เขาวางรยูฮาลงบนพื้นหญ้าแล้วใช้มือแตะลงตรงใต้จมูกแต่ไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิใดๆ เลย ได้โปรด ได้โปรดเถิด ฮอนประกบปากลงไปแล้วเป่าลมเข้าไปอย่างจริงจังให้ไหลผ่านเข้าไปยังปอดของรยูฮา มือที่มีเลือดออกก็กดลงบนอกของรยูฮาอย่างแรง เป่าลมเข้าอีกครั้งแล้วก็ปั้มลงบนหน้าอกอีกครั้ง ฮอนทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยในเวลาน่าเป็นห่วงเช่นนี้ 

 

 

“แค่ก แค่ก!” 

 

 

น้ำที่ปิดกั้นลมหายใจอยู่ไหลออกมาในคราวเดียว แล้วรยูฮาก็ลืมตาขึ้น 

 

 

“รยูฮา!” 

 

 

ฮอนดึงรยูฮาเข้ามากอดอย่างไร้สติ ไม่มีอะไรจะนึกขอบคุณมากไปกว่านี้อีกแล้ว เขาลูบลงบนหัวกลมเล็กที่เปียกน้ำนั้นด้วยมืออันสั่นเทา 

 

 

“ขอบคุณ ขอบคุณ” 

 

 

“ฝ่าบาท ทรง…” 

 

 

“แค่เจ้ารอดชีวิตมาได้ ร่างกายของข้าก็ช่างมัน” 

 

 

“ทำไมพูดห้วน…” 

 

 

“ขอโทษที” 

 

 

ฮอนประคองรยูฮาให้ลุกขึ้นนั่งแล้วลูบหลังให้สำลักน้ำที่เหลือออกมา ลมหายใจกลับมาอีกครั้งแล้วแต่จะปล่อยให้ร่างที่เปียกปอนปะทะเข้ากับลมหนาวไม่ได้ 

 

 

“ลุกขึ้นไหวหรือไม่” 

 

 

รยูฮาพยักหน้าแล้วพิงไปที่ฮอนก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น แต่แล้วนางก็ส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยแล้วทรุดตัวลง เพราะความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามาตรงขาด้านซ้าย  

 

 

“…เหมือนว่าขาซ้ายจะบาดเจ็บเพคะ” 

 

 

“ไม่เป็นไร” 

 

 

ฮอนอุ้มรยูฮาขึ้นมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แล้วย้ายไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่สุดตรงหน้า เหล่าใบไม้แห้งที่ร่วงแถวนั้นก็กองกันสูงน่าจะใช้พรางตัวตอนนอนได้ แต่ก็ไม่สามารถกั้นลมได้ทั้งหมด 

 

 

“รออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะไปหาที่หลบ” 

 

 

ฮอนสำรวจทุกหนทุกแห่งจนไปเจอเข้ากับถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ตรงปากทางเต็มไปด้วยใยแมงมุมราวกับไม่มีอะไรเข้าออกมาเป็นเวลานาน พอปัดใยแมงมุมเข้าไปด้านใน จึงเห็นว่ามีใบไม้แห้งกระจัดกระจายตรงนั้นตรงนี้แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าสะอาด เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกลับมาอุ้มรยูฮาอย่างระมัดระวัง 

 

 

“ขออภัยด้วยเพคะ ฝ่าบาท” 

 

 

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าหมายถึงอะไร” 

 

 

“แล้วก็…ขอบพระทัยที่ช่วยชีวิตหม่อมฉัน” 

 

 

“ผู้หญิงของข้า ข้าก็ต้องช่วยอยู่แล้ว” 

 

 

ฮอนเผลอตอบออกไปแล้วกอดรยูฮาแน่นขึ้นไปอีก สายตาของรยูฮาที่ช้อนมองเขาจมอยู่ในห้วงความคิด ทำไมป่านนี้แล้วนางถึงไม่เคยรู้ตัวเลยว่าฮอนในตอนนี้แตกต่างจากสมัยเด็ก ไม่ใช่คนที่นางต้องปกป้อง แต่คือชายหนุ่มผู้สง่างามและเป็นกษัตริย์ในอนาคตที่จะนำพาประเทศนี้ไป เป็นคู่ครองตลอดชีวิตที่รยูฮาเลือก 

 

 

ฮอนวางรยูฮาลงบนกองใบไม้ที่ทับถมอยู่ในถ้ำอย่างเบามือ แทนที่เขาจะพัก แต่เขากลับออกไปข้างนอกไป เก็บกิ่งไม้กับลำต้นต้นไม้แห้งมากองรวมกันไว้ตรงกลางถ้ำ เพราะเตรียมตัวมาดี เนื้อแห้งและเชื้อไฟในกระเป๋าจึงไม่เปียกน้ำ ไม่นานกองไฟก็ลุกโชนกลางถ้ำ ฮอนถอดเสื้อผ้าเปียกออกผึ่งไฟไว้ แสงไฟสีแสดอมแดงส่องประกายมายังร่างกายของเขา รยูฮาหน้าแดงขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้วหันไปทางด้านข้าง 

 

 

“ต้องถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำพวกนั้น…ออก” 

 

 

เรื่องประหม่าฮอนเองก็เป็นเหมือนกัน น้ำเสียงที่พูดติดขัดเล็กน้อยก้องอยู่ในถ้ำ 

 

 

“ใช่…ใช่แล้วเพคะ” 

 

 

“เดี๋ยวข้าจะหลังให้ เจ้าถอดเสื้อแล้วก็…มานั่งอังไฟ” 

 

 

ฮอนที่นั่งหันหลังให้รยูฮาพยายามเพ่งประสาทการรับรู้ด้านการได้ยินไปยังเสียงไฟที่ลุกโชนแต่ก็ไร้ประโยชน์ แน่นอนว่าเสียงไฟที่สุมไว้น่าจะดังกว่าอยู่แล้ว แต่หูของเขากลับดันทรยศ ไวต่อเสียงเปลี่ยนเสื้อผ้าของรยูฮาและเสียงหยดน้ำที่หยดลงมาจากร่างกายของนาง รยูฮาถอดเสื้อผ้าตากไว้ข้างๆ เสื้อผ้าของฮอน แล้วมานั่งตรงกองไฟในสภาพใส่แค่ชุดซับในที่บางชนิดว่าไม่รู้ว่าใส่อยู่หรือเปล่า 

 

 

ในขณะเดียวกันเหล่าทหารที่ล้มเหลวจากการไล่ตามองค์รัชทายาทและพระชายาก็กลับไปยังเพิงที่พักชั่วคราวเพื่อแจ้งข่าว ทุกคนหยุดการล่าสัตว์แล้วออกตามหา ในป่ามีเพียงร่างของเสือที่ถูกธนูหลายดอกปักอยู่ ไม่สามารถหาร่องรอยของทั้งสองคนได้ มิหนำซ้ำก้อนเมฆและกลิ่นฝนก็เข้าปกคลุมดวงอาทิตย์อีก 

 

 

“ฝ่าบาท ต้องเสด็จกลับแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

“ไม่ ข้าจะหาเอง” 

 

 

“ดูเหมือนฝนจะตกพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเสด็จกลับเข้าไปข้างในรักษาพระวรกายเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะหาองค์รัชทายาทกับพระชายาให้เจอให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ชานพาพระราชาผู้ซึ่งบอกว่าจะช่วยค้นหาในป่ากลับเข้าไปยังที่พัก แต่พระราชาก็ตรัสซ้ำคำเดิมและไม่ยอมละสายตาจากข้างนอก 

 

 

“ต้องหาลูกชายข้าให้เจอ” 

 

 

ทรงเป็นพ่อที่แข็งแกร่งเหมือนหินอยู่เสมอ ปิดซ่อนความอ่อนไหวไว้ข้างหลังรอยยิ้มนั้นและตวาดใส่ข้าราชบริพาร สำหรับชานภาพพระราชาในตอนนี้ช่างไม่คุ้นตาเหลือเกิน 

 

 

“ฝ่าบาท!” 

 

 

ชานคุกเข่าเงยหน้ามองหน้าพระราชา สายตาที่ไม่เอ่ยคำพูดอื่นออกมาและเอาแต่จ้องมองนั้นช่างซื่อตรง สายตาของพระราชาค่อยๆ หันมองสายตาของเขาที่ไม่มีสั่นไหวแม้แต่น้อย พอความเงียบสักครู่ผ่านไปพระราชาก็จับมือของลูกชายคนที่สองไว้แน่น 

 

 

“ขอร้องล่ะ ช่วยหาให้เจอด้วย” 

 

 

ชานรับเอาคำฝากฝั่งอันหนักอึ้งมาแล้วออกมาข้างนอก ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเขา 

 

 

“ม้าขององค์รัชทายาทกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดูแล้วไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทคงทรงปลอดภัยอยู่ที่ไหนสักแห่งพ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

อย่างน้อยการที่ม้ากลับมาอย่างปลอดภัยก็หมายความว่าไม่ได้โดนเสือกัดหรือถูกสัตว์ป่าอื่นจู่โจม แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เมฆที่เลื่อนเข้ามาปกคลุมตอนนี้เริ่มกลายเป็นสายฝนโปรยปรายไปทั่วพื้นป่า สุนัขล่าสัตว์ไม่สามารถใช้จมูกดมกลิ่นได้ภายใต้สายฝน ยิ่งฝนตกลงมาใจของชานก็ยิ่งหมองลง 

 

 

พระชายาอยู่ที่ไหนกันแน่ ปลอดภัยดีอยู่หรือไม่ ความคิดในแง่ร้ายดำเนินต่อไปเรื่อย จนปลายทางมาหยุดอยู่ที่ภาพของรยูฮาที่ออกมาล่าสัตว์เมื่อวาน 

 

 

“…เหยี่ยว” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ? องค์ชาย?” 

 

 

พอคำพูดเลื่อนลอยออกมาจากปากของชานผู้ซึ่งยืนตากฝนได้สักครู่แล้ว ทหารที่ยืนอยู่ข้างกันก็มองเขาอย่างมึนงง ตอนนั้นชานก็กำลังวิ่งไปทางที่พักของรยูฮาแล้ว 

 

 

“ไปซะ ไปหาเจ้านายของแก” 

 

 

ชานกระซิบเสียงต่ำราวกับเหยี่ยวจะฟังเข้าใจแล้วเปิดกรงให้คยอกรังบินขึ้นสูงเหนือท้องฟ้า เหยี่ยวตัวน้อยบินวนกลางอากาศทะลุผ่านสายฝนก่อนจะหายไปไกล 

 

 

“ค้นหาต่อไป! ถ้าหาทั้งคู่ไม่เจอพวกเจ้าหัวหลุดออกจากบ่าแน่!” 

 

 

ชานส่งความหวังสุดท้ายไปแล้วขึ้นม้าควบออกไป ได้โปรดมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยด้วยเถิด ชานภาวนาในใจโดยไม่รู้ตัวว่าภายในคำภาวนานั้นไม่มีน้องชายของตัวเองอยู่ 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“ฝนตกน่าจะออกค้นหาได้ช้า แต่เหล่าทหารคง…” 

 

 

คำพูดสุดท้ายของฮอนที่ออกไปนอกถ้ำแล้วกลับมาถูกกลืนเข้าไปในปากและไม่ได้พูดต่อให้จบ เพราะรยูฮาที่นั่งกอดเข่ามองมาที่เขาตรงกองไฟ ผิวลื่นที่ทะลุผ่านชุดซับในตัวบางออกมาเข้ามาสู่สายตาของเขา ฮอนพยายามหันไปแล้วนั่งหันหลังให้รยูฮาตามเดิม หัวใจเต้นแรงอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือและเลือดร้อนก็ไหลผ่านไปทั่วทั้งร่าง 

 

 

“ฝ่าบาท” 

 

 

“อืม? ไม่สิ…เรียกทำไม” 

 

 

ทำไมน้ำเสียงดูไร้ชีวิตชีวาแบบนี้ รู้สึกว่าเสียงสะท้อนที่ปะทะเข้ากับผนังถ้ำแล้วย้อนกลับมากระตุ้นทั้งร่างกาย  

 

 

“มาทางนี้เถอะเพคะ มันหนาว” 

 

 

หนาวอะไรกัน ร้อนจะตาย แต่ฮอนไม่ได้พูดคำนั้นออกไปแล้วเข้าไปข้างๆ รยูฮาในสภาพที่หันหน้าไปอีกทาง ความชื้นแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนเพราะความร้อนจากกองไฟ ขณะที่กลิ่นกายของรยูฮาปกคลุมไปทั่วตัวเขา หญิงสาวก็เรียกเขาด้วยเสียงเบาหวิว 

 

 

“ฝ่าบาท” 

 

 

“…ว่ามา” 

 

 

“มองหม่อมฉันหน่อยเพคะ” 

 

 

มือเย็นโอบรอบใบหน้าของฮอนที่พยายามไม่หันกลับไป ริมฝีปากชื้นของทั้งคู่ประกบกันแล้วลิ้นก็แทรกเข้าไปในปากอย่างไม่ยอมหยุดพัก ฮอนลังเลอยู่สักครู่แล้วรับเอาสิ่งนั้นเข้ามาและกอดรยูฮาไว้ ความสนใจมุ่งไปที่ตรงปลายลิ้นซึ่งส่งต่อทุกความรู้สึกราวกับเป็นร่างกายเดียวกัน แล้วหายใจหอบออกมา มือที่เป็นห่วงกดไล่ลงไปนับตั้งแต่ต้นคอไปตามกระดูกสันหลังของรยูฮาแล้วค่อยๆ ลงไปข้างล่างทีละนิด 

 

 

“ฝ่าบาท” 

 

 

หลังจากนั้นสักพัก รยูฮาที่ผละริมฝีปากออกมาก็กระซิบขึ้นในสภาพมุดใบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขา 

 

 

“กอดหน่อยเพคะ” 

 

 

“ว่า ว่าไงนะ…” 

 

 

“อยากทำตอนนี้เพคะ คืนเข้าหอของเรา” 

 

 

ฮอนตะกุกตะกักพลางผละมือออกจากรยูฮา แล้วใช้มือโอบใบหน้าของหญิงสาวไว้ก่อนจะลูบขึ้นลง คงล้อเล่นอีกแล้วใช่ไหม ตั้งใจจะคิดแบบนั้นแต่ดวงตาของรยูฮาที่มองมาก่อนหน้านี้เล็กน้อยไม่ได้มีความล้อเล่นอยู่เลย ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรแล้วริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันก็ประทับลงไปบนริมฝีปากของรยูฮาอีกครั้งอย่างนุ่มนวลและผละออกมา มาตอนนั้นฮอนถึงได้ควบคุมลมหายใจได้แล้วเบนสายตาไปทางรยูฮาอีกครั้ง 

 

 

“ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บ แล้วก็…”