างสั่นงั่กทั่วสรรพางค์กาย รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันลึกลับ

ชิงเจ๋อในเวลานี้รอบกายรายล้อมด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีเขียวพลุ่งพล่าน เรือนผมสีเงินปลิวสยาย เปล่งประกายราวกับน้ำตกเงิย นัยน์ตาทั้งคู่ทอแสงศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวออกมา

หากกล่าวว่าชิงเจ๋อก่อนหน้านี้เป็นเหมือนคมดาบไร้เทียมทานเล่มหนึ่ง เช่นนั้นเขาในตอนนี้ก็เป็นดั่งภูเขาไฟที่เดือดพล่าน บรรจุกลิ่นอายน่ากลัวเหมือนจะล้างจักรวาลผลาญพิภพก็ไม่ปาน!

เห็นได้ชัดเจนว่าบริเวณไหล่ซ้ายที่บาดเจ็บจนยุบตัวของเขาฟื้นสู่สภาพเดิมได้ในชั่วขณะ เสาะหาไม่พบร่องรอยอาการบาดเจ็บแม้เพียงเสี้ยวอีก

ไม่เพียงเท่านี้ ชิงเจ๋อในเวลานี้ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ ก็ทำให้ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่นได้แล้ว แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ตั้งไม่รู้เท่าไร!

แย่แล้ว!

คนใหญ่คนโตแห่งจักรวรรดิทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสี เห็นชัดเจนยิ่งว่าชิงเจ๋อบันดาลโทสะแล้ว ไม่ได้กดพลังของตนอีกต่อไป

“พลังของมกุฎมรรคาข้าได้เรียนรู้แล้ว สามารถทำให้ข้าบาดเจ็บเล็กน้อยได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ”

เสียงของชิงเจ๋อราบเรียบ ทว่าพลังอำนาจกลับน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาลุกโชน แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง “เพียงแต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่นี้ก็จะทำให้ข้าปราชัยได้แล้ว”

ยามเอ่ยวาจาเขาก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ห้วงอากาศยุบทลายแผดคำราม พลานุภาพปานล้างผลาญเช่นนั้นทำให้บุคคลชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติยังใจสั่น

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

บางทีนี่จึงจะเป็นพลังแท้จริงที่ชิงเจ๋อมีในครอบครอง ก่อนหน้านี้เขากดพลังเอาไว้ ถึงได้รับบาดเจ็บด้วยความเลินเล่อ

ทว่าตอนนี้ย่อมไม่เหมือนกัน!

“ดี!”

บุคคลสำคัญตระกูลจั่วคนหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นในใจ ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วพลันเจอเข้ากับความไม่พอใจของผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิทั้งหมดในบัดดล

คนตระกูลจั่วผู้นั้นรู้ว่าเสียกิริยาก็หุบปากทันที แต่ภายในใจกลับหัวเราะเย็นชาขึ้นมา เขารอคอยการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงอย่างยิ่ง!

เผชิญหน้ากับชิงเจ๋อที่เปลี่ยนเป็นแกร่งกล้า หลินสวินก็กำลังสาวเท้าเช่นเดียวกัน ไม่ได้หลบเลี่ยง รูปร่างของเขาสูงโปร่ง โดดเด่นไม่แปดเปื้อนมลทิน รอบกายมีกลิ่นอายอันสมบูรณ์ประการหนึ่ง

“ข้าเพียงแต่ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าก่อนหน้านี้ยังคุยโวว่าจะกดพลังต่อสู้กับข้าอย่างยุติธรรม แต่ตอนนี้เห็นท่าไม่ค่อยดีกลับนึกเสียใจขึ้นมา การกระทำปลิ้นปล้อนสับปลับแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นสิ่งที่สืบทอดกันในสำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเจ้าด้วย”

คำพูดหลินสวินฟังดูสบายๆ ยิ่งนัก แต่กลับเจือการถากถางทางอ้อม ทำเอาผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิต่างนึกอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก ได้แต่กลั้นเอาไว้จนอึดอัดยิ่งนัก

แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้ชิงเจ๋อแสดงออกอย่างถือดียิ่งนัก กล่าวว่าจะกดพลังเพื่อต่อสู้กับหลินสวินอย่างเท่าเทียม

ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจกะทันหัน พฤติกรรมนี้ขายขี้หน้าจริงๆ

“บังอาจ!”

ไกลออกไปแววตาของกู้ตงถิงเย็นเยียบ คิดไม่ถึงว่าหลินสวินถึงกับอาศัยโอกาสนี้ดูหมิ่นสำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเขา

กลับเห็นว่าชิงเจ๋อที่อยู่ในลานสีหน้านิ่งขรึม ท่าทางแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวถึงขีดสุด จ้องไปที่หลินสวินแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เป็นข้าเกรงใจเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รู้คุณค่า ยังมาถากถางข้า ดูท่าเจ้าตั้งใจรนหาที่ตายจริงๆ สินะ”

ไอสังหารวนเวียนอยู่ภายในใจของเขา ก่อนหน้านี้ถูกโจมตีจนบาดเจ็บก็ทำให้เขาเสียหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกหลินสวินถากถางต่อหน้าธารกำนัลอีก มันทำให้เขาเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง

ตูม!

ในดวงตาของชิงเจ๋อถึงกับมีรอยสลักปริศนาลักษณะเหมือนกระบี่คู่หนึ่งพุ่งยิงออกมา ตัดสลับกันกลางอากาศ คำรามเสียงดังเคร้งคร้าง ปลดปล่อยกลิ่นอายวิถีกระบี่คมกริบไร้เทียมทานออกมา

ฝั่งผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิต่างสูดลมหายใจหนาวเยือก รับรู้ถึงความน่าหวาดกลัวสุดซึ้ง ตระหนักได้ว่าชิงเจ๋องัดวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาใช้แล้ว

ตอนนั้นในงานเลี้ยงราชวงศ์ ชิงเจ๋อก็อาศัยปราณวิถีกระบี่นี้สยบคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่ง ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งสามกระบี่ของเขาได้!

แม้แต่มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์ก็ยังทำไม่ได้!

‘เจ้าหมอนี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ในปีนั้นสักเท่าไรเลย…’ นัยน์ตาของจ้าวไท่ไหลที่อยู่ไกลออกไปหรี่ลงฉับพลัน

ส่วนกู้ตงถิงรวมถึงบุคคลสำคัญของสองตระกูลจั่วและฉินในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นลงมาก ชิงเจ๋อกำลังจะใช้พลังทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่กังวลอะไรอีกต่อไป

เช่นเดียวกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าหลินสวินก็ดูเยือกเย็นมาก กลิ่นอายในเวลานี้ของชิงเจ๋อแม้จะทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างอยู่บ้าง แต่มันไม่เพียงพอจะทำให้เขาเกรงกลัวได้

“พูดไปพูดมาล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าดูมีเหตุผลไปเสียหมด เหอะๆ ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้เรียนรู้ศักยภาพของผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าแล้ว” หลินสวินหัวเราะเยาะ

ถ้อยคำเหล่านี้กระแทกใจชิงเจ๋อ พาให้สีหน้าเขายิ่งดูเย็นเยียบมากขึ้น กลิ่นอายก็ยิ่งน่าสะพรึงขึ้นทุกที ศิษย์สืบทอดแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าอันสูงส่ง ไหนเลยจะเคยถูกคนเสียดสีเช่นนี้มาก่อน

แต่ตอนนี้ในดินแดนแร้นแค้นอย่างโลกชั้นล่าง กลับถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งหัวเราะเยาะไม่หยุดปาก สิ่งนี้ทำให้ในใจชิงเจ๋อโมโหถึงที่สุด

“พิฆาต!”

ริมฝีปากของเขาพ่นคำหนึ่งออกมา ไอสังหารพุ่งทะยาน ถัดจากนั้นก็เห็นสัญลักษณ์รูปกระบี่เปล่งประกายสีเขียวเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากนัยน์ตาของเขาอย่างเฉียบพลัน

สวบ!

สัญลักษณ์รูปกระบี่เปล่งแสง สำแดงคมไร้เทียมทานราวกับสายฟ้าสีเขียว ทำให้ดวงตาของผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิปวดแปลบเหมือนถูกตัดเฉือนด้วยคมกระบี่

“รุ่งสาง!”

คนใหญ่คนโตในจักรวรรดิบางคนร้องอุทานเสียงหลง ด้วยจำการโจมตีนี้ได้

ตอนนั้นในงานเลี้ยงราชวงศ์ชิงเจ๋อก็เคยสำแดงมรดกวิถีกระบี่เช่นนี้ ภายใต้กระบี่นี้ เผยลำแสงไร้เทียมทานราวกับพระอาทิตย์แรกโผล่พ้นฟ้า ทำลายล้างความมืดมิด!

เพียงแต่กระบี่รุ่งสางในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าน่ากลัวกว่าเดิมเสียอีก ทั้งยังเป็นจิตกระบี่ไร้รูปที่ควบแน่น ขับเคลื่อนด้วยพลังจิต แน่นอนว่าลึกลับสุดหยั่ง พิฆาตกราดเกรี้ยวหาใดเปรียบ!

พลังจิต!

เป็นพลังจิตวิญญาณที่มีแต่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติขึ้นไปเท่านั้นจึงจะควบรวบออกมาได้

และไม่ต้องสงสัยเลย มรดกวิถีกระบี่ที่ชิงเจ๋อครอบครองอยู่นี้ ก้าวหน้าไปถึงขั้นเผยความอัศจรรย์ของพลังจิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิถีกระบี่เช่นนี้ทอดสายตาแลไปทั่วจักรวรรดิต่างเรียกได้ว่าหายากและไร้เทียมทาน พบได้น้อยมากอย่างที่สุด!

การโจมตีนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพลังของชิงเจ๋อน่ากลัวมากเพียงใด

เพียงแต่ทุกผู้คนล้วนไม่ได้สังเกตเห็น ยามเห็นการโจมตีนี้ ในดวงตาของหลินสวินกลับผุดแววประหลาดเสี้ยวหนึ่ง

สวบ!

ครู่ต่อมาก็เห็นคมดาบปานดาราเรืองสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางหว่างคิ้วของหลินสวินเช่นเดียวกัน ขาวกระจ่างดุจหิมะ จวนเจียนโปร่งแสง ดั่งแสงระยับเย็นยะเยือกเสี้ยวหนึ่ง เสมือนความฝันฟุ้งเฟ้อ

‘มรดกอักษร ‘ปฐม’ แห่งค่ายกลสลักลายมรรค’!

นี่คือมรดกวิชาส่วนแรกของดาบหัก เป็นวิชาลับจิตขับเคลื่อนอย่างแท้จริง แต่ที่แตกจากชิงเจ๋อคือ สิ่งที่หลินสวินบังคับอยู่นั้นคือ ‘ศาสตราจิต’ ที่แท้จริงเล่มหนึ่ง!

ศาสตราจิตคืออะไร

คือสมบัติที่ใช้ ‘จิต’ ในการขับเคลื่อน สามารถเฉือนเทพผี สะบั้นจักรวาล ปั่นป่วนสุริยันจันทราได้!

สมบัติล้ำค่าเช่นนี้แทบไม่มีให้เห็นบนโลกทุกวันนี้ มันหายากเกินไป แม้แต่ในมือของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสังสารวัฏยังไม่มีในครอบครอง

ตูม!

ภายใต้ความสนใจของทุกสายตาทั่วลาน ยามที่ดาบหักพุ่งโฉบออกมา ก็เห็นกระบี่ลับไร้เทียมทานสายนั้นที่ชิงเจ๋อปล่อยออกมาถูกตัดสะบั้นอย่างง่ายดายราวกับกระดาษว่าว ระเบิดกลายเป็นละอองแสงปลิวหาย

กระบี่นี้อานุภาพน่าทึ่งไร้เทียมทานเพียงใด แต่ยังไม่รอให้สำแดงฤทธิ์เดชก็ถูกทำลายทิ้งแบบนี้ ทำให้ทั่วทั้งลานต่างอึ้งค้างทันที นิ่งงันอยู่ตรงนั้น ยากจะเชื่ออย่างยิ่ง

พรวด!

ชิงเจ๋อที่อยู่ไกลออกไปเดิมทีไอสังหารพวยพุ่ง หมายจะใช้พลังแท้จริงกำราบหลินสวินเพื่อระบายความแค้นในใจ ทว่าเขาในตอนนี้กลับกระเด็นลอยออกไปเหมือว่าวเชือกขาด ปากกระอักเลือด แม้แต่สีหน้ายังเปลี่ยนเป็นซีดเซียวในบัดดล

เสียงดังปึงหนึ่งครา ร่างของชิงเจ๋อร่วงตุบลงบนพื้น กระแทกจนที่ตรงนั้นแตกเป็นเสี่ยง ฝุ่นควันตลบฟ้า

“นี่…”

ทั่วทั้งลานปากอ้าตาค้าง

หลังจากชิงเจ๋อไม่กดพลังอีกต่อไป อานุภาพน่าหวาดกลัวนั้นได้สั่นสะท้านหัวใจของทุกผู้คนตั้งแต่เอาไว้แล้ว ต่างลอบเป็นกังวลแทนหลินสวินกันถ้วนหน้า

อย่างไรเสียในตอนนั้นแม้แต่บุคคลชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติยังหยุดสามกระบี่ของชิงเจ๋อเอาไว้ไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินที่เพิ่งครอบครองพลังปราณระดับหยั่งสัจจะจะไหวหรือ

ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้ผู้คนอึ้งงัน ทันทีที่ชิงเจ๋อปล่อยกระบี่พิฆาตออกไป กลับพ่ายแพ้อย่างสุดจะทนยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก!

ภาพนี้เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไป

“สวรรค์ ก่อนหน้านี้พวกเราทึ่มที่เป็นกังวลแทนคุณชายหลินกันชัดๆ!”

ผู้ฝึกปราณที่เชื่อมั่นในตัวหลินสวินเวลานี้ต่างตะลึงเล็กน้อย แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ทำลายศัตรูอย่างง่ายดายเหมือนพังไม้ผุ ฝีมือเช่นนี้เกรี้ยวกราดเผด็จการเกินไปแล้ว!

“เป็นไปไม่ได้!”

บุคคลสำคัญตระกูลจั่วและฉินตกใจจนแทบโดดผลุงขึ้นมา เดิมทีมั่นใจเต็มอก กำลังเตรียมชมเรื่องสนุก แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าพริบตาเดียวกลับเป็นชิงเจ๋อที่พ่ายแพ้ไปเสียได้!

ยังดีที่พวกเขามีบทเรียนจากคราวก่อน ไม่กล้าส่งเสียงออกไป มิเช่นนั้นหากผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิคนอื่นๆ ล่วงรู้ความคิดของพวกเขา คงต้องถูกกลอกตาใส่และรังเกียจเป็นแน่

‘ศาสตราจิต นั่นเป็นถึงศาสตราจิต…’

นัยน์ตากู้ตงถิงวับวาว ค่อนข้างไหวหวั่นสะเทือนอารมณ์ จับจ้องไปยังคมดาบขาวแวววาวที่วนอยู่รอบกายหลินสวิน สีหน้าปรวนแปร

มีเพียงเขาที่รู้ดีว่าการพ่ายแพ้ครั้งนี้ของชิงเจ๋อนั้นสมควรแล้ว เพราะนั่นเป็นศาสตราจิตขนานแท้! ต่อให้เป็นในสำนักกระบี่เทียมฟ้าก็ยังเป็นสมบัติล้ำที่เรียกได้ว่ามีค่าเหลือล้น พบเห็นได้น้อยมาก

เพียงแต่… ท้ายที่สุดผลลัพธ์นี้ช่างทำให้ผู้คนหดหู่เหลือเกิน!

“ฮ่าๆ วะฮะฮ่าๆ…” จ้าวไท่ไหลที่อยู่ไกลออกไปหัวเราะจนเหมือนจิ้งจอกเฒ่าที่ขโมยลูกไก่ได้อย่างไรอย่างนั้น

ส่วนหน้าประตูภูเขาชำระจิต สมาชิกและบุคคลระดับสูงของตระกูลหลินทั้งหมดต่างกู่ร้องขึ้นอย่างเป็นเกียรติ

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ในที่นั้นชิงเจ๋อตะกายขึ้นมาจากพื้น ส่งเสียงตะโกนเดือดดาลเย็นเยียบ เขาไม่ยินยอม ในใจโกรธเกรี้ยวเฉียวฉุน ไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้

ยังไม่ทันงัดพลังทั้งหมดออกมาใช้ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแล้ว นี่เป็นความอัปยศยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย!

“พิฆาต!”

ชิงเจ๋อในขณะนี้ไม่ได้มีท่วงท่าเป็นเอกเทศวางตัวตามสบายเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เรือนผมสีเงินของเขาเต้นพล่าน ใบหน้าเขียวคล้ำ เงาร่างประหนึ่งภูเขาไฟลุกไหม้ เผาทำลายห้วงอากาศ เรียกกระบี่วิญญาณสีเขียวเล่มหนึ่งพุ่งสังหารออกมา

เวลานี้เขาเหมือนดวงอาทิตย์ลุกโชนสีเขียวดวงหนึ่งกำลังปะทุเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แทบอยากเอาชีวิตหลินสวินด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

เพียงแต่หลินสวินกลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวตั้งแต่ต้น!

ถ้าหากก่อนหน้านี้ชิงเจ๋อไม่ใช้วิชาลับวิถีกระบี่นั้นออกมา บางทียามหลินสวินต่อสู้กับเขาอาจจะยังชักช้าเสียเวลาอีกหน่อย ทว่าตอนนี้…

ผลลัพธ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว!

………………..