ตอนที่ 11 โดย ProjectZyphon
ในรอบแรกนั้น ผมกับคังแทอุคก็คุ้นเคยกันดีในระดับหนึ่ง จริงอยู่ที่ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายนัก แต่ก็เคยมีความหลังว่าเคยทำกิจกรรมในฐานะ ‘นักล่าพวกเร่ร่อน’ ด้วยกันมา ภาพลักษณ์ที่มีความโหดร้าย ป่าเถื่อน เช่น การทดลองโดยใช้ร่างกายมนุษย์หรือการผสมเทียมของพวกเร่ร่อนที่ถูกจับกุมในเวลานั้นยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผม
วี้ดดด
“ก็ได้ ก็ได้”
ผมคงจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากเกินไปจนหยุดลูบมันไปโดยไม่รู้ตัว ผมเริ่มขยับมือไปลูบมันอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงเล็กๆ ดังมาจากข้างใต้
“…”
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงนัมดาอึนที่นั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่งกำลังส่งสายตาขอโทษขอโพยมาให้
และในตอนนั้นเอง
“คิมซูฮยอน คิมซูฮยอน”
“หืม?”
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงแต่ดังกังวานกำลังเรียกผม แม้จะไม่ได้หันไปมองแต่ผมก็รู้ว่าหล่อนเป็นใคร วิเวียนนั่นเอง
“พอมาคิดดูแล้ว ฉันสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง เหมือนช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นชินซังยงเลยนะ”
“ชินซังยงเหรอ ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลย ทำไม”
“อ้า ก็ฉันได้ยินมาว่าเราจะไปถึงบาร์บาร่ากันพรุ่งนี้หรือไม่ก็วันมะรืน เพราะอย่างนั้นเลยคิดจะไปหาเขาเสียหน่อยในฐานะอาจารย์น่ะ”
“ก็ไปสิ”
“แต่ทุกครั้งที่ไปไม่เคยเจอเขาเลย ฉันคิดว่าบางทีเขาอาจจะตั้งใจหลบหน้า…”
วิเวียนละท้ายประโยคโดยการเบาเสียงลง อาการแบบนั้นของหล่อนทำให้ผมเกิดสงสัยขึ้นมา
เธอบอกว่าหลบหน้างั้นเหรอ
“ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปหาแทนไหมล่ะ”
“เอ๋? ถึงจะไม่เป็นไรก็เถอะแต่…ถ้าไม่ได้เจอล่ะจะทำยังไง และเวลาก็ยังไม่เป็นใจอีกต่างหาก”
วิเวียนดูตกใจกับข้อเสนอของผม การประชุมใกล้จะจบลงแล้ว ผู้เล่นหนึ่งหรือสองคนก็ออกไปบ้างแล้วเช่นกัน
“ถ้าเขาไม่อยู่ก็…ไม่รู้สิ แต่ช่างเถอะ ใช่ว่าฉันจะไปหาตอนกลางคืนไม่ได้เสียหน่อย ไว้ฉันจะลองไปดูนะ”
“เฮ้อ อืม ขอบใจนะ แต่ยังไงฉันมั่นใจว่าชินซังยงจะไม่หลบหน้านายหรอก”
หลังจากที่วิเวียนถอนหายใจออกมาผมก็ลุกขึ้นยืน ไม่สิ เมื่อผมตั้งใจจะลุกขึ้นยืนต่างหาก
“อ้อ! เดี๋ยวก่อนคิมซูฮยอน! ยังมีอีกอย่างหนึ่ง”
“…?”
“ความสงสัยส่วนตัวน่ะ นั่นนายทำบ้าอะไรอยู่”
“หืม? ฉันทำอะไร…”
วิเวียนมองต่ำลงมาแทนคำตอบ สายตาของหล่อนจับจ้องไปที่ซอลอาที่ถูกถืออยู่ในมือข้างซ้ายและมือของผมที่กำลังลูบเจ้าดาบนั้นอยู่ ผมรีบเปลี่ยนเรื่องโดยอัตโนมัติ
“วันนี้อากาศดีเนอะ ฟ้าก็แจ่มใสดี เธอว่าไหม”
“หืม? อยู่ๆ พูดอะไรขึ้นมาน่ะ แล้วก็นะ นี่มันกลางคืนแล้ว”
หล่อนไม่หลงกลผมเลย ผมรีบเก็บดาบลงแล้วลุกขึ้นในทันที ผมเห็นหล่อนมองมันมาสักพักแล้ว เดี๋ยวหล่อนคงจะรู้เองนั่นล่ะ
“พอได้ฟังที่เธอพูดแล้ว ฉันก็เกิดเป็นห่วงชินซังยงขึ้นมา ฉันไปก่อนนะ เธอเองก็อย่ากังวลให้มันมากไปล่ะ”
“อะ อืม ขอบใจนะ แต่ว่า…คิมซูฮยอน? คิมซูฮยอน!”
แม้จะได้ยินเสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง แต่ผมก็ยังรีบจ้ำอ้าวออกจากเต็นท์ให้เร็วที่สุด
แม่งเอ๊ย น่าอายจริงๆ
ขณะที่สบถแรงๆ อยู่ในใจผมก็มุ่งหน้าไปที่ที่ทัพที่สามตั้งอยู่ เพราะถึงแม้ชินซังยงจะอยู่ในคลาสหายาก ‘นักเล่นแร่แปรธาตุคิเมร่า’ แต่ในตอนนี้เขาถูกจัดให้อยู่ในคลาสนักเวท
แต่แล้ว
ถ้าให้พูดถึงผลลัพธ์ล่ะก็ ผมไม่ได้พบกับชินซังยงหรอก แม้ว่าจะถามกับทหารเฝ้ายามจนหาเต็นท์ที่พักของเขาเจอแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นั่น แม้กระทั่งผู้เล่นที่อยู่เต็นท์เดียวกันก็ไม่รู้ว่าชินซังยงไปไหน สิ่งที่ผมได้ยินมีเพียงแค่ว่าเขาดูค่อนข้างวิตกกังวลมากในช่วงนี้และเขามักจะกลับมาที่เต็นท์คนเดียวตอนกลางดึกเพียงเท่านั้น
ผมคิดว่าผมน่าจะหาเขาเจอสักที่แต่ก็ตัดสินใจปล่อยไปก่อน เพราะอย่างไรเขาก็กลับมาที่เต็นท์แน่ๆ บางทีพรุ่งนี้ผมอาจจะได้เจอเขาก็ได้
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมไม่มีความคิดที่จะกลับไปทั้งอย่างนี้ จึงตัดสินใจไปหาคิมฮันบยอลด้วยความรู้สึกของไก่(?)แทนที่จะเป็นไก่ฟ้า
แต่เมื่อผมถามหาเต็นท์ของคิมฮันบยอล ผมก็ดันได้เจอกับคนที่ไม่คาดคิด
“ตายแล้ว แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่?”
“เอ่อ คุณ…..”
“มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
ที่หน้าเต็นท์ของคิมฮันบยอลกลับมีนักมายากลไพ่ทาโร่ต์และผู้บัญชาการทัพที่สาม ซอนยูลยืนอยู่
ที่เต็นท์ส่วนตัวของนักมายากลไพ่ทาโร่ต์และผู้บัญชาการทัพที่สาม ผมนั่งลงที่เก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ตรงกลางตามคำเชิญของซอนยูล จึงได้มีโอกาสมองหน้าหล่อนตรงๆ
ภายในเต็นท์มืดสนิท แต่ไลท์สโตนที่ถูกวางอยู่โดยรอบก็กำลังเปล่งแสงสีนวลออกมา ภาพของซอนยูลที่เข้าสู่สายตาก็ดูไม่ชัดเจนนัก
หลังจากนั้นซอนยูลก็ค่อยๆ พูดออกมาช้าๆ
“เข้าใจแล้วล่ะค่ะ มาที่นี่เพราะเป็นห่วงสมาชิกเผ่านี่เอง หึๆ คุณนี่จริงใจจังเลยนะคะ เพราะฉันเองก็คงทำแบบเดียวกันกับคุณนั่นแหละค่ะ”
“ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณที่นั่นนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่อะไร ไม่ต้องกังวลนะคะ ความจริงฉันว่าฉันชอบด้วยซ้ำค่ะ”
มีเส้นบางๆ วาดขึ้นที่มุมปากของซอนยูล ผมเองก็ทอดสายตามองหล่อนอยู่นิ่งๆ เช่นนั้น
การแต่งกายของซอนยูลมีความลึกลับเป็นเอกลักษณ์จนไม่ว่าใครเห็นก็ต้องคิดไปถึงนักมายากลสมัยใหม่ อย่างไรก็ตามการเปิดเผยเนื้อหนังมังสาก็ยังคงมีให้เห็น เพราะหล่อนเองก็ยังเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
ชุดซับในสีดำเผยให้เห็นไหล่มนที่ดูยั่วยวนและกระดูกไหปลาร้าที่งดงามของหล่อน ไปจนถึงการใส่ถุงน่องข้างใต้นั้น
แรงดึงดูดทางเพศของหล่อนร้ายแรงมากจนเห็นแววความเป็นดาวยั่วของหล่อนออกมาได้เลย
“อืม…ส่วนเรื่องคุณชินซังยงน่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ”
“พอจะทราบหรือเปล่าครับว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“แน่นอนค่ะ เขาเป็นคนในทัพของฉันนี่คะ และฉันเองก็ให้ความสนใจกับสมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ทุกคนอยู่แล้วด้วย…เขาคิดว่าเราจะไปถึงบาร์บาร่ากันในเร็วๆ นี้ลยดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษน่ะค่ะ เขาเอาแต่เดินไปนั่นไปนี่คงเพราะเขาคิดอะไรเยอะไปหมด ฉันก็แค่ปล่อยไปแบบนั้นเพราะคิดว่ามันคงจะดีกว่านะคะ”
ผมตั้งใจจะไปเจอเขาตัวต่อตัวในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้ามันเป็นตามที่หล่อนพูดก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นนิสัยของเขาที่ก็พอจะเข้าใจได้
นี่ฉันเองก็ไม่ได้รู้จักคนคนนี้จริงๆ สินะ
ในทีแรกผมคิดว่าเขาเป็นเพียงผู้เล่นที่ชอบคุยโวโอ้อวดไปเรื่อยเปื่อย แต่ผมก็ได้มองเห็นเขาในมุมใหม่ๆ ในเรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหรือความสามารถในการจัดการกับบรรยากาศรอบๆ ตัว ดูเหมือนว่าผมคงต้องมองเขาใหม่เสียแล้ว
“แต่อย่างไร ถ้าเขากลับมาฉันจะบอกเขาให้นะคะว่าแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่มาหา”
“ขอบคุณครับ”
ความเงียบปกคลุมอยู่สักครู่หลังจากที่ผมพูดจบ ไม่รู้ว่าทำไมแต่ความเงียบนี้ดูน่าอึดอัดแปลกๆ ผมจึงตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
“ลอร์ดแห่งเผ่าหอคอยแห่งเวทมนตร์ คุณบอกว่ามีอะไรสงสัยเกี่ยวกับผมไม่ใช่เหรอครับ”
ใช่แล้วล่ะ ผมได้เจอซอนยูลในขณะที่หล่อนกำลังเดินตรวจตราเหล่าคนในทัพอยู่ใกล้ๆ กับเต็นท์ของคิมฮันบยอล และเพราะหล่อนถามผมว่า ‘ไหนๆ ก็มาแล้ว จะไม่ไปคุยกันสักหน่อยหรือคะ’ นั่นจึงทำให้ผมได้เข้ามาอยู่ในเต็นท์ส่วนตัวของหล่อนเช่นนี้อย่างไรล่ะ
“เรียกฉันแบบสบายๆ ก็ได้ค่ะ และใช่ค่ะ อย่างที่ฉันได้พูดไปเมื่อสักครู่นี้ ฉันรู้สึกสนใจสมาชิกของเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ทุกๆ คนอย่างสุดซึ้งเลยค่ะ”
ซอนยูลเงียบไปสักพักคงเพราะหล่อนกำลังคิดถึงสิ่งที่จะพูดอยู่ จากนั้นจึงเริ่มพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“ถึงจะบอกว่ามีเรื่องสงสัย…แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอกค่ะ”
“สงสัยอะไรเหรอครับ”
“ฉันเพียงแค่สงสัยในสิ่งที่คนทั่วไปสงสัยกันน่ะค่ะ สงสัยนู่นนี่ไปหมด จะเป็นคนแบบไหนกันนะ เรื่องที่ว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของแคลนลอร์ดแฮมิลนี่จริงหรือเปล่า คุณค้นพบซากโบราณสถานมากมายในเวลาอันสั้นได้อย่างไร ทักษะที่คุณใช้จนสามารถจับแพคซอยอนเป็นเชลยได้แม้ว่าจะเป็นผู้เล่นปีที่ศูนย์คืออะไร คุณคว้าตัวโกยอนจูที่เตร็ดเตร่พเนจรไปเรื่อยมาอยู่ด้วยได้อย่างไร เป็นผู้ไร้เทียมทานอย่างในข่าวลือจริงๆ หรือเปล่า อะไรพวกนั้นน่ะค่ะ ลองมาคิดกลับกันดู แล้วเมอร์เซนต์นารี่ลอร์ดไม่มีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับฉันบ้างเลยหรือคะ”
อะไรนะ
ออกตัวมาอย่างดีแต่ก็รู้สึกเหมือนตกม้าตาย แต่สีหน้าของซอนยูลก็จริงจังเกินกว่าที่ผมคิดว่าหล่อนจะยั่วโมโหผม ผมจึงตอบออกไปพร้อมๆ กับความสงสัยที่เกิดขึ้นมา
“อืม ผมแค่รู้สึกว่าคำพูดที่ผมได้ยินมันแปลกๆ นิดหน่อยน่ะครับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ผมเองก็มีข้อสงสัยเช่นกัน แต่เป็นเรื่องส่วนตัวทั้งหมดเลยครับ”
“ตายจริง ความสงสัยมันก็เกิดขึ้นมาด้วยตัวของมันเองนั่นแหละค่ะ ฮ่าๆ ฉันขอฟังสิ่งที่คุณสงสัยเกี่ยวกับฉันก่อนจะได้ไหมคะ ถึงแม้จะเป็นเรื่องไม่ดีฉันก็เข้าใจค่ะ”
“ผมแค่…รู้สึกว่าผมไม่ค่อยเข้าใจคนเท่าไรน่ะครับ”
“ทำไมล่ะคะ ทำไมถึงรู้สึกแบบนั้นได้”
เมื่อผมบอกความรู้สึกออกไปตรงๆ ซอนยูลก็จ้องผมเขม็ง ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองสักพัก ก่อนจะค่อยๆ พูดตอบหล่อนออกไป
“ไม่ว่าจะเป็นตอนประชุม ตอนรับฟังเรื่องราวมาจากสมาชิกในเผ่า หรือแม้แต่ตอนที่คุยกับพวกเร่ร่อนเมื่อครั้งที่แล้ว”
“สมาชิกเผ่าของเมอร์เซนต์นารี่น่ะหรือคะ พวกเขาอะไรคะ คุณพอจะบอกฉันทั้งหมดเลยได้หรือเปล่า ฉันสงสัยค่ะ”
ช่างเป็นผู้หญิงขี้สงสัยจริงๆ ไม่สิ เพราะเป็นนักมายากลสินะ
ผมได้แต่ยิ้มแห้งในใจให้กับคำถามที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของหล่อน แต่เพราะอายุของผมก็มากพอที่จะแบ่งปันเบาะแสแล้วผมจึงตอบหล่อนไปให้มากที่สุดเท่าที่ผมรู้
“ผมได้ฟังมาว่าคุณดูแลพวกเขาดีมากครับ ทั้งคอยแนะนำนั่นนี่ให้ ดูไพ่ให้ หรือแม้แต่คุยอะไรเรื่อยเปื่อยก็ด้วย แล้วยังบอกว่าคุณเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆ อีกด้วย ยังไงผมก็รู้สึกขอบคุณกับทุกสิ่งที่คุณทำให้พวกเขาครับ”
“อ้า คุณกำลังพูดถึงฮายอนกับวิเวียนสินะคะ ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เพราะฉันก็รู้สึกถูกใจทั้งสองคนเลยอยากจะสนิทด้วยเท่านั้นเองค่ะ เพราะแบบนั้นก็เลยดูดวงให้…อ้า”